ตลอดไป
ดองอุค หรือ เซเว่น ให้มือใหญ่ลูบหลังลูบไหล่น้องชายคนสำคัญอย่างปลอบโยน
“ร้องให้พอนะจียง แล้วเรามาหาทางแก้ปัญหากัน” เขาไม่เคยห้ามน้องร้องไห้ แต่จะปลอบและช่วยให้น้องกลับมาเข้มแข็งอีกครั้ง
“ฮึก ไม่ร้องแล้ว ฮึก” กับพี่ชายคนนี้ เขาเหมือนน้องน้อยเสมอ
“ไหน ใครไม่ร้อง แล้วมังกรตัวไหนที่เป่าปี่อยู่ตรงอกฉันเนี่ย” เมื่อเห็นว่าน้องชายควบคุมอารมณ์ได้ก็เริ่มแหย่เหมือนทุกครั้ง
“ดงอุคมาได้ยังไง ฮยองอยู่อเมริกาไม่ใช่เหรอครับ” จียงเงยหน้า ตาแฉะถามพี่ชาย
“ก็มารับบางคนกลับเกาหลีไง ฉันโทรหาผู้จัดการวงนาย เลยรู้ว่านายจะอยู่คนเดียวต่ออีกหน่อย กลัวว่าจะไม่กลับ เลยอาสามารับ ไม่งั้นเขาไม่กล้าทิ้งนายไว้ที่นี่คนเดียวหรอก” เชวดงอุคแทบจะบินกลับเกาหลีตอนรู้เรื่องอุบัติเหตุของยองแบ พอรู้ว่าไม่เป็นอะไรมากก็หายห่วง
เขาสบายใจได้ไม่ทันข้ามวัน ก็รู้เรื่องที่ทำให้เขาห่วงยิ่งกว่าคือ ยองแบความจำเสื่อม หมอนี่ เตี้ยแล้วยังจะขี้ลืมอีกแหะ เขาก็รีบเคลียร์งานเพื่อจะกลับเกาหลีให้เร็วที่สุด พอถึงวันกลับก็ต้องเปลี่ยนเที่ยวบินมาที่ญี่ปุ่นแทน เพราะน้องชายตัวดีอีกคนทำท่าจะไม่ยอมกลับเกาหลีง่ายๆ
ดงวุคไม่ค่อยพอใจน้องชายคนนี้เท่าไร เพราะไม่ยอมบอกอะไรเขาสักนิด ถึงจะรู้ว่าไม่อยากทำให้เขาเป็นห่วง แต่เขาเป็นพี่ชายนะ ดีที่ฮันบยอลคอยเล่าเรื่องให้ฟัง มีแฟนดีและเข้าใจ ก็ดีแบบนี้ละนะ
“ผมไม่ได้จะไม่กลับสักหน่อย” ร่างบางทำแก้มป่องเถียง
“แล้วจะกลับตอนไหน ถ้านายมัวแต่หนี แล้วยองแบจะจำนายได้ยังไง” ดงอุคพูดตรงไม่อ้อมเป็นเลขเจ็ดเลย
“...” จียงทำได้แต่ก้มหน้า พี่ชายคนนี้รู้จักเขาดีเกินไปจริงๆ
“จียง นายกลัวอะไร” ดงอุคเป็นคนแรกที่รู้เรื่องความสัมพันธ์ของเด็กสองคนนี้ และเรียกทั้งคู่เข้าห้องเย็น เพราะเขารู้ดีว่าเรื่องนี้ยากแค่ไหน แค่คู่ปกติระหว่างเขากับฮันบยอลเองยังยากขนาดนั้น เขาทำให้คนที่รักต้องร้องไห้มานับไม่ถ้วน กว่าจะมาถึงวันนี้ที่คบกันได้อย่างเปิดเผย แต่ระหว่างน้องชายทั้งสองจะมีวันได้เปิดเผยหรือเปล่า และจะทนความเจ็บปวดที่ต้องเจอได้มากแค่ไหน
“ผม...” จียงพูดไม่ออก เขาทำได้แค่มองหน้าพี่ชายตรงหน้า อย่างทุกข์ใจ เขาไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มตรงไหน เขาไม่รู้ว่าความเชื่อมั่นและศรัทธาในความรักของพวกเขา ตอนที่ถูกดงอุคเรียกไปคุยครั้งที่ถูกจับได้ว่ารักกับยองแบมันหายไปไหนหมด
“นายกลัวว่ายองแบจะจำไม่ได้ และไม่รักนายอีกแล้วงั้นเหรอ” ดงอุคคิดว่าเขาเดาใจน้องชายถูก
“ฮยอง ถ้าหมอนั่นจำช่วงเวลาที่เราผ่านมาด้วยกันไม่ได้ แล้วหมอนั่นจะรักผมอีกครั้งได้ยังไง ถ้าไม่มีความทรงจำเหล่านั้น หมอนั่นจะรักคนอย่างผมได้ยังไง” น้ำตาไหลลงมาจากตาสวยอีกครั้ง
“จียง นายคิดว่าคนอย่างยองแบ รักนายเพราะรู้จักนายมานานงั้นเหรอ”
ร่างบางสั่นหัว
“ยองแบรักนายน้อยกว่าเด็กฝึกหัดคนอื่นๆ ที่ลำบากมาด้วยกัน หรือเพื่อนสมัยเด็กที่รู้จักก่อนมาเจอนายมั้ย”
ร่างบางสั่นหัวอีกครั้ง
“ความรักของพวกนายไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ฮยองเชื่อในสิ่งที่พวกนายมี แต่นายเองต้องเชื่อด้วย เชื่อและศรัทธาให้เหมือนวันนั้นที่นายสองคนยืนยันว่าจะรักกันให้เป็น และมีความสุขให้ได้ ความเชื่อมั่นและศรัทธาที่ทำให้ฮยองยอมให้พวกนายคบกัน” ดงอุคจับหน้าน้องชายขึ้นมาสบตากัน
“ถึงหมอนั่นลืม แต่หัวใจของหมอนั่นต้องจำนายได้อีกครั้ง อย่าเพิ่มยอมแพ้นะจียง ถ้านายเป็นคนที่ลืม แล้วยองแบไม่พยายามทำให้นายจำได้อีกครั้ง นายจะเสียใจแค่ไหน”
“...” เป็นครั้งแรกที่จียงรู้สึกตัวว่า เขาได้ทำไม่ดีกับยองแบไปซะแล้ว แค่เขากลัวอีกฝ่ายปฏิเสธ โดยไม่คิดเลยว่า ถ้าอีกฝ่ายจำคนสำคัญที่สุดของตัวเองไม่ได้อีก เพราะอีกฝ่ายล้มเลิก จะเสียใจแค่ไหน
“เชื่อมั่นในความรักที่พวกนายมีให้กัน ถึงหมอนั่นจะลืมไปชั่วชีวิต แต่ถ้ามีนายอยู่ตรงหน้า แม้สมองจะจำไม่ได้ แต่หัวใจหมอนั่นต้องจำได้แน่” ดงอุคพูดในสิ่งที่เขาเชื่อว่าน้องชายของเขาทำได้ และจะเสียใจไปตลอดชีวิตถ้ายังคงหนีอยู่แบบนี้
“ครับฮยอง ผมจะไม่หนีอีกแล้ว ผมจะกลับไปหายองแบ” แววตาของจียงกลับมามีประกายความหวังอีกครั้ง
“ถ้าหมอนั่นจำไม่ได้ ผมจะจำหัวหมอนั่นโขกกำแพง”
....
ระหว่างที่สาวๆ 2NE1 กำลังลองเสื้อผ้ากับทรงผมสำหรับการแสดงบนเวทีวันอาทิตย์นี้ ซึงโฮที่รอคุยกับแชรินมาตลอดก็ได้โอกาสพูดคุยกับเธอตามลำพัง
“แชริน ชวนแทยังไปวันอาทิตย์นี้ด้วยกันเหรอ” สไตลิสต์หนุ่มถามขึ้นลอยๆ
“ค่ะ” หญิงสาวรับคำพลางเงยหน้ามองพี่ชายคนนี้ผ่านกระจก
“ทำอะไรอยู่ รู้ตัวใช่มั้ย” คำถามที่ออกมาจากปากสไตลิสต์สุดแนว ไม่ได้ทำให้หญิงสาวแปลกใจ
“ทำอะไรคะ โอป้าหมายความว่ายังไง” หญิงสาวแกล้งถามกลับ แม้จะรู้ดีว่าเขาพูดถึงเรื่องอะไร
“แชริน คิดว่าไม่มีใครรู้จริงๆ น่ะเหรอ” ซึงโฮถามอย่างไม่เชื่อท่าทีที่ทำเป็นไม่รู้เรื่องของแชริน เขาผิดหวัง ส่วนหนึ่งเพราะคิดว่าเขารู้จักสาวน้อยคนนี้ดีกว่านั้น แชรินที่เขารู้จักยอมรับความจริงและกล้าหาญเสมอ
“โอป้า” แชรินเอ่ยเรียกซึงโฮแผ่วเบา เธอรู้สึกใจหายที่ได้ยินน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความผิดหวังจากพี่ชายตรงหน้า
“เธอคิดอะไรอยู่ ถึงจะเข้าไปแทรกแซงระหว่างสองคนนั้นแบบนี้” ซึงโฮจ้องตาหญิงสาวผ่านกระจกเขม็ง เขาต้องการให้เธอรู้ว่าเขากำลังจริงจัง
“ฉันไม่ได้แทรกแซงใครค่ะ ฉันแค่คอยดูแลยองแบโอป้าที่กำลังความจำเสื่อมเท่านั้น” แชรินไม่ได้โกหก ตอนแรกเธอคิดแค่นั้นจริงๆ
“เธอจะบอกว่า ไม่ได้กำลังฉวยโอกาสที่หมอนั่นความจำเสื่อม ทำในสิ่งที่อยากทำมาตลอดงั้นเหรอ” ยางซึงโฮเป็นคนที่พูดตรงไปตรงมาเสมอ และไม่สนด้วยว่าจะทำให้คนที่ฟังรู้สึกเสียใจหรือเปล่า แต่การเสียใจตั้งแต่ตอนนี้ย่อมดีกว่าปล่อยให้เรื่องบานปลายแล้วคำว่าเสียใจอาจจะไม่เพียงพอ
“โอป้าพูดเหมือนรู้ใจฉันเลยนะคะ” แชรินถามเชิงประชด
“เธอคิดว่าคนอื่นเขาโง่จนดูไม่ออกหรือไง เธอทำแบบนี้ได้ยังไงกัน สองคนนั่น โดยเฉพาะจียง เจ้านั่นเห็นเธอเหมือนน้องสาวแท้ๆ นะ แชริน” ซึงโฮย้ำเพื่ออยากให้สาวน้อยตรงหน้าเขารู้สึกว่าสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แต่จะทำให้คนหลายคนเจ็บปวดได้ รวมทั้งตัวเธอเองด้วย
“ฉันแค่อยากให้โอป้ามองฉันบ้าง แค่ตอนที่ยังจำอะไรไม่ได้ แค่ตอนนี้เท่านั้น มันผิดมากหรือยังไง” แชรินเงยหน้า เธอตั้งใจสบตากับซึงโฮเป็นครั้งแรก และเผยสิ่งที่คิดให้อีกฝ่ายฟัง อีกฝ่ายที่เธอมั่นใจว่าไม่มีทางเข้าใจเธออย่างแน่นอน
“ตลอดเวลาที่ผ่านมา ในสายตายองแบโอป้ามีแต่จียงโอป้าเท่านั้น ขนาดฉันอยู่ตรงหน้า ก็ไม่เคยสะท้อนภาพของฉันเลย ยางเก็งโอป้ารู้มั้ยว่า ฉันต้องเสียใจแค่ไหน” หญิงสาวกลั้นน้ำตาที่เอ่อคลอไว้
“แต่เพราะทั้งสองคนเป็นเหมือนพี่ชายแท้ๆ ของฉัน ฉันถึงอดทนมาได้ แต่ตอนนี้ แค่ตอนนี้เท่านั้น ถึงจะเป็นเพราะจำไม่ได้ แค่ให้มีฉันอยู่ในสายตาเขาบ้าง มันผิดมากหรือไง ยางเก็งโอป้าไม่เคยรักคนที่ทำยังไงก็ไม่มีทางเป็นของเรา ไม่มีทางเข้าใจหรอกค่ะ” ทำไมคนอย่างแชรินจะไม่รู้สึกรู้สาอะไร ทุกอย่างที่ทำลงไป เธอรู้ดีที่สุด แต่ตอนนี้ เธอขอแค่ตอนนี้เท่านั้น
“ทำไมฉันจะไม่เข้าใจ คนที่ฉันรักก็ไม่เคยมองฉันเหมือนกัน” ซึงโฮสบตาหญิงสาวอย่างจริงใจ ก็คนนั้นอยู่ตรงหน้าเขา แต่ไม่เคยมองเขามากไปกว่าพี่ชายคนหนึ่งเลย
“แต่ถ้าฉันเป็นเธอ แชริน ฉันจะไม่ทำแบบนี้ เพราะอะไรรู้มั้ย” เหตุผลของเขาไม่ใช่เพราะเขารักเธอ และไม่อยากให้เธอไปเป็นของใคร ซึงโฮยินดีที่จะได้มองเห็นเธอมีความสุขอยู่ห่างๆ แต่สิ่งที่แชรินกำลังทำอยู่ สุดท้ายเธอเองจะเป็นคนที่เจ็บปวดที่สุด
“เพราะว่าสุดท้าย คนที่ต้องเสียใจที่สุดก็คือตัวเธอเอง ความรักของสองคนนั้นต่อให้ความจำเสื่อมยังไง แต่มันเป็นของจริง พวกเขาจะกลับมารักกันอีกครั้ง” ซึงโฮไม่เคยตั้งคำถามกับความรักของจียงและยองแบ เขาไม่เคยเห็นใครที่เป็นเหมือนสองคนนี้ และเขาไม่สามารถนึกภาพของคนทั้งคู่แยกกันได้เลย
“ถ้ายองแบโอป้าจำได้ จะไม่มีใครแทนที่จียงโอป้าได้ ฉันรู้ดี เมื่อถึงตอนนั้นทุกอย่างจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม” แชรินแสดงความจริงใจว่าทุกอย่างจะจบลงเมื่อยองแบกลับมาจำได้อีกครั้ง
“เมื่อถึงตอนนั้นเธอจะยอมถอยไปได้จริงๆ งั้นเหรอ ยอมเป็นฝ่ายที่เจ็บปวดได้จริงๆ งั้นเหรอ แชริน” ซึงโฮไม่เชื่อเลยสักนิดว่าหญิงสาวตรงหน้าจะทำได้ เพราะยิ่งถลำลึก ยิ่งถอยกลับยาก เรื่องของหัวใจ ไม่เข้าใครออกใครทั้งนั้น
“ค่ะ” หญิงสาวยืนยัน “แต่ถ้ายองแบโอป้ายังจำไม่ได้ มันเป็นสิทธิของเขาที่จะเลือก ใช่มั้ยคะ”
“แชริน” ซึงโฮถอนหายใจ “ถ้าหมอนั่นเลือกเธอ คิดว่าเขาเลือกเธอเพราะอะไร”
คำตอบที่ทั้งสองฝ่ายรู้แก่ใจ
“เธอจะเป็นได้แค่ตัวแทนของควอนจียงเท่านั้น คิดให้ดีนะแชริน ฉันไม่อยากให้ใครต้องเจ็บปวด ทั้งจียงและเธอ” ซึงโฮเดินออกไปจากห้อง เหลือเพียงหญิงสาวคนหนึ่งที่ปล่อยให้น้ำตาที่อดกลั้นไว้ไหลริน
“ถ้าโอป้าเป็นฉัน โอป้าจะรู้ว่า การเป็นแค่ตัวแทนก็อาจจะดีกว่าการไม่มีตัวตนในสายตาของคนที่เรารักนะคะ” แชรินรู้ดีว่า เมื่อยองแบจำได้ ทุกอย่างจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม แต่เธอก็ความหวังเล็กๆ ที่เขาอาจะจำไม่ได้อีก แค่ความหวังเล็กๆ มันคงไม่ผิดเกินไปใช่มั้ย
.......
Comeback Stage ของ 2NE1 ยังยอดเยี่ยม แต่สิ่งที่ทุกคนจับตามองคือ แทยัง วง Big Bang ที่มาให้กำลังใจสาวๆ รุ่นน้อง เป็นการปรากฏตัวครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุ และความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างสนิทสนมกับหัวหน้าวงอย่าง ซีแอล
แฟนๆ ดีใจที่เห็นว่าร่างหนาแข็งแรงดี อาการความจำเสื่อมถูกปิดเป็นความลับ ยองแบทำอะไรไม่ถูกเมื่อได้เจอแฟนๆ มากมาย เขาจึงเพียงยิ้มให้คนร้องเรียกชื่อเขาเท่านั้น ซึ่งก็ไม่ต่างจากเมื่อก่อนที่หนุ่มเสียงดีคนนี้มักเป็นมิตรกับแฟนๆ เสมอ
ระหว่างที่ยองแบดู 2NE1 แสดงบนเวที เขาอดชื่นชมความสามารถของสาวๆ ไม่ได้ และเมื่อมองไปที่แชริน ที่ดึงดูดความสนใจของเขาได้ทุกครั้งไม่ว่าทำอะไรก็ตาม ยองแบรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก ภาพในหัวเขาเบลอๆ เหมือนกับเขาเคยอยู่บนเวทีนั้น บนเวทีเดียวกันกับใครอีกคน แน่นอนว่าต้องเป็นสมาชิก Big Bang คนอื่นๆ แต่ภาพในหัวที่โดดเด่นกว่าคือ เขากับใครอีกคนที่คล้ายแชรินเหลือเกิน คล้ายจนแทบจะเป็นคนๆ เดียวกัน
แม้จะยังไม่มั่นใจนัก แต่ยองแบมีความสุขที่ได้เห็นแชรินบนเวที
“โอป้า” สาวน้อยวิ่งเข้ามากอดเขาอย่างดีใจ
“เป็นไงบ้างเรา เหนื่อยหรือเปล่า” ยองแบกอดตอบก่อนจะดันร่างเล็กออกอย่างอ่อนโยน
“ไม่ค่ะ เป็นยังไงบ้าง พวกเรา 2NE1 ทำได้ดีมั้ยคะ” แชรินรอคำตอบของยองแบอย่างตื่นเต้น ถึงเขาจะความจำเสื่อมแต่ยังไงก็ยังเป็นนักร้องรุ่นพี่ของพวกเธออยู่ดี
“ไม่ใช่แค่ดีนะ มันยอดเยี่ยมมากต่างหากล่ะ” ยองแบยกมือลูบหัวหญิงสาวอย่างเอ็นดู บางอย่างภายในบอกว่า เขาเคยทำแบบนี้บ่อย แต่ภาพของคนตรงหน้ากลับดูเบลอๆ คล้ายๆ แชริน ที่มันเบลออาจจะเป็นเพราะเขากำลังความจำเสื่อมสินะ
“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวยิ้มหน้าบาน ก็จะจูงมือหนาอย่างคุ้นเคยกลับเข้าห้องพัก
ภาพที่เห็น ทำให้หลายคนที่ไม่รู้ชื่นชมว่าคนทั้งคู่น่ารัก แต่ขณะเดียวกัน ก็ทำให้หลายคนเป็นกังวล
“ออนนี่” น้องเล็กของ 2NE1 กระตุกชายเสื้อพี่สาวคนโตของวงอย่างปาคบอม ถึงเธอจะยังเด็ก แต่ก็รู้ว่ามีบางอย่างกำลังเปลี่ยนไป
“มักเน่” ปาคบอมเห็นหน้าน้องก็รู้ว่าน้องกำลังกังวลเรื่องอะไร เธอหันไปมองน้องอีกคนที่จ้องภาพด้านหลังของคนทั้งคู่เขม็ง
“ไม่ต้องห่วงนะ ไม่มีอะไรหรอก” ลูบหัวน้องเล็กของวงอย่างปลอบโยน
“ฉันหวังว่าจะเป็นอย่างนั้นนะคะออนนี่ ถ้าไม่ใช่ ฉันจะคุยกับแชรินเอง รู้อยู่แก่ใจแท้ๆ นะ” ซันดาราพูดอย่างไม่พอใจ เพราะเธอเป็นห่วงรุ่นน้องทั้งสามคน เธอไม่อยากให้ใครต้องเจ็บปวด
“ใจเย็นๆ ก่อนนะดารา ยังไงตอนนี้ยองแบก็ยังจำไม่ได้ แต่ฉันว่าสุดท้ายทุกอย่างจะลงเอยด้วยดี” เธอพูดเหมือนปลอบตัวเองด้วย ก่อนจะกอดคอน้องทั้งสองพาออกไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
ยางซึงโฮเองก็ยิ่งหงุดหงิดที่แชรินเหมือนจะไม่ได้ฟังที่เขาพูดเลยสักนิด
.
TBC
^^