[Fic] Until we get old
pairing: Chanyeol/Baekhyun
******************************
“จบแล้วไปอยู่ด้วยกันนะ”
“หืม” บยอนแบคฮยอนเงยหน้าขึ้นมามองคนที่โพล่งขึ้นมากลางโต๊ะกินข้าวแบบไม่มีปีมีขลุ่ย
“ยังไงนายก็ตั้งใจจะย้ายออกจากบ้านอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ” ปาร์คชานยอลพูดไปคีบกิมจิเข้าปากไป ทำหูทวนลมไม่สนใจเสียงเป่าปากแซวแดกดันของเพื่อนร่วมโต๊ะคนอื่น (‘จะขอแต่งงานก็ทำให้มันดีๆหน่อยดิวะ’ - ‘จะพาลูกเขาหนีเหรอ’ ได้ยินอะไรทำนองนี้แหละ แต่ช่างมันเถอะ) “ไปอยู่ด้วยกันประหยัดกว่านะ”
แบคฮยอนนิ่งคิดไปสักพัก ยังงงๆอยู่ว่าอยู่ด้วยกันประหยัดกว่ายังไง ห้องเช่าสำหรับคนเดียวถูกๆก็มีถมไป
นอกจากนั้น ที่ตั้งใจจะออกจากบ้านไปอยู่หอ ก็แค่อยากลองใช้ชีวิตด้วยตัวเองคนเดียวบ้าง ออกจากสิ่งแวดล้อมเดิมๆ แต่นี่คนที่เสนอตัวจะมาเป็นรูมเมทด้วยกลับเป็นปาร์คชานยอล- ไอ้หูกางชานยอลที่เล่นดินเล่นโคลนมาด้วยกันตั้งแต่ยังแบเบาะเพราะบ้านอยู่ข้างกัน เรียนก็เรียนที่เดียวกัน เข้ามหาลัยก็ยังตามมาถึงจะคนละคณะก็ตาม
ชานยอลเคยพูดว่าพวกเขาคงจะจบมหาลัยกันแบบหาแฟนไม่ได้เพราะอยู่ด้วยกันตลอดนี่แหละ
แบคฮยอนเลยสวนกลับให้ว่าเขาไม่ได้สนใจจะหาแต่อีกฝ่ายมีมาให้ถึงที่แต่ไม่ยอมเอาเองต่างหาก
เรื่องนั้นช่างมันเถอะ ประเด็นมันอยู่ที่บทสนทนาในตอนนี้ต่างหาก
ถ้าหากว่าเขาเป็นรูมเมทกับชานยอลอีก แบบนี้ก็ไม่ต่างจากที่เคยเป็นมาทั้งชีวิตน่ะสิ
แต่เห็นแววตาของคนถามทำให้แบคฮยอนรู้สึกว่าเขาไม่ควรโพล่งปฏิเสธไปง่ายๆ
“ขอคิดดูก่อน”
แต่คืนนั้นเขากับชานยอลก็ช่วยกันหาข้อมูลห้องพักจนดึกดื่น
******************************
เสียงทุบประตูปึงปังทำเอาคนที่เล่นเกมติดลมจนดึกอย่างชานยอลขมวดคิ้วมุ่น คนทุบประตูห้องนอนแบบไม่เกรงใจเจ้าของห้องแบบนี้มีแต่ไอ้เตี้ยข้างบ้านที่เล่นกันมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย เดินเข้าออกบ้านกันประหนึ่งอยู่ใต้ชายคาเดียวกันไปแล้ว
เจ้าของห้องนอนคำรามในคออย่างหงุดหงิดที่ถูกขัดจังหวะการนอน ถึงจะรู้ว่าตอนนี้ตะวันจะสูงจนแทบจะตั้งฉากกับหัวแล้วก็เถอะ แม้จะง่วงแค่ไหนแต่สุดท้ายก็ลากตัวเองไปเปิดประตูเพราะทนรำคาญเสียงเคาะไม่ไหวอยู่ดี
บยอนแบคฮยอนยิ้มกว้างใส่คนหน้ามุ่ยแบบไม่ยินดียินร้ายใดๆ “มีข่าวดีมาบอก”
“ว่ามา” ชานยอลหาวหวอด แล้วเดินกลับไปนอนเอาหัวซุกหมอนบนเตียงอีกครั้ง
“ได้ห้องแบบที่พวกเราต้องการแล้ว”
ร่างบนเตียงนิ่งไปจนแบคฮยอนเริ่มไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายหลับไปรึเปล่า แต่แล้วชานยอลก็เงยหน้าขึ้นมาฉีกยิ้มใส่
“ชั้นก็มีข่าวดีจะบอก”
“ว่า..”
“ชั้นได้งานแล้ว”
***********************************
การย้ายของเข้าห้องดำเนินไปด้วยดี... มั้ง
โอเค อาจจะติดขัดนิดหน่อยตอนร่ำลาคุณนายบยอนที่ร่ำไห้ปริ่มจะขาดใจเมื่อรู้ว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคนเล็กของตัวเองกำลังจะจากบ้านไปใช้ชีวิตอยู่เอง ก่อนจะฝากฝังแบคฮยอนกับชานยอลเสียยืดยาว จนอีกฝ่ายชักสงสัยว่าคุณนายบยอนจะลืมไปรึเปล่าว่าลูกชายตัวเองนะฮับคิโดสายดำนะ เรื่องดูแลตัวเองไม่ต้องห่วงหรอก
“แม่นายนี่ขี้ห่วงไม่เปลี่ยนเลยนะ” ชานยอลนอนแผ่กลางห้องใหม่ท่ามกลางข้าวของที่ยังจัดไม่เสร็จดี แบคฮยอนใช้เท้าเขี่ยอีกฝ่ายให้เขยิบไปก่อนจะทรุดตัวนั่งลงข้างๆ “นึกถึงตอนประถมหกเลย ที่แม่ไม่ยอมให้นายไปทัศนศึกษาจนนายทะเลาะกับแม่หนีมานอนบ้านชั้น เดือนร้อนแม่ชั้นต้องไปช่วยคุยให้”
“อย่าไปนึกถึงเลยดีกว่าน่าเรื่องแบบนั้น” แบคฮยอนกลอกตา ก่อนจะโวยเมื่ออีกฝ่ายแย่งโค้กที่ตัวเองเพิ่งเปิดไปจากมือ “ย่าห์! ไปหยิบใหม่เองสิ”
“เอาน่าๆ แค่นี้ขี้งกไปได้” ชานยอลกระดกโค้กหนึ่งอึกใหญ่แล้วพูดต่อ “เอาจริงแม่นายจริงจังซะจนชั้นคิดว่าไปขอลูกสาวเขามาแล้วนะเนี่ย ฝากฝังยังกับนายจะออกเรือนไปอยู่กับชั้นชั่วชีวิต” ยักคิ้วหลิ่วตาให้เพราะรู้ว่าแบคฮยอนไม่ชอบให้พูดถึงตัวเองเหมือนผู้หญิงมาแต่ไหนแต่ไร ก่อนจะหัวเราะเอิ้กอ้ากเมื่อโดนอีกฝ่ายฟาดด้วยความหมั่นไส้
แบคฮยอนกลอกตาใส่คนปากดีอีกรอบก่อนจะพูดงึมงำ “ก็หวังให้เป็นแบบนั้นอยู่เหมือนกัน”
“หืม เมื่อกี้นายว่าไงนะ”
“เปล่า เลิกอู้แล้วมาจัดของต่อได้แล้ว เดี๋ยวคืนนี้ก็ไม่ได้นอนกันพอดี”
************************************
กว่าแบคฮยอนจะตื่นชานยอลก็ออกไปทำงานแล้ว
คนตัวเล็กเดินหน้าง่วงเข้ามาในครัวก่อนจะเจอจานใส่แซนด์วิชถูกแวร็พห่อไว้อย่างเรียบร้อยพร้อมโพสอิทแปะด้านหน้า
‘กินเยอะๆนะเตี้ย จะได้โตไวๆ‘
แบคฮยอนยิ้ม แล้วเอาแซนด์วิชไปอุ่น
วันนี้เขาไม่มีนัดสัมภาษณ์งาน แทบทั้งวันเลยกลายเป็นการเกลือกกลิ้งอยู่ห้องและทำความสะอาด ห้องพักของพวกเขาไม่ใหญ่มาก สองห้องนอน หนึ่งห้องน้ำ มีโซนครัว ส่วนโต๊ะกินข้าวและโซนรับแขกคือที่เดียวกัน ห่างไปหน่อยมีโซฟาและทีวีตั้งอยู่ แลดูคับแคบ แต่สำหรับชายโสดสองคนมันก็ดีอยู่
ผ้าที่ซักและอบแห้งเสร็จแล้วถูกนำใส่ตะกร้าเพื่อลากมาแยกและพับ แบคฮยอนหยิบฮู้ดสีดำตัวเก่งของชานยอลขึ้นมาดู เนื้อผ้าเริ่มมีขุยจากการผ่านการซักมาหลายครั้ง เสื้อตัวนี้แบคฮยอนซื้อให้ชานยอลเป็นของขวัญวันเกิดครบรอบยี่สิบปี จำได้ว่าก่อนหน้านั้นไม่กี่สัปดาห์ระหว่างไปเดินเที่ยวในเมือง ชานยอลผ่านร้านหยิบขึ้นมาดูๆแล้วก็วางลงไป เป็นเพื่อนกันมาขนาดนี้ดูก็รู้ว่าเจ้าตัวอยากได้แต่คงติดขัดอะไรสักอย่างเลยไม่ซื้อ
เย็นนั้นแบคฮยอนรวบรวมเงินสะสมที่ตัวเองมีอยู่ทั้งหมด
ก่อนที่วันรุ่งขึ้นจะอ้างกับคนสูงกว่าว่ามีธุระตอนเลิกเรียน กลับบ้านด้วยไม่ได้เพื่อแอบไปซื้อเสื้อให้อีกฝ่าย
แต่ทุกอย่างก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดหรอก แบคฮยอนแทบลมจับตอนไปถึงร้านเพื่อพบว่าเสื้อถูกขายไปแล้ว สุดท้ายเลยใช้วิธีตามหาจากร้านในอินเตอร์เน็ตเอา จ่ายแพงกว่าราคาป้ายอีก
แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มกว้างและแววตาดีใจของชานยอลเมื่อเห็นของขวัญของเขา
แบคฮยอนก็รู้สึกว่าสิ่งที่ทำไปมันคุ้มค่า
ร่างเล็กหอบเสื้อผ้าที่พับแล้วทั้งหมดของอีกฝ่ายถือวิสาสะเดินเข้าไปในห้องนอนของชานยอล เอาไปกองไว้บนเตียงให้เจ้าของจัดการเอาเข้าตู้เอง ตาเหลือบไปเห็นรูปที่ตั้งอยู่บนหัวเตียงเข้า
ตั้งแต่วันที่ย้ายเข้าห้อง แบคฮยอนแทบไม่ได้เข้ามาในห้องนอนของอีกคนเลยไม่ทันสังเกตของต่างๆให้ถ้วนถี่ ชายหนุ่มยกยิ้มมือเรียวหยิบเอากรอบรูปที่ตั้งอยู่มาดู
เป็นภาพของพวกเขาสองคนสมัยมัธยมปลายที่ร่วมกันแสดงในงานโรงเรียน ชานยอลเป็นคนดีดกีตาร์ เขาเป็นคนร้อง จำได้ว่ากว่าจะตกลงเรื่องเพลงได้ก็แทบจะทะเลาะกันแล้ว แต่สุดท้ายชานยอลก็ยอมตามใจเขา
เสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือทำให้แบคฮยอนต้องออกจากห้องของอีกฝ่ายมา ชานยอลโทรมาบอกว่าเขากำลังจะกลับอยากทานอะไรมั้ย
อะไรก็ได้..ซื้อๆมาเหอะ เป็นคำตอบของแบคฮยอน
และสุดท้ายแล้วสิ่งที่ชานยอลหิ้วกลับมาก็ไม่พ้นของโปรดของแบคฮยอนอยู่ดี
************************************
ผ่านไปสองเดือนแบคฮยอนก็ได้งาน ทั้งสองคนเลยออกไปกินข้าวข้างนอกเป็นการเลี้ยงฉลองก่อนจะแวะซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อซื้อของเข้าหอ
ส่วนใหญ่แล้วชานยอลจะเป็นคนเข็นรถแล้วแบคฮยอนเดินนำ
แบคฮยอนชอบบ่นว่าชานยอลชอบหยิบของนอกเหนือจากลิสท์ที่จดไว้
อีกฝ่ายก็จะท้วงว่าพอเห็นแล้วมันอยากได้
จากบางทีจะมาซื้อของสองสามอย่างกลายเป็นได้ของเต็มคันรถก็มี
ร่างสูงเอาแขนท้าวกับที่เข็นยืนมองอีกฝ่ายมองส่วนผสมในขนมออกใหม่อย่างพิจารณา แบคฮยอนเป็นคนชอบลองของใหม่ แต่เจ้าตัวจะไม่ซื้อถ้าหากในขนมนั้นมีส่วนประกอบที่ชานยอลแพ้
ชานยอลเคยบอกว่าไม่ต้องสนใจเขาขนาดนั้นก็ได้ อยากกินก็ซื้อ
แต่เจ้าตัวก็ให้เหตุผลว่าไม่อยากกินคนเดียว เดี๋ยวอ้วน ถ้าซื้อก็ต้องกินด้วยกัน
ชานยอลรู้อยู่เต็มอกว่ามันเป็นข้ออ้าง
ตั้งแต่เด็กแล้วที่อาการแพ้อาหารหลายอย่างของชานยอลทำให้เขาได้แต่มองคนอื่นนั่งกินตาละห้อย แบคฮยอนเห็นก็อยากจะแบ่งให้ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือหน้าเศร้าๆและหัวที่สั่นดุกดิก
สุดท้ายแล้วแบคฮยอนเลยเลือกกินแต่ของที่ชานยอลกินได้ในเวลาที่อยู่ด้วยกัน เพื่อเพื่อนจะได้ไม่รู้สึกแย่
แบคฮยอนจำได้จนขึ้นใจว่าอีกฝ่ายแพ้อะไรบ้าง ตอนเข้าค่ายสมัยมหาลัย เจ้าตัวถึงกับแอบไปขอร้องแม่ครัวให้ทำกับข้าวเพิ่มให้ เพราะที่มีอยู่มีแต่สิ่งที่ชานยอลกินไม่ได้
บอกตรงๆว่านอกจากพ่อแม่แล้วชีวิตนี้ไม่รู้ว่าชานยอลจะไปหาใครที่เอาใจใส่เขาขนาดนี้ได้อีก
พอคิดมาถึงตรงนี้แล้วรู้สึกในอกมันไหววูบบอกไม่ถูก ชานยอลสะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่าน ก่อนจะชวนให้คนตัวเล็กไปดูของอย่างอื่นต่อ
************************************
พอได้งานทั้งคู่ก็ต้องปรับเวลาตื่นให้เร็วขึ้น เพราะห้องน้ำมีห้องเดียว หากใครคนใดคนหนึ่งอาบน้ำ อีกคนก็จะเอาขนมปังไปใส่เครื่องปิ้ง และตั้งเครื่องทำกาแฟทิ้งไว้ พอแต่งตัวเสร็จก็ทานอะไรรองท้องเล็กน้อยแล้วไปสถานีรถไฟด้วยกัน
แบคฮยอนมีปัญหาเรื่องการจำเส้นทาง ตอนมาที่นี่ใหม่ๆยังเคยหลงเดินจากสถานีรถไฟกลับหอพักไม่ถูก ชานยอลเลยยื่นคำขาดว่าต้องออกพร้อมกันทุกเช้า
ทั้งสองคนไม่ชอบนั่ง แต่จะยืนพิงผนัง ใส่หูฟังคนละข้างแล้วฟังเพลงในไอพอดของชานยอลแก้ง่วงไปเรื่อยๆ ตอนเช้าๆยังมึนๆไม่อยู่ในอารมณ์จะพูดคุยอะไร ก็ปล่อยให้สมาธิจดจ่ออยู่กับบทเพลง
พอถึงสถานีที่แบคฮยอนจะต้องลง ชานยอลก็จะแยกเพื่อต่อรถอีกขบวนไปที่ทำงานของตัวเอง
ผ่านไปสองสัปดาห์ที่ทุกอย่างดำเนินเหมือนวนลูป นี่ก็เป็นอีกวันที่สองคนกินขนมปังทาแยมเสร็จแล้วก็ออกจากหอ เดินเงียบๆกันไปจนถึงสถานีรถไฟ หลังจากผ่านช่องตรวจตั๋วชานยอลก็หยุดเดิน
“เฮ้”
“หืม” แบคฮยอนหันไปมองอีกฝ่ายที่ไม่เดินตามมา
“นาย... จำได้ใช่มั้ยว่าต้องลงสถานีไหนประตูอะไร” คำพูดที่ได้รับยิ่งชวนงงงวยกว่าเก่า
ชานยอลหลบสายตา “ความจริงแล้วบริษัทชั้นต้องนั่งรถไปอีกทางน่ะ”
บยอนแบคฮยอนยืนนิ่ง
มือหนาขยี้ผมคนตัวเล็กกว่า ก่อนคนตัวโตจะหันหลังให้ “ไปนะ เดินทางดีๆล่ะ”
แบคฮยอนได้แต่ยืนมองอีกฝ่ายเดินจนลับสายตา
พร้อมความรู้สึกอุ่นวาบที่เต็มไปทั้งหัวใจ
************************************
“เห็นการ์ดแต่งงานของจงอินยัง” แบคฮยอนถามแล้วคีบหมูเข้าปาก
“เห็นแล้ว ตลกชะมัด ไหนบอกจะคงชีวิตโสดไปจน 35 ที่ไหนได้ดันแต่งงานเป็นคนแรก” ชานยอลขำ คงมีเรื่องให้ไปล้อในงานแต่งเพียบ
“ได้ข่าวว่าอี้ชิงก็มีแฟนแล้ว เหมือนจะเป็นดีไซน์เนอร์ของเสื้อผ้าออนไลน์ยี่ห้อดังสักอย่างน่ะ ชั้นก็จำชื่อไม่ได้”
“ลืมเล่า วันก่อนเจอคยองซูบนรถไฟ หมอนั่นก็บ่นๆเรื่องที่บ้านจะจับดูตัวเหมือนกัน” แบคฮยอนหัวเราะก๊าก
“ดูตัว คยองซูน่ะนะ” พูดแล้วก็ส่ายหัว “คงทำเป็นยอมไปงั้นแล้วไปป่วนให้สาวเขาไม่ชอบขี้หน้ามากกว่าน่ะสิ”
ชานยอลขำตาม
“แม่ฉันก็ถามเรื่องแฟนเหมือนกัน” มือใหญ่ที่กำลังจะคีบกับชะงักไปนิดนึง ชานยอลมองหน้าคนตัวเล็กที่นั่งตรงข้าม
“แล้ว...”
“ชั้นก็บอกไปว่าชั้นจะแต่งกับนาย แม่ก็หัวเราะก๊าก”
“ไอ้นี่” ชานยอลวางตะเกียบ ทำท่าจะดีดกะโหลกอีกฝ่าย แบคฮยอนหัวเราะเอามือปัดป้องพัลวัน “อย่าลากชั้นไปเกี่ยวสิ”
“เอาน่าๆ... ไม่ลองคิดดูหน่อยเหรอ สมมติเราอยู่ด้วยกันจนแก่ตัวไปจะเป็นยังไง”
ประโยคที่ฟังดูเหมือนถามเล่นๆ แต่สายตาแบคฮยอนที่มองมากลับแฝงแววจริงจัง ชานยอลสบตาตอบกลับ... ก่อนที่คนเปิดประเด็นจะทำท่าขนลุกเสียเอง
“โอ่ย พอเถอะ” ชานยอลหัวเราะเมื่อเห็นท่าทางอีกฝ่าย
“นายเริ่มก่อนเองนะ”
“หยุดหัวเราะแล้วส่งกิมจิมาให้ชั้นได้แล้ว”
************************************
สมมติเราอยู่ด้วยกันจนแก่ตัวไปจะเป็นยังไง
คำถามเหมือนจะล้อเล่นของแบคฮยอนแว่บเข้ามาในหัวเสมอเวลาสมองโล่งๆ แม้ตอนที่โดนถามทีแรกจะไม่ทันคิดอะไร แต่ในขณะนี้ที่ตัวเขาไม่มีอะไรทำ ได้แต่นั่งดูทีวีฆ่าเวลาเพลินๆรออีกฝ่ายกลับมากินข้าวเย็นด้วยก็อดคิดไม่ได้
ชานยอลยอมรับ.... ว่าเขาก็เคยคิดเรื่องนี้ขึ้นมาบ่อยๆ
อยู่ด้วยกันมาแต่เล็กแต่น้อย ใช้ชีวิตโดยมีอีกฝ่ายอยู่ข้างๆ ต่างฝ่ายต่างรู้จักอีกคนเหมือนเป็นเงาของกันและกัน ข้อดีข้อเสียทุกอย่างต่างรับรู้และอยู่กันมาได้ตลอด
ชานยอลไม่เคยพยายามคิดเลยว่านอกเหนือจากแบคฮยอนจะมีใครอยู่กับเขาได้บ้าง
บางทีมันอาจถึงเวลาที่เขาต้องเลิกหนีความจริงสักที
ความจริง...ที่ว่าแบคฮยอนคือคนสำคัญในชีวิตของเขา สำคัญมากกว่าจะเรียกแค่เป็นเพื่อนที่รู้จักกันมาแต่เด็ก
ความจริง...ที่เขารู้ตัวมาตั้งแต่โดนแฟนบอกเลิกเป็นคนที่สามเพราะชานยอลเห็นแบคฮยอนสำคัญมากกว่าพวกเธอ
ความจริง...ที่เป็นเหตุผลที่แท้จริงที่เขาชวนแบคฮยอนมาเช่าหออยู่ด้วยกัน ทั้งที่เขาไม่มีความคิดจะออกจากบ้านแม้แต่น้อย แต่เพียงแค่คิดว่าแบคฮยอนจะไปอยู่ในที่ๆเขามองไม่เห็น เขาก็ทนไม่ได้
ความจริง...ที่เขาพยายามจะไม่คิดถึงมัน แม้จะรู้สึกว่าแบคฮยอนอาจจะคิดเหมือนเขาก็ตาม
‘บ้าเอ้ย’ ชานยอลก่นด่าตัวเองก่อนจะคว้าโทรศัพท์มาโทรหาอีกฝ่าย ทุ่มนึงแล้วแบคฮยอนยังไม่กลับ แต่สิ่งที่ได้ยินมีเพียงแต่เสียงฝากข้อความ ในใจร่างสูงเริ่มร้อนรน จะเกิดอะไรขึ้นกับอีกฝ่ายหรือเปล่า หลงทางอยู่แถวไหน มีใครพาไปไหนหรือเปล่า
ยิ่งคิดยิ่งตอกย้ำความสำคัญของแบคฮยอนในใจเขามากขึ้นเรื่อยๆ ความอัดอั้นในอกเมื่อตระหนักถึงความรู้สึกของตัวเองส่งผลให้ทนไม่ไหวลุกออกจากโซฟา คว้าเสื้อโค้ทแล้วออกไปจากห้อง
เขาเจอแบคฮยอนที่หน้าประตูพอดี
“จะออกไปไหนน่ะ” คนตัวเล็กถามตาใส
สิ่งที่ได้รับกลับมาคือความเงียบ
“เฮ้ ถามก็ตอบสิ” แบคฮยอนเลิกคิ้ว “นี่อย่าบอกนะว่านายยังไม่ได้ทานข้าว ฉันบอกเมื่อวานแล้วไงว่ามีประชุมกลับ...”
คำพูดทั้งหมดถูกกลืนหายไป เมื่อสองมือใหญ่ของอีกฝ่ายประคองหน้าของตนเอาไว้ นิ้วอุ่นๆของชานยอลเกลี่ยแก้มที่เย็นจากอากาศหนาวด้านนอกของเขา
ทั้งสองคนสบตากัน
ก่อนที่ชานยอลจะประทับริมฝีปากลงมา
แต่เพียงชั่วครู่ ชานยอลก็ผละออก สายตาประสานกันอีกครั้ง แบคฮยอนจับได้ถึงความรู้สึกไม่มั่นใจในสายตาของอีกฝ่าย
คนตัวเล็กกว่าถอนหายใจ ก่อนจะรั้งต้นคออีกฝ่ายให้มาจูบกับตนอีกครั้ง
************************************
ตอนเป็นวัยรุ่น ชานยอลเคยจินตนาการว่าเซ็กส์กับคนรักจะเป็นยังไง จะเป็นเหมือนในหนังโป๊ที่เขาแอบดูกับเพื่อนหรือเปล่า จะเร่าร้อนรุนแรงขนาดไหน
แต่ครั้งแรกกับแบคฮยอน หลังจากที่ไปดื่มฉลองกันมาเพราะชานยอลได้เลื่อนตำแหน่ง ก็ไม่รู้ว่าต่างฝ่ายต่างช่วยกันลากอีกฝ่ายกลับหอมาได้อย่างไร แต่รู้ตัวอีกทีทั้งสองคนก็ล้มลงบนเตียงของใครสักคนนี่แหละ มือ ปาก สัมผัสกันราวกับโหยหาอีกฝ่ายมานาน แต่เมื่อถึงจุดๆหนึ่งทุกอย่างกลับช้าลงเหมือนกับจะให้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นต่อจากนี้ดำเนินไปแบบไม่อยากพบเจอกับจุดสิ้นสุด ในหูดังก้องแต่เสียงครางครือ เสียงเรียกชื่อของตัวเองจากอีกฝ่าย และคำบอกรักดังวนไปเวียนมา
อาจไม่ตรงกับที่จินตนาการเท่าไหร่นัก
แต่ความรู้สึกหลังจากนั้นมันเกินกว่าที่จินตนาการไว้มากมาย
แสงแดดหน้าร้อนส่งผ่านหน้าต่างแยงตาให้ตื่นขึ้น แบคฮยอนบ่นพึมพำให้ชานยอลปิดม่านก่อนจะคว้าหมอนมาปิดหน้าทั้งที่ยังไม่ลืมตา ร่างสูงกดจูบลงบนต้นคอขาวของคนข้างๆด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะยอมปิดม่านให้ตามที่อีกฝ่ายต้องการ วันนี้วันหยุด พวกเขาไม่ต้องรีบตื่นไปไหน นอนต่ออีกสักพักก็คงไม่เป็นไร
“หน้าร้อนมาเยือนแล้วเหรอ” แบคฮยอนบ่นงึมงำ ปล่อยให้ชานยอลที่หลับต่อไม่ลงเกลี่ยผมตัวเองเล่น
“อืม”
“อา... คิดถึงช่วงปิดเทอมสมัยเรียนชะมัด” ชานยอลหัวเราะกับคำบ่นของอีกฝ่าย “บ่นเป็นคนแก่เลยนะ”
“ก็แก่กันแล้วไม่ใช่เหรอไง” แบคฮยอนพลิกตัวมานอนตะแคงมองหน้า
“นายก็แก่กว่าชั้นอยู่ดี” ชานยอลล้อเลียนก่อนจะหัวเราะเมื่อโดนอีกฝ่ายฟาดเข้าให้
‘สมมติเราอยู่ด้วยกันจนแก่ตัวไปจะเป็นยังไง’
ในนาทีนั้นชานยอลคิดว่าเขาคงหาคำตอบให้กับคำถามนี้ได้แล้ว
End.
note: wordpress พังค่ะ เลยมายืมlj พี่สาวใช้ พยายามปล้ำกับเด็กดีละรู้สึกว่าไม่ถูกโรคกันอย่างแรง orz
ใครไม่ถนัดเมนท์ใน lj ติดแท็ก #uwgo ในทวิตได้นะคะ
ขอบคุณที่อ่านจนจบ