(SF) GDYB Series 17-3: ตลอดไป (PG 13)

Apr 17, 2010 16:23

ตลอดไป


ตารีกระพริบ รู้สึกตัวขึ้นมากลางดึก หันมาด้านข้างตามความเคยชิน ริมฝีปากหนายกยิ้มอย่างอุ่นใจเมื่อเห็นหัวมนที่คุ้นเคยนอนซบอยู่ข้างเตียง ยองแบไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงดีใจที่เห็นร่างบางขนาดนี้

ตอนหัวค่ำที่คิดว่าคืนนี้จียงคงไม่มาค้าง ร่างหนาก็รู้สึกว่าไม่เป็นไร เพราะยังมีสาวๆ ชวนคุย แต่พอทุกคนกลับ โดยฮยอนแบออกไปส่งคนรักและรุ่นน้องข้างล่าง ยองแบพบว่าห้องของเขาเงียบไปหมด เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกแปลกๆ เหมือนในหัวใจมันว่างเปล่า ไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไร ยังไง เป็นครั้งแรกที่ตั้งแต่ความจำเสื่อมที่เขารู้สึกเหมือนตนเองเป็นคนความจำเสื่อม ที่จำอะไรไม่ได้ ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร ต้องทำยังไง อยู่ยังไง

“เหงาเหรอไง” คำถามของพี่ชายที่กลับมา ดึงให้ร่างหนารู้สึกตัว ออกจากห้วงความคิดที่สับสนของตนเอง

ฮยอนแบรู้สึกสงสารน้องชายจับใจ เมื่อเขากลับขึ้นมาแล้วเห็นน้องชายที่เคยไล่ตามความฝันอย่างมุ่งมั่น เหม่อลอยเหมือนคนที่กำลังหลงทาง ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรแบบนี้

“เปล่าหรอกฮยอง” ร่างหนายกยิ้มให้อย่างเสียไม่ได้ เขาไม่อยากทำให้ทุกคนเป็นห่วงมากกว่านี้จริงๆ

“ไม่ต้องคิดมากนะยองแบ ถึงตอนนี้นายจะยังจำอะไรไม่ได้ แต่นี่คือที่ของนาย และทุกคนก็รักนาย” ฮยอนแบเดินมานั่งลงข้างเตียงของน้องชาย

“ถึงผมจะจำไม่ได้อีก ก็ไม่เป็นไรเหรอครับฮยอง” ร่างหนาเอ่ยถามอย่างไม่มั่นใจ กับพี่ชายใจดีคนนี้ ถึงแสดงความอ่อนแอให้เห็น คงไม่เป็นไร

แววตาที่เต็มไปด้วยความกังวล และหวาดกลัว ทำให้ฮยอนแบเข้าไปกอดน้องชายคนเดียวของเขา

“นายเป็นน้องชายของฉัน เป็นดงยองแบ ถึงนายจะจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร แต่ฉันรู้ พ่อแม่ก็รู้ เพื่อนๆ นายก็รู้ เพราะอย่างงั้น ถึงนายจะจำไม่ได้ไปตลอดชีวิต ก็ไม่เป็นไรหรอก”

“แต่ถ้ามันสำคัญล่ะฮยอง”

“ถ้ามันสำคัญ ฉันเชื่อว่า นายจะรู้สึกได้เอง ถึงจะจำไม่ได้ เพราะบางอย่างเราไม่ได้ใช้สมองจำ แต่ใช้หัวใจจำนะยองแบ”

ฮยอนแบจับหน้าน้องชายยกขึ้นสบตา เมื่อเห็นตารีคลายความกังวลและแทบจะไม่มีความกลัวแล้ว เขาก็เบาใจ ยกมือไปขยี้หัวน้องชายอย่างหยอกล้อ แล้วสองคนพี่น้องพากันหัวเราะเสียงดัง

“ฮยอง ขอบคุณมากครับ”

“ไม่เป็นไร ว่าแต่วันนี้ จียงไม่มาค้างจริงๆ เหรอ” ฮยอนแบสบตาน้องชาย

“เห็นซีแอลบอกว่าอาจจะติดงานนี่ครับฮยอง” ตารีหม่นลงไป

“เหงาเหรอ”

ยองแบเลิกคิ้วใส่พี่ชายอย่างแปลกใจว่า เขาจะเหงาทำไม ในเมื่อพี่ชายก็อยู่ แค่คิดว่า คืนนี้ใครจะมาเล่าเรื่องนู่นนี่ให้ฟัง ทุกๆ คืน ตั้งแต่เกิดเรื่อง จียงจะมาค้างด้วย คอยเล่าว่าวันนี้ไปทำอะไรมา เจอใครมาบ้าง เหมือนกำลังป้อนข้อมูลในปัจจุบันใหม่ให้กับเขา และคอยตอบคำถามเรื่องเก่าๆ ที่เขาถามมากมาย

ทุกๆ คืน พวกเขาสองคนจะคุยกันจนหลับ ยองแบเลยไม่มีเวลาได้คิดมากว่าความจำเสื่อมต้องทำอย่างไร แต่วันนี้หมอนั่นไม่อยู่ เขาแค่รู้สึกแปลกๆ แต่ก็คงแค่เหงาอย่างที่พี่ชายถาม

“หึ ขนาดยังจำไม่ได้ แค่หมอนั่นไม่มาค้างยังซึมเลยนะเนี่ย”

“ฮยองว่ายังไงนะครับ ใครซึม” เขาแค่คิดอยู่ว่าจะนอนยังไง กลัวนอนไม่หลับ เท่านั้นจริงๆ นะ

“เปล่า รีบๆ นอนเถอะ อย่าลืมที่ฉันบอกนะ กับสิ่งสำคัญ ถึงแม้เราลืม แต่เราจะรู้สึกได้เอง เพราะเราใช้หัวใจจดจำ”

ร่างหนานึกแปลกใจไม่น้อยที่อยู่ๆ ก็นึกถึงคำพูดของพี่ชายก่อนนอน

“ควอนจียง ท่าทางนายจะเพื่อนที่สำคัญสุดๆ เลยนะเนี่ย” ร่างหนาเอื้อมมือไปหยิบผ้าห่มอีกผืนมาห่มให้ร่างบาง

“ยังไงก็ขอบคุณที่มานะ” แม้จะติดใจที่เพียงแค่ตื่นมาเห็นร่างบาง แล้วทำให้ความว่างเปล่าที่รู้สึกหายไป แต่ยองแบให้คำตอบกับตนเองว่า เพราะควอนจียงเป็นเพื่อนคนสำคัญที่คบกันมานานและฝ่าฟันอุปสรรคมาด้วยกัน การมีเพื่อนรักอยู่ข้างๆ ตอนนี้ จึงทำให้เขาอุ่นใจ มันก็เท่านั้นเอง

ฝ่ามือหนายกขึ้นลูบหัวทุยอย่างอ่อนโยน เสียงใสครางแผ่วและขยับเข้าใกล้มืออุ่น ที่ตอนแรกชะงักค้างคิดว่าร่างบางตื่น แต่เมื่อตาเรียวยังปิดแน่น แสดงให้เห็นว่าร่างบางยังหลับสนิทอยู่ มืออุ่นจึงลูบหัวมนต่อแล้วนอนหลับไปอีกครั้ง

“ราตรีสวัสดิ์นะ เพื่อนคนสำคัญของฉัน”

ค่ำคืนนั้นไม่มีใครได้เห็นว่าใบหน้าหวานที่ซบอยู่ข้างเตียงมีร่องรอยของน้ำตาไหลซึมออกมา ควอนจียงขอบคุณความมืดและความอดกลั้นของตนเองที่ไม่ทำให้อีกฝ่ายเห็นว่าเขารู้สึกตัวตื่นตั้งแต่ยองแบขยับตัวแล้ว

“เพื่อนคนสำคัญเท่านั้นเหรอยองแบ” แม้จียงจะเข้าใจดีว่าอีกฝ่ายไม่ผิด และไม่ได้ไม่รักเขาแล้ว แค่ความจำเสื่อมเท่านั้น แต่เขาห้ามหัวใจตัวเองไม่ให้เจ็บไม่ได้

.......

“ฮยอง”

“อ้าว ยองแบตื่นแล้วเหรอ”

“ควอนจียงล่ะ” ร่างหนาเอ่ยถามพี่ชายเมื่อตื่นขึ้นมาแล้วไม่เห็นร่างบางที่นอนอยู่ข้างเตียงเมื่อคืน ยังไม่ทันได้คุยอะไรกันเลย

“ตื่นมาไม่ทักไม่ทาย เอาแต่ถามหาคนอื่นนะน้องชาย” ฮยอนแบแกล้งทำเป็นน้อยใจ

“โธ่ ผมไม่ใช่แฟนฮยองนะ ทำมาเป็นงอน ว่าแต่หมอนั่นไปไหนครับ เมื่อคืนมาตอนไหนก็ไม่รู้ แต่ดึกมากๆ แล้วนี่ยังเช้าอยู่เลย” ยองแบรู้สึกแปลกๆ ทำไมเขาห่วงร่างบางจัง แต่คงเรื่องธรรมดาของคนเป็นเพื่อนกันนี่นา

“เห็นว่าต้องบินไปญี่ปุ่น อ้อ หมอนั่นฝากบอกด้วยว่า ถ้ากลับมาแล้วยังจำไม่ได้ จะจับหัวนายโขกกำแพงล่ะ” ฮยอนแบหัวเราะลั่นเมื่อเห็นหน้าตาอึ้งๆ ของน้องชาย

“โหดอะ ฮยอง หมอนั่นโหดอย่างนั้นเลยเหรอ”

“หึหึ ถ้าเป็นเรื่องของนาย หมอนั่นโหดได้มากกว่านี้อีก นี่ยังน้อยนะ”

“ท่าทางพวกผมจะสนิทกันสุดเลยนะครับฮยอง”

“อืม พวกนายน่ะ ตั้งแต่เจอกันครั้งแรก ก็กลายเป็นเงาตามตัวกันมากี่ปีแล้วนะ”

“9 ปี”

พี่ชายเลิกคิ้วแปลกใจ

“เคยถามเจ้านั่นทีนึง”

“เฮ้อ พวกนายโตกันมาขนาดนี้แล้วนะเนี่ย อย่ารีบโตกันนักเลย ฉันยังไม่อยากแก่” ฮยอนแบถอนหายใจแรงๆ จนยองแบแปลกใจ สบตาเชิงถาม

“ไม่มีอะไรหรอก แค่คิดถึงบอมมี่ วันนี้หมอให้ออกแล้ว นายไปอยู่ที่บ้านก่อนแล้วกัน เพราะที่ห้องของบิ๊กแบงอาจจะไม่มีคนอยู่ ฉันไม่อยากให้นายอยู่คนเดียว เอาไว้ค่อยว่ากันอีกที ว่าจะทำยังไงกันต่อนะ ถือว่าเป็นช่วงพักร้อน”

“ครับฮยอง” ยองแบลุกขึ้นอาบน้ำ เตรียมตัวกลับบ้าน ขณะที่ฮยอนแบเดินมาที่ระเบียงถอนหายใจแรงๆ อีกครั้ง น้องชายเขายังไม่มีทีท่าว่าจะจำอะไรได้ ฮยอนแบรู้สึกห่วงน้องชายทั้งสองมากๆ เมื่อเช้าได้เจอจียง แม้จะยิ้มแย้มให้เขาอย่างเคย แต่ดูก็รู้แล้วว่า ร่างบางใกล้ถึงขีดจำกัดเต็มที

เรื่องของสองคนนี้ตอนแรกที่รู้ แน่นอนว่าเขาคัดค้าน เพราะเขาอยากให้น้องชายมีความรักกับผู้หญิงเหมือนคนอื่นๆ แค่มีชื่อเสียงก็ยากแล้ว นี่ยังรักกับผู้ชาย ที่ดังเหมือนกัน ยิ่งทำให้ความรักครั้งนี้ไม่น่าเป็นไปได้ ฮยอนแบไม่อยากให้น้องชายต้องเจ็บปวด แต่สองปีที่ผ่านมาที่คบกันจริงๆ จังๆ เด็กทั้งสองคนได้พิสูจน์ให้เห็นว่า ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร จะเกิดอะไรขึ้น พวกเขาทั้งคู่จะฝ่าฟันไปด้วยกัน และมีความสุขให้ได้ทุกๆ วัน เขาจึงยอมรับได้

ตอนนี้ยองแบความจำเสื่อม มีความคิดแวบเข้ามาในหัวพี่ชายอย่างเขาเหมือนกันว่า ถ้าน้องชายจำไม่ได้ แล้วมีความรักอย่างคนทั่วไป กับผู้หญิงดีๆ สักคน จะดีกว่าหรือเปล่านะ แต่ได้เห็นจียงเมื่อเช้า คนที่เป็นเหมือนน้องชายอีกคนของเขา ทำให้ฮยอนแบฉุกคิดได้ ว่าถ้าเขาเป็นหนึ่งในเด็กสองคนนี้ ณ ตอนนี้ จะเป็นอย่างไร และถ้ายองแบจำไม่ได้อีก จียงจะเป็นยังไง

นี่คงเป็นบททดสอบความรักของเด็กสองคนอีกครั้ง ฮยอนแบได้แต่ภาวนา ถ้าความรักของทั้งคู่เป็นเรื่องที่ใช่ สุดท้ายแม้ยองแบจะจำไม่ได้ แต่มันจะต้องเกิดขึ้นอีกครั้ง

.......

“ฮยองจะไปจริงๆ เหรอครับ” มักเน่ของวงที่วิ่งกระหืดกระหอบมาทันพี่ชายร่างบางที่หน้าออฟฟิศพอดี

“ใช่ เลื่อนรุ่นพี่เขามาหลายทีแล้ว” ความจริงจียงต้องไปทำงานร่วมกับวงW-inds อีกครั้งตั้งแต่หลายวันก่อน แต่พอดียองแบเกิดเรื่องขึ้นมา เลยเลื่อนออกไป แล้วเมื่อวานตอนเย็นเคตะโทรมาหาเขาโดยตรงถามอาการของร่างหนา จียงจึงถามเรื่องงาน และเป็นฝ่ายบอกไปว่าสามารถไปช่วยได้แล้ว เขาแค่ต้องการเวลาบ้างเท่านั้น และการได้ทำงานอาจช่วยให้เขาไม่คิดมากก็ได้

“แต่รุ่นพี่เคตะก็รู้เรื่องอุบัติเหตุของยองแบฮยอง น่าจะเลื่อนได้อีกนะครับ” แดซองที่วิ่งมาสมทบถาม เขากับซึงรีเพิ่งรู้ว่าลีดเดอร์จะไปญี่ปุ่นเมื่อชั่วโมงที่แล้วนี่เอง ต้องรีบให้ผู้จัดการมาส่งที่ออฟฟิศก่อนค่อยไปซ้อมละครต่อ

“ไม่เป็นไรหรอก ตอนนี้ยองแบไม่เป็นอะไรแล้ว อีกอย่างซึงฮยอนฮยองก็อยู่ นายสองคนก็อยู่” ร่างบางรู้ว่าทุกคนเป็นห่วงเขาไม่น้อยกว่าที่เป็นห่วงยองแบ ร่างบางยิ้มยืนยันว่าเขาจะไม่เป็นไรจริงๆ “อีกอย่างฉันไปทำงานนะ ไม่ได้หนีไปเที่ยว”

“ไปกี่วัน” พี่ใหญ่ถามเสียงเรียบ รู้ดีว่าน้องชายปากแข็ง แต่ให้เวลาเจ้านี่พักหน่อย อาจจะดีกว่า

“…”

“จียง”

“ประมาณ 7 วัน หรือจนกว่างานจะเสร็จน่ะฮยอง พอดีช่วงนี้ที่เกาหลีก็ยังไม่มีอะไร” ร่างบางตอบแต่ไม่สบตา

“หนี... เที่ยวชัดๆ” พี่ใหญ่อดไม่ได้ แต่ก็เกือบหลุดชื่อร่างหนา นักร้องนำของวงออกไป เดี๋ยวลีดเดอร์จะพาลไม่กลับมาล่ะก็ยุ่งเลย

“ฮยอง ผมไปด้วย” น้องเล็กเกาะแขนบางๆ แน่น ทำตาแป๋วใส่อีกต่างหาก

“มักเน่” รู้ว่าน้องเป็นห่วง แต่เขาอยากอยู่คนเดียวสักพัก

“ผมจะไป” แก้มป่องๆ ตาคล้ำนี่ ถ้ามาอ้อนเวลาอื่น ได้ตามที่ต้องการไปแล้ว แต่ไม่ใช่วันนี้

“งานนายก็มี อย่าให้เสียงาน นายเป็นน้องเล็กของบิ๊กแบงนะ จะทำตัวเหลวไหลไม่ได้” ยกมือลูบหัวน้องไม่ให้งอแง

“แดซอง ดูแลน้องด้วย”

“ฮยองก็ต้องดูแลตัวเองด้วยนะครับ พวกฮยองกับมักเน่ เดี๋ยวผมดูให้” ถึงจะเป็นห่วงพี่ชายร่างบางไม่น้อยไปกว่าคนอื่น แต่หนุ่มอารมณ์ก็ยิ้มให้พี่ชายคนนี้อย่างเต็มที่ เขาจะดูแลพี่ๆ และน้องในวงให้ดี

“ฉันดูแลตัวเองได้น่า แดซอง” ถูกพี่ใหญ่ตบหัวด้วยความรักไปหนึ่งที

“อืม ฉันไปนะ ฝากดูยองแบด้วย” แล้วร่างบางก็ขึ้นรถตู้ออกไป

อีกสามคนที่เหลือได้แต่ถอนหายใจ อย่างเป็นห่วง พากันมองตามจนรถตู้ลับสายตาไป

TBC

^^


always forever, gdyb

Previous post Next post
Up