Bond
Pairing: FrCa
Rate: PG-13
Author: 24354
ร่างบนเตียงพลิกตัวไปมาอย่างไม่สบายตัวนักเนื่องจากอากาศที่คาดหวังว่าจะเย็นกลับไม่ลดอุณหภูมิลงมากนักในคืนนี้จนสุดท้ายเจ้าตัวจำใจต้องลุกขึ้นไปเปิดหน้าต่างเพื่อให้มีอากาศถ่ายเทบ้างแล้วกลับมานอนต่อ แม้จะไม่ช่วยมากนักแต่ก็ดีกว่านอนอบอ้าวบนหมอนชุ่มเหงื่อในเวลาแบบนี้ล่ะนะ
"ร้อนชะมัดเลย ร้อนชะมัดเลยน้า" ฟรานซิสพึมพำขณะกลิ้งไปมาบนเตียง พอลุกขึ้นมาในอากาศแบบนี้แล้วช่วยไม่ได้ที่เกิดตื่นเต็มตาเสียอย่างนั้น ฤดูร้อนประเทศนี้ไม่เคยเปลี่ยนเลยจริงๆ ชายหนุ่มเสยผมชื้นเหงื่อของตนอย่างเหนื่อยหน่าย นึกอยากไปพักร้อนที่ไหนซักที่แต่การประชุมใหญ่ประจำปีนั้นใกล้เข้ามาแล้วช่วงนี้เขาจึงไม่สามารถกระดิกตัวไปไหนตามใจได้เลย(คำสั่งบอส)เพราะต้องเตรียมตัวหลายอย่าง น่าเบื่อเหลือเกิน
"อยากไปพักร้อนจังน้า ไปทะเลสวยๆซักที่ หาดทรายสีขาวภายใต้แสงแดด อืม สาวๆในชุดบิกินี่..." ใบหน้าหล่อเหลาทำหน้าเคลิ้มจินตนาการเพ้อฝันไปไกล ไฮไลท์ของการไปทะเลก็ต้องสิ่งสุดท้ายนี่ล่ะ แม้อาจจะทำให้อากาศภายใต้แสงแดดจ้านั้นระอุขึ้นมาบ้างแต่หากไม่มีสิ่งนี้แล้วไซร้มันก็ไร้ความหมาย เขาคงต้องเปลี่ยนไปอุดอู้ขึ้นเขาลงห้วยแทนแบบบอสที่ชอบชวนไปด้วยบ่อยๆ(และลงเอยด้วยการถูกปฏิเสธทุกครั้งไป)
นึกดูอีกทีความจริงอากาศในที่แบบนั้นก็ไม่เลวนักหรอก เขาจ้องเพดานห้องมืดสลัวเงียบๆ ถึงช่วงฤดูหนาวจะสาหัสไปบ้างแต่พออุ่นขึ้นมาแล้วเป็นใครก็ยากจะลืมเลือนไม่ว่าช่วงเวลาจะผ่านไปนานเพียงใดแม้แต่ตัวเขาเองก็ตาม กลิ่นต้นหญ้าสดใหม่ สายลมที่พัดอ่อนๆตลอดวัน ท้องฟ้าสีฟ้าสดใสกับก้อนเมฆสีขาวลอยเอื่อยเฉื่อย ดอกไม้ป่าหลากสีสัน ยิ่งกว่านั้น...
'พี่ชาย พี่ฟรานซิส'
สิ่งมีชีวิตเล็กๆที่สวยงามที่สุดที่เขาเคยพบเจอ สิ่งมีชีวิตที่เขาอยากทะนุถนอมเอาไว้ให้ได้นานที่สุดก่อนที่จะถูกความผิดพลาดในอดีตนั้นพรากไป ดวงตาหม่นแสงปิดลงหวังกั้นความรู้สึกที่ท่วมท้นขึ้นมากะทันหัน คิดถึง เขาคิดถึงวันเวลาเหล่านั้นเหลือเกิน เขาคิดถึงเด็กผู้ชายตัวเล็กๆคนนั้นเหลือเกิน
ฟรานซิสรู้แก่ใจดี ไม่ว่าจะแสดงออกอย่างไรหากสำหรับเขาแล้วไม่มีสิ่งใดจะมาแทนที่ความรู้สึกในตอนนั้นได้
ทว่ามันก็เป็นเพียงเวลาช่วงสั้นๆ ตัวเขาเองยังไม่สามารถแน่ใจได้เลยว่า...
ว่าอะไร...?
"เฮ้อ ทำไมไอ้เครื่องปรับอากาศบ้านี่ต้องมาเสียตอนนี้ด้วยนะ"
เอาเถอะ อย่างไรค่ำคืนนี้เขาคงไม่สามารถข่มตาหลับลงได้อยู่แล้ว
::~๐~*~๐~*~๐~*~๐~::
"อัลเฟรด อัลเฟรด เฮ้...."
"บ้า ดูดีๆสิ นี่ไม่ใช่อัลเสียหน่อย!"
"อา จริงด้วย นี่มันฝาแฝดหมอนั่นนี่นา"
"เอ่อ ชื่ออะไรนะ?"
"นั่นสิ ใครกันน้า...?!"
แมทธิวรู้ว่าคนอื่นๆไม่ได้ตั้งใจจะพูดไม่ดีหรือจะกระแนะกระแหนอะไรใส่ เพียงแต่ว่าความเข้าใจผิดบางครั้งมันก็ทำร้ายความรู้สึกกันซึ่งหน้าได้ดีทีเดียว เพราะอย่างนี้ไงถึงได้เกลียดการมาประชุมชะมัด ทั้งที่ส่งคนอื่นมาแทนก็ได้แต่บอสเคยฟังเขาไหม-ไม่- เขากลอกตาเดินเลี้ยวผ่านมุมตึกตั้งใจจะกลับโรงแรมให้เร็วที่สุดเท่าที่โอกาสจะอำนวยทว่าก็ถูกขัดจากเสียงเรียกทางด้านหลังอีกจนได้
"อัลเฟรด เดี๋ยว!" เขาหยุดแล้วหมุนตัวกลับไปพบกับอาเธอร์ทำหน้าบูดบึ้งกำลังตรงเข้ามาหา ก็พอเข้าใจหรอกว่าเดี๋ยวคนนั้นก็ทักเดี๋ยวคนนี้ก็เรียกมันเป็นเรื่องปกติเช่นทุกครั้งแต่บางครั้งก็อดนึกเคืองขึ้นมาไม่ได้ ประเด็นคือคงจะดีกว่านี้มากถ้ามันเป็นชื่อของเขาเองน่ะ นึกดูอีกทีแล้วก็อยากไปเปลี่ยนชื่อเสียจริง เผื่อจะป็อปปูล่ากับเขาขึ้นมาบ้าง
"ครับ อาเธอร์?" เจ้าของร่างเล็ก(กว่าเขา)ผงะไปสองก้าวเบิกตากว้างทำสีหน้าพรั่นพรึงใส่เขา แมทธิวได้แต่มองท่าทีนั้นอย่างเหนื่อยใจ ถ้าจะตกใจถึงขนาดนี้คราวหน้าคราวหลังก็ทักกันให้มันถูกชื่อถูกคนสิครับ อาเธอร์ทำปากพะงาบอยู่หลายวินาทีก่อนจะควานหาคำพูดตัวเองเจอ
"อะ นี่นาย ไม่สบายรึเปล่าเนี่ย..."
"คือ... ผมไม่ใช่อัลเฟรดหรอกครับ"
"ไม่.. ไม่ใช่เหรอ..?? แต่ แต่นายเหมือนอัลเฟรดมากเลยนะ!?"
แล้วบนโลกนี้จะมีใครเหมือนอัลเฟรดได้ขนาดนี้อีกไหมล่ะครับ
แต่แน่ล่ะ คนที่ทุกคนจะจำได้คืออัลเฟรด ไม่ใช่แมทธิวนี่นา
"นั่นแมทธิวต่างหากเจ้าโง่~" ก่อนที่เจ้าตัวจะทันอธิบายก็ถูกขัดขึ้นด้วยน้ำเสียงถากถางพร้อมการปรากฏตัวของผู้มาใหม่ที่ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือไม่แต่เหมือนร่างโปร่งจะเห็นประกายระยิบระยับรอบตัวอีกฝ่ายจนลายตาไปหมด ดูหรูหราสมเป็นชาวParisianอย่างเคยเลยนะครับนี่ แมทธิวรู้สึกเหมือนหัวใจจะเต้นผิดจังหวะไปเล็กน้อยเมื่อมีคนเรียกชื่อเขาเป็นครั้งแรกของวัน
"คุณฟรานซิส"
เขาไม่เคยนึกฝันว่าจะยังมีคนจำชื่อเขาได้ ไม่เคยคิดว่าจะยังมีคนเห็นเขาอยู่ในสายตา
เขาดีใจเหลือเกิน แม้จะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ว่าทำไมถึงต้องดีใจขนาดนี้ก็ตามทีเถอะ
"มะ ไม่ต้องให้นายบอกฉันก็รู้หรอกน่าว่านี่คือแมทธิวน่ะ อะห่ะห่ะห่ะ" พูดอย่างเดียวอาจฟังไม่น่าเชื่อถืออาเธอร์จึงตบท้ายด้วยเสียงหัวเราะแห้งๆเผื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือให้ตัวเองซักศูนย์จุดสองศูนย์จุดสามเปอร์เซ็นต์ซึ่งในความจริงมันกลับคิดลบหลาย(สิบ)จุดในหูคนฟังทีเดียว
"ยังไงคราวหน้าก็ช่วยจำผมให้ถูก..."
"เอาเถอะ ฉันก็เข้าใจล่ะนะว่าทำไมนายถึงจำแมทธิวไม่ได้ คนไร้เซ้นส์อย่างนายน่ะจะแยกใครออกได้มันก็คงเป็นเรื่องที่เกินระดับความสามารถไปหน่อยสินะ" ฟรานซิสทะลุกลางปล้องกลบเสียงแมทธิวที่กำลังพูดไปหมดจนเจ้าตัวได้แต่นิ่งไป ขณะที่อาเธอร์ก็ไม่น้อยหน้าเถียงกลับทันควันไม่ให้คนที่อยู่ตรงกลางได้ทันตั้งตัวก่อนซักนิด
"นี่แกหาว่าฉันไร้ความสามารถเรอะ!"
แล้วสงครามน้ำลายก็อุบัติขึ้นอีกครั้ง(อย่างเคย) แมทธิวลอบถอนใจกอดแฟ้มเอกสารแน่นถอยฉากเดินออกมาจากการโต้เถียงที่ไร้สาระกว่านี้ไม่มีอีกแล้วเงียบๆ วันนี้เขาเหนื่อยเกินกว่าจะเข้าไปแยกทั้งสองคนออกจากกันแล้ว เขาตรงไปยังลิฟต์ที่เปิดออกพอดีราวกับล่วงรู้ความต้องการและกดปุ่มลงไปชั้นล่างเพื่อออกจากตึกซึ่งเป็นสถานที่ประชุมกลับไปยังโรงแรมใกล้ๆที่ได้จองห้องพักไว้
อย่างไรก็ตาม แม้จะพยายามบอกให้ตัวเองไม่คิดอะไรแต่แมทธิวกลับปฏิเสธความรู้สึกปวดแปลบลึกๆในอกไม่ได้เมื่อเข้าใจถึงความเป็นจริงขึ้นมา ที่ฟรานซิสจำเขาได้นั้นไม่ใช่เพราะอยากจะจำหรือใส่ใจสน แต่เพื่อเอาไว้โต้เถียงกับอาเธอร์ต่างหาก
ทำไมถึงเป็นฟรานซิสคนเดียวที่ทำให้เขาเสียใจได้ขนาดนี้
ไม่ใช่หรอก เพราะเป็นฟรานซิสน่ะสิ เขาถึงเสียใจขนาดนี้
เพราะสุดท้ายแล้ว เขาก็ยังแอบหวังว่าอีกฝ่ายจะสามารถจำเขาได้ แม้จะเพียงแค่เสี้ยวหนึ่งก็ตาม
ริมฝีปากบางเม้มแน่นเมื่อรู้สึกว่าขอบตาร้อนผ่าว บางครั้งเขาก็นึกอิจฉาอาเธอร์ขึ้นมาจริงๆ คนที่ดูดีเหลือเกินคนนั้น คนที่ใครๆก็ให้ความสนใจ คนที่ใครๆก็อยากจะจดจำ คนที่ใครๆก็มอบความรักให้
ต่างกับเขา...ที่ไม่มีใคร
เขา...ที่สุดท้ายแล้วก็ไม่เหลือใครข้างกายเลยซักคน
แมทธิวสูดอากาศอุ่นๆเข้าลึกๆก่อนปล่อยออกมาเสียหมดปอดด้วยหวังว่ามันจะช่วยบรรเทาความรู้สึกหนักอกหนักใจนี้ได้บ้าง โชคดีที่ตอนนี้เป็นช่วงฤดูร้อนอากาศด้านนอกจึงอบอุ่นเหมาะแก่การทำกิจกรรมกลางแจ้งเป็นอย่างยิ่ง ผู้คนมากมายรอบด้านเดินบ้างขี่จักรยานบ้าง แม้จะไม่ได้ทักทายกันหรือยิ้มแย้มตลอดเวลาแต่ก็ดูจะปราศจากซึ่งริ้วรอยของความทุกข์ใจโดยสิ้นเชิง การได้ออกมาเดินท่ามกลางอากาศสดใสแบบนี้ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย
จะว่าไปแล้วนานๆทีได้มาอยู่ในที่ๆไม่มีหิมะบ้างก็ดีเหมือนกันนะ
::~๐~*~๐~*~๐~*~๐~::
"หายไปไหนของเขาแล้วล่ะนี่" ฟรานซิสนึกอยากเขกศีรษะตัวเองแรงๆซักทีสองทีหันรีหันขวางหาร่างโปร่งที่หายไปจากสายตาเมื่อไหร่ไม่รู้ ทีแรกเขาเห็นแมทธิวจึงตั้งใจเข้าไปทักแต่อาเธอร์ที่เข้าใจผิดคิดว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นอัลเฟรดกลับตัดหน้าไปเสียก่อน สุดท้ายพอสอดปากขึ้นมาเถียงด้วยความรำคาญใจ นิสัยที่ไม่สามารถยอมลงให้กับคู่ปรปักษ์ตลอดกาลได้ก็เพิ่งทำให้เขาเห็นผลเสียของมันเอาวันนี้ทั้งที่ปกติไม่เคยใส่ใจ มันทำลายโอกาสที่เขาจะได้พูดคุยกับแมทธิวไปเสียอย่างนั้น น่าขัดใจจริงๆ
แต่แล้วในขณะที่กำลังหงุดหงิดกับตัวเองอยู่นั้น บุคคลผู้ได้รับการเอ่ยนามถึงมากที่สุดของวันนี้ก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าราวกับฮีโร่ผู้ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากประชาชนผู้เคราะห์ร้าย ฟรานซิสเดินเข้าไปหาคนตรงหน้าอย่างโล่งใจขึ้นนิดหนึ่ง อย่างน้อยก็มีใครซักคนโผล่มาให้ถามอะไรซักอย่างเสียที
"อัลเฟรด" แม้จะไม่มีเสื้อแจ๊กเก็ตสีน้ำตาลตัวหนาอย่างที่คุ้นตาแต่ถุงกระดาษใบเบ้อเร่อพิมพ์ตัวอักษรเอ็มสีแดงสดในอ้อมแขนและก้อนอะไรบางอย่างในมืออีกข้างนั้นเป็นข้อยืนยันได้ชัดเจนที่สุดว่าเขาไม่ได้ทักคนผิดแต่ประการใด
"อื๋อ? มีอะไรเหรอ?"
"นายเห็นแมทธิวบ้างหรือเปล่า?" ร่างสูงนิ่งคิดชั่วครู่ทั้งปากก็ยังไม่ยอมหยุดขยับเคี้ยวจนอีกฝ่ายแอบคิดว่าหากสั่งให้อัลเฟรดหยุดกินไอ้สิ่งที่เรียกว่าแฮมเบอร์เกอร์นี่อย่างเด็ดขาดในสถานการณ์ใดก็ตามมันคงเกิดเป็นกรณีพิพาทร้ายแรงระหว่างประเทศแน่นอน นี่น่ะหรือคนที่ประกาศ(อย่างจงใจเลี่ยงรัศมีการได้ยินของอาเธอร์)ว่าอยากลดความอ้วนปาวๆ
"ไม่นะ คงกลับโรงแรมไปแล้วล่ะมั้ง นายถามทำไม?"
"เอ่อ ไม่มีอะไรหรอก แค่มีเรื่องจะคุยด้วยนิดหน่อยน่ะ แล้วโรงแรมที่ว่า...."
"คือสิ่งที่นายไม่จำเป็นต้องรู้" ฟรานซิสหลับตาถอนหายใจด้วยความขุ่นเคือง เขาไม่สนหรอกว่าอาเธอร์ต้องการเอาคืนเรื่องเมื่อครู่หรืออย่างไร(ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว) แต่เขาเริ่มไม่อยู่ในอารมณ์มานั่งฟาดฟันกันด้วยคำพูดกับหมอนี่... อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้
"ฉันคิดว่าฉันไม่ได้ถามนายนะ"
"ฉันพอใจจะตอบ ไม่รู้หรอกนะว่านายต้องการอะไรแต่ฉันไม่ต้องการให้นายมายุ่งกับแมทธิวมากไปกว่านี้!"
"เสียใจด้วย นายไม่มีสิทธิ์มาออกคำสั่งนู่นนี่กับฉัน และฉันไม่คิดว่าตัวเองจะต้องฟังคนที่แม้แต่แมทธิวกับอัลเฟรดก็ยังแยกไม่ออกอย่างนายด้วย!!"
ความตั้งใจนั้นสูญเปล่าเมื่อสุดท้ายแล้วทั้งคู่ก็ยังคงเถียงกันอีกจนได้ ต่างกันที่คราวนี้คนที่ยืนร่วมวงด้วยไม่ใช่คิคุที่จะพยายามกล่าวประนีประนอม ไม่ใช่หวาง เหยาที่จะเอาของกินมาล่อความสนใจ และไม่ใช่ลุดวิกที่จะตะโกนใส่ให้พวกเขาหยุด แต่คนที่ยืนอยู่ตรงนั้นคืออัลเฟรด อัลเฟรดที่แม้จะยืนเคี้ยวแฮมเบอร์เกอร์อยู่ยังอดเคืองไม่ได้ ด้วยความจริงที่ว่าเขาจะไม่ยอมให้ใครทำเหมือนตัวเองไม่อยู่ในสายตา และเขาไม่ชอบที่อาเธอร์จะเถียงฟรานซิสมากกว่าเขา และแม้จะแทนที่เวลาหลายร้อยปีนั่นไม่ได้ยังไงแต่เวลานี้เขาจะหยุดมันลงเดี๋ยวนี้ล่ะ!
ร่างสูงยัดแฮมเบอร์เกอร์คำสุดท้ายเข้าปาก ขยำกระดาษห่อลงถุงแล้วคว้าคอเสื้อเชิ้ตดึงอาเธอร์ให้เดินมาด้วยกันไม่มีปี่มีขลุ่ย สองเสียงที่เถียงกันปาวๆหยุดชะงักทันใจหันมองหน้าคนที่เดินดุ่มๆไปไม่ฟังเสียงอย่างพร้อมเพรียง
"อะ เดี๋ยว...อัลเฟรด นี่..." ขนาดอาเธอร์ยังพูดได้เท่านั้นแล้วฟรานซิสจะไปห้ามทันได้อย่างไร เขาได้แต่ยืนค้างมองร่างเล็กเดินถอยหลังตามคนลากไปได้ไม่กี่ก้าวจนเกือบหงายหลังนั่นล่ะอีกฝ่ายถึงยอมหยุดเปลี่ยนมาคว้าข้อมือผอมบางไปแทน ไม่วายเหลือบกลับมามองตาขวางอีกแน่ะ
ทั้งที่เป็นฝาแฝดกันแท้ๆหากน่าแปลกเหลือเกินที่ดวงตาสีฟ้าหลังกระจกแว่นใสนั้นช่างแตกต่างจากใครอีกคนลิบลับ มันเปิดเผยตรงไปตรงมาอย่างสามารถคาดเดาได้และส่องประกายราวกับเจ้าตัวไม่เคยมีเรื่องทุกข์ร้อนผิดกับดวงตาสีอเมทิสต์ที่มักจะเจือความโดดเดี่ยวเศร้าสร้อยเอาไว้จางๆแต่ไม่สามารถอ่านไปถึงความคิดในส่วนลึกได้ทั้งหมดแต่ก็ช่างงดงามน่าหลงใหล...
ว่าแล้วเพิ่งนึกได้ สองคนนั่นลากกันจากไป หมายความว่าแถวนี้ไม่มีใครอยู่ให้ถามอะไรได้แล้วน่ะสิ
...แล้วอย่างนี้เขาจะไปหาแมทธิวที่ไหนล่ะเนี่ย?!
::~๐~*~๐~*~๐~*~๐~::
สุดท้ายกว่าแมทธิวจะกลับถึงห้องพักก็เป็นเวลาเย็นมากแล้ว เนื่องจากไม่อยากกลับโรงแรมไปนั่งจ่อมจมกับความเศร้าโศกอยู่คนเดียวแต่หัววันทั้งที่การประชุมก็เลิกเร็วเขาจึงตัดสินใจเดินต่อไปอีกนิดและไปนั่งพักดื่มลาเต้เย็นๆที่ร้านกาแฟที่ได้จัดที่นั่งไว้สำหรับลูกค้าด้านนอก นั่งมองผู้คนเดินผ่านไปผ่านมา ครอบครัวที่ออกมาซื้อของ คู่รักที่นัดมาเจอกัน กลุ่มเพื่อนที่ออกมาเที่ยวด้วยกัน หรือแม้แต่กลุ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ที่มองปราดเดียวก็รู้ว่าเพิ่งมาเหยียบที่นี่เป็นครั้งแรก(กล้องถ่ายรูป กระเป๋าเป้ และถุงพะรุงพะรัง) เขานั่งอยู่ตรงนั้นจนกระทั่งพระอาทิตย์เริ่มลาลับขอบฟ้าจึงกลับเข้ามายังโรงแรม สายตาเจ้ากรรมยังไม่วายเหลือบไปเห็นอัลเฟรดผลุบหายเข้าไปในห้องพักของอาเธอร์ที่อยู่ชั้นเดียวกันอีกแน่ะ
เออ จะอะไรเขาก็ไม่สนแล้วล่ะ เหนื่อยจะตายอยู่แล้วตอนนี้
ห้องของเขาอยู่ตรงสุดทางเดินส่วนห้องติดกันด้านข้างเป็นของเจ้าน้องชายฝาแฝดตัวดีที่เห็นได้ชัดว่าจองไว้ให้เปลืองเงินเล่นเปล่า เขาโยนคีย์การ์ดไว้บนโต๊ะตัวที่ใกล้มือที่สุดเมื่อเข้าห้องมาได้และเดินไปรูดมู่ลี่ให้เปิดออกก่อนทุ่มตัวลงไปบนเตียงนุ่มน่านอนอย่างเหนื่อยอ่อนแล้วพลิกตัวนอนหงายมองท้องฟ้าด้านนอกที่ไล่สีได้งดงามจับตา น่าแปลกเหลือเกินไม่ว่าจะเป็นที่ใดบนโลกก็ตามความงามนี้กลับไม่เคยเปลี่ยนไปเลย แมทธิวจ้องมองท้องฟ้าสีส้มสดกับปุยเมฆก้อนโตขลิบขอบสีทองอย่างเลื่อนลอย
นึกดูอีกทีแล้ว เขาอยากกลับบ้านเหลือเกิน
อยากกลับไปนั่งเล่นสบายๆในสวนใต้ต้นเมเปิ้ลที่ยังปกคลุมไปด้วยใบไม้สีเขียวสดก่อนมันจะเปลี่ยนสีและผลัดใบ
โดยไม่ต้องมานั่งทนกับความหนักอึ้งในอกอย่างเช่นตอนนี้
*
'ต่อจากนี้ไปฉันจะเรียกเธอว่า 'แมทธิว' ดีไหม? นี่เป็นชื่อที่ฉันชอบมากเลยนะ' เขาจำไม่ได้ว่าตอนนั้นเขาตอบกลับไปว่าอย่างไรด้วยความที่ยังเด็กนัก แต่กระนั้นความสุขในตอนนั้นหาใช่สิ่งลวงตาไม่ เช่นเดียวกับความทุกข์สาหัสที่ทำให้เด็กตัวเล็กๆคนนี้ยิ่งกว่าเสียใจเมื่อได้รับรู้ว่าบุคคลผู้เดียวบนโลกที่สัญญาว่าจะปกป้องดูแลตลอดไปยกเขาให้อาเธอร์กันซึ่งหน้า
ทำไมกันนะ เหตุใดเขาจึงต้องถูกทิ้งไว้คนเดียว
'อ้า นายคือใครเหรอ?'
แมทธิว แมทธิวคือชื่อของผม
'นาย... ใครนะ?'
ทำไม
'อัลเฟรด?'
ทำไมกัน
'อัลเฟรด วันนี้นายเงียบๆนะ ไม่สบายรึเปล่า?'
ไม่ใช่
'อัลเฟรด อัลเฟรด เฮ้'
ไม่ใช่
'หมายความว่ายังไง? แต่นาย นายเหมือนอัลเฟรดมากเลยนะ!'
เขาไม่ใช่อัลเฟรด ไม่ใช่อัลเฟรดแต่คือแมทธิว
ชื่อของเขาคือแมทธิว!!!!!!!!!!
ดวงตากลมโตเบิกโพลงท่ามกลางความมืดสนิท แมทธิวหอบหายใจน้อยๆรู้สึกได้ถึงความชื้นจากเม็ดเหงื่อที่ผุดพราวเต็มใบหน้า ครู่ใหญ่ทีเดียวกว่าสายตาจะปรับสภาพและนึกได้ว่าตนอยู่ที่ไหน เขาคงเหนื่อยมากจนเผลอหลับไปไม่รู้ตัวกระทั่งแว่นก็ลืมถอด ควานหาโทรศัพท์ขึ้นมากดดูก็พบว่าเป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ว เขาถอนใจยาว
นานเท่าไหร่แล้วนะที่ไม่ได้ฝันแบบนี้
อดีตที่เขาไม่อยากจำ ความเจ็บปวดที่ไม่เคยลืมเลือน ความทรงจำที่เหมือนตะกอนก้นแก้วถูกกวนให้ลอยฟุ้งขึ้นมาอีกครั้งและอีกครั้งโดยไร้สิ่งใดที่จะสามารถทำให้มันกลับไปนอนก้นดังเดิมได้
แมทธิวยันตัวขึ้นถอดแว่นสายตาออกวางไว้บนโต๊ะหัวเตียงก่อนล้มตัวลงนอนอีกรอบ มือเรียวลูบใบหน้าหนักๆด้วยความขัดใจตัวเอง บ้าชะมัด ไม่ทันแล้ว จะหยุดความคิดตัวเองตอนนี้มันไม่ทันเสียแล้ว ทว่าก่อนจะทันได้ทำอะไรไปไกลกว่านั้นเขาก็ต้องสะดุ้งเมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้นกะทันหันแบบไม่เบานัก ใครกันมาเอาป่านนี้.. อัลเฟรดล่ะมั้ง ริมฝีปากบางแค่นยิ้มใส่ตัวเอง พูดอย่างกับจะมีคนอื่นมาหาเขาได้ในเวลาแบบนี้น่ะ
เด็กหนุ่มกระเด้งตัวลุกขึ้นมาอีกครั้ง เปิดไฟข้างหัวเตียงและคลำทางไปยังประตูโดยไม่เสียเวลาคว้าแว่นตาขึ้นมาสวม เหตุใดอัลเฟรดจึงมาหาในเวลานี้ก็สุดจะคิดได้แต่ก็ชินชาเสียแล้วกับนิสัยนึกจะมาก็มานึกจะไปก็ไปของพ่อฮีโร่แห่งศตวรรษที่ตารางงานการกอบกู้โลกนั้นเต็มเอี้ยดจนต้องใช้ชีวิตรีบเร่งตลอดเวลา
"เฮ้อ มีอะไรก็ว่ามาอั..ล..." เสียงท้ายประโยคขาดหายไปในลำคอเมื่อรับรู้ว่าคนตรงหน้าไม่ใช่แฝดผู้น้องอย่างที่เข้าใจในทีแรก ผู้ชายสองคนตรงหน้าที่คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์ตรงหน้านี่คือใครกัน?
"Tú..อ้า เธอ.. แมทธิว วิลเลี่ยมส์ใช่ไหม?" สำเนียงภาษาอังกฤษแปร่งหูแต่ก็คุ้นเคยอยู่ในทีถามอย่างไม่แน่ใจ เจ้าของชื่อได้แต่กระพริบตาปริบตอบรับงงๆ
"ครับ"
ชายหนุ่มคนนั้นนิ่งไปเล็กน้อยกระทั่งอีกคนที่ตนแบกอยู่เริ่มขยับนั่นล่ะจึงควานหาคำพูดตัวเองเจอ
"คือ คืนนี้ฉัน..." หยุดกระแอม "ขอฝาก เอ่อ หมอนี่..ไว้กับนาย...ได้หรือเปล่า?" แมทธิวเลิกคิ้วกับคำขอแปลกๆเพ่งมองคนพูดตะกุกตะกักให้ชัด ผิวสีแทนใต้เสื้อสูทเนื้อดีและเสื้อเชิ้ตที่ปลดกระดุมลงมาสองสามเม็ด ใบหน้าคมผมสีเข้มและกลิ่นแอลกอฮอล์... เขาเริ่มปะติดปะต่อได้แล้วว่าคนๆนี้คือใคร ถ้าหากใช่อย่างที่คิดก็หมายความว่าคนที่ถูกแบกมานั้นคือ....!!!!
"ไม่.. ไม่ดีมั้งครับ" ฟรานซิส คนที่กำลังถูกแบกอยู่นั่นคือฟรานซิสแน่ๆ เหตุใดอันโตนิโอจึงมาเคาะประตูห้องเขาแล้วเอาฟรานซิสมาส่งล่ะนี่? ร่างโปร่งคิดอย่างตกใจสับสน แล้วรู้ได้อย่างไรว่าเขาพักอยู่ห้องไหน? แล้วทำไมถึงต้องเป็นเขา?
"เอ่อ แมทธิว" คนยืนรอส่งยิ้มแหยขัดจังหวะความคิดก่อนตัวเองต้องยืนอยู่ตรงนี้ถึงเช้า "ช่วยหน่อยเถอะนะ ฉันเองขี้เกียจกลับไปที่โรงแรมแล้วด้วย เหนื่อยน่ะ"
"หา เอ๋?" แล้วถ่อมาที่นี่กันทำไมล่ะครับ? "แล้วคุณจะไปนอนที่ไหนล่ะครับ?" เขาเห็นใบหน้าอันพร่ามัวนั้นเบนไปด้านข้างทันทีเมื่อจบคำถาม
"เดี๋ยวฉันค่อยไปหาคนรู้จักที่พักที่นี่ทีหลัง" เขานิ่งคิดอย่างรวดเร็วอีกครั้ง ถ้าจะพูดถึงคนที่อันโตนิโอรู้จักและเข้าพักในโรงแรมนี้ก็มีหลายคนอยู่ เอไลซ่าเวต้า กิลเบิร์ต ร็อดดริก อาเธอร์กับอัลเฟรดไม่นับ โลวิโน่ เฟลิชิอาโน่ ลุดวิก... อ้อ อ้ออ.. แม้จะดูเป็นคนใสซื่อและหัวอ่อนแต่เขาไม่ใช่คนโง่และไม่นึกอยากยุ่งเรื่องส่วนตัวของใครจึงตัดสินใจไม่ซักไซ้ไล่เลียงต่อและเปิดประตูให้กว้างขึ้นหลบให้อันโตนิโอพยุงฟรานซิสเข้ามาอย่างทุลักทุเลก่อนทุ่มเพื่อนสนิทของตนลงไปบนเตียงนุ่ม กล่าวขอบคุณแมทธิวก่อนเดินออกมาและตรงไปที่ลิฟต์
tbc.