In His care 28

Sep 18, 2008 21:56



Title: In his Care
Author:blue_orbs
Translated and wrote in Thai by daniellove& windzephyr
Pairing: Akame
Rating: NC-17
Disclaimer:The plot belongs to blue_orbs darling
Summary: For this chapter N/A

Thanks รียา อารียา reeya-areeya to be my lovely
beta ,how could I survive without YOU *kisses*
Special thanks to ก้อย jk_no_koi

♥ In His Care ♥

chapter 28

เขาควรจะลืมจินให้ได้เลยใช่ไหม? มันคงเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้เขาดำเนินชีวิตอยู่ต่อไปได้? เขาควรที่จะยอมรับมันได้แล้วว่า.... จินไม่เคยสนใจไยดีในตัวเขาเลยสักนิด? ที่ผ่านมา..อีกฝ่ายก็แค่เข้ามาตักตวงแสวงหาความสุขจากร่างกายเขาเท่านั้นเอง

แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไร..ร่างบางก็ไม่อาจทำใจให้เชื่อในสิ่งที่คิดไว้ได้ ทำไมล่ะ? หรือเขาจะคอยปกป้องหัวใจตนเองจากความจริงที่แสนเจ็บปวดว่าที่ผ่านมาจินก็แค่หลงใหลในร่างกายนี้เท่านั้น?

ร่างบางปิดเปลือกตาลงแนบสนิท มันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว เขาเหนื่อยกับเรื่องนี้มามากเหลือเกิน ตั้งแต่ที่ได้เหยียบเท้าเข้ามาอยู่ในเรือนจำแห่งนี้ เขาเคยต้องหวาดกลัวเพื่อนร่วมห้อง... หลังจากนั้น..ความหวาดกลัวได้แปรเปลี่ยนเป็นความรักที่มีต่อเพื่อนร่วมห้อง .... เสาะแสวงหาที่ของตัวเองในที่แห่งนี้ แล้วเฝ้าหวั่นวิตกกังวลว่าจินจะคิดกับเขาเช่นไร ต่อเมื่อคิดไปว่าตัวเขาได้ค้นพบที่ของตัวเองในนี้แล้ว...ก็กลับต้องสูญเสียมันไปอย่างไร้มาซึ่งคำอธิบายใดๆ

ร่างบางนึกหวังที่จะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง แล้วในครั้งนี้..เขาจะเป็นคนช่างสังเกตให้มากกว่าที่เป็นอยู่...จะเฝ้าสังเกตให้ลึกถึงอากัปกิริยาผิดปกติใดๆจากจิน... เขาไม่ควรจะตกหลุมรักเจ้านายตัวเองเลยด้วยซ้ำ... ถ้าเพียงแต่จะมีโอกาสได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ในคุกนี้อีกครั้ง

“ว่าไง~ ทำแบบนี้เหมือนกับไม่ใช่ตัวนายเลยสักนิดนะ จากที่ชั้นเคยได้ยินมา..นายไม่เอาแต่นอนแล้วยอมรับชะตากรรมแบบนี้นี่ นายจะไม่หยุดจนกว่าจะได้ในสิ่งที่หวัง”

ดีจริงๆเชียว... พอมีใครสักคนเข้ามาเยี่ยมเยียนเขาก็ดั๊นเป็นช่วงที่กัคคุโตะไม่อยู่เสียด้วยสิ...จะเรียกว่าเป็นโชคดีได้ไหม ที่ตอนนี้กัคคุโตะไม่ได้อยู่ที่นี่เพื่อจะรู้ว่ามิยาบิเป็นฝ่ายมาหาเขา? เพราะเห็นได้อย่างง่ายดายว่ากัคคุโตะมีความสัมพันธ์อันดีกับพวก AT-TUN โดยเฉพาะกับอุเอดะ ทำไมเมื่อแรกที่เข้ามาอยู่ที่ฝั่งเหนือ เขาถึงไม่เคยสังเกตเห็นเรื่องพวกนี้มาก่อนเลย? กัคคุโตะนั่นเองที่เป็นคนไปบอกพวก AT-TUN ว่าเขาอยู่อย่างไร ทำอะไรบ้าง ..แล้วนั่นก็หมายความว่า กัคคุโตะจะต้องบอกพวกแก๊งเกี่ยวกับเรื่องที่มิยาบิมาหาเขาอย่างแน่นอน... จากนั้นปัญหาทั้งหลายแหล่ก็จะตามมาเป็นขบวน

คาเมะลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ แต่ก็ยังไม่ยอมขยับเขยื้อนกายลุกจากเตียง เขาจะต้องรีบบอกให้เด็กของเล่นคนนี้ไปให้พ้นเสียก่อนที่จะมีใครสักคนมาเห็นได้.... ใครสักคนที่อาจะเป็นพรรคพวกของจิน

“นายเองก็เพิ่งจะบอกมาเองไม่ใช่เหรอว่าทำไมชั้นถึงได้กลายเป็นเด็กของเล่นอยู่ตั้งนานนมแบบนี้” มิยาบิคล้ายจะแปลกใจที่ได้ยินคาเมะที่นั่งจมอยู่ในสภาพเช่นนี้ตอบออกมา เด็กหนุ่มผมสีดำเผยอยิ้มแต้มเรียวปาก

“ชั้นก็เดาเอาว่านั่นคงเป็นเหตุผลว่าทำไม...”

ครั้งนี้คนตัวเล็กไม่ได้เอื้อนเอ่ยคำใดออกมา บางทีถ้าเขาทำเฉยไม่พูดโต้ตอบออกไปเสีย อีกฝ่ายก็คงจะเบื่อและเดินหนีไปเองก็ได้ ถ้าเขาพูดออกไปน้อยเท่าไหร่ มันก็จะเป็นผลดีกับตัวมิยาบิมากเท่านั้น เด็กของเล่นจากแก๊งรุ่นพี่มาทำอะไรที่นี่กัน? ในช่วงเวลานี้แบบนี้เสียด้วย แต่ร่างบางก็ไม่อยากจะสนใจเรื่องอะไรแล้วทั้งสิ้น

“ทำไมนายถึงช่วยชั้นไว้?” มิยาบิได้เอ่ยปากถามออกมา น้ำเสียงคล้ายจะแฝงด้วยความจริงจัง ..มันดูขันยิ่งนักในความคิดของคนตัวเล็ก เพราะเขาไม่เคยได้ยินน้ำเสียงเช่นนี้จากอีกฝ่ายมาก่อนเลยก็ว่าได้ “ตอนที่อยู่ในห้องเจ้านายของชั้น... ทำไมนายถึงเอาตัวมากั้นกลางระหว่างชั้นกับอคานิชิล่ะ? ชั้นได้ยินมาว่าตอนที่เขาโยนนายออกมา ...เขาตบนายไปจริงๆ ทำไมถึงเสี่ยงที่จะถูกอคานิชิลงโทษเพื่อชั้น?”

คาเมะได้แต่แอบถอนหายใจอยู่ภายในใจ ร่างบางไม่มีอารมณ์ที่จะพูดคุยกับใครทั้งนั้น..แต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมถอยออกไปเหมือนที่คิดเอาไว้ คนตัวเล็กมองตอบกลับไปยังร่างของคนที่ยืนอยู่ด้านนอกของประตูห้องขังที่ปิดล๊อคเอาไว้อย่างแน่นหนา

“เขาทำอะไรนายไหม?” คาเมะถามมิบายิ ยังไม่ยอมที่จะตอบในทุกคำถามที่อีกฝ่ายเพียรถามออกมา มิยาบิส่ายหัวนิดๆ ..แต่ก็ไม่แน่ใจว่าร่างบางจะสังเกตเห็นอาการส่ายหัวปฎิเสธครั้งนี้หรือไม่..เหมือนกับว่าคนตัวเล็กจะไม่ไยดีในการมาเยือนเขาเลยสักนิด

“ไม่หรอก เขาไม่ได้ตามมาทำอะไรชั้นทั้งนั้น” มิยาบิตอบ คาเมะได้แต่พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้

“งั้นก็ดีแล้ว....”

ผู้สูงวัยกว่าปรับเปลี่ยนทีท่าไปมาอย่างอึดอัด..เขาไม่ชินกับสถานการณ์แบบนี้เลย “แล้วนายล่ะ? พอชั้นไปแล้วเขาทำอะไรนายบ้างหรือเปล่า?”

คาเมะยกมือขึ้นลูบไล้ไปยังริมฝีปากด้านล่าง “ไม่มีอะไร”

“นายจะไม่ถอยออกมามือเปล่าไม่ใช่เหรอ” มิยาบิพูดชี้ ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยินเลย

“ชั้นได้ให้คำสัญญากับใครบางคนเอาไว้แล้ว” คาเมะกล่าว

“ที่จะยอมแพ้น่ะเหรอ” มิยาบิพูดเดาขึ้นมา คนตัวเล็กก็ยังไม่ยอมตอบคำถามใดๆทั้งสิ้น ..แต่ก็เหมือนว่าไม่จำเป็นต้องตอบออกมาอยู่แล้วนี่น่า

“ชั้นต้องอยู่แต่ในห้องไปจนกว่าจะถึงวันที่ได้ถูกปล่อยตัวไป” คาเมะเสพูดในเรื่องอื่นแทน ทำไมอีกฝ่ายยังยืนอยู่ที่นี่ ทำไมถึงยังไม่ยอมกลับห้องไปเสียที? ร่างบางเหนื่อยกับการที่ต้องเป็นคนคอยระแวดระวังภัยให้คนอื่นๆ ขณะเดียวกันเขาก็เหนื่อยเหลือเกินกับการเฝ้าหาเรื่องมาใส่ตัว..หรือจะพูดตามตรงก็คือ หาเรื่องให้จินคอยแก้น่ะเอง

“ฟังนะ.. ชั้นมาเพื่อที่จะ...ชั้นมาเพื่อที่จะบอกความจริงกับนาย” มิยาบิเริ่มเรื่อง แต่ก็ถูกคาเมะพูดขัดขึ้น

“อย่าเลย ชั้นไม่อยากได้ยินอะไรจากนาย ถ้านายพูดอะไรออกมา..นายเองก็อาจจะซวยได้” คาเมะอธิบาย “มันไม่เป็นไรหรอก ความจริงอะไรก็ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว ได้โปรดออกไปเสียเถอะ”

“แต่ความจริงก็คือว่า ทุกอย่างมันคือความผิดของชั้นเอง” มิยาบิค้าน “ชั้น-“

“ชั้นบอกว่าไม่อย่างไรล่ะ” ร่างบางพูดขัดอีกครั้ง “แล้ว อคานิชิรู้ความจริงในเรื่องที่นายกำลังจะบอกชั้นหรือเปล่า?”

มิยาบิหยุดนิ่งเมื่อได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยชื่ออคานิชิเหมือนคนที่ห่างเหินกันยิ่งนัก...คาเมะทำตัวเหมือนไม่ใช่สำคัญของอคานิชิเลยสักนิด “ไม่หรอก ชั้นคิดว่าเขายังไม่รู้ มีชั้นเพียงคนเดียวที่รู้เรื่องนี้”

“งั้นก็อย่าบอกให้เขารู้” คาเมะเอ่ยขึ้น “ถ้านายคือคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องยุ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดล่ะก็ เขาจะแก้แค้นเอากับนายได้ ถ้าอย่างงั้นจะเป็นการดีเสียกว่าถ้านายจะไม่บอกเรื่องนี้กับเขา”

“ทำไมนายต้องสนใจด้วยว่าล่ะจะมีอะไรเกิดขึ้นกับชั้น? ชั้นคิดว่านายอยู่ข้างอคานิชิเสียอีก” มิยาบิจำต้องถาม

“ชั้นต้องเป็นคนถามนายมากกว่า นายมาทำอะไรที่นี่? ถ้าอคานิชิเห็นนายอยู่ที่นี่แล้วล่ะก็ เขาจะทำร้ายนายได้ แล้วถ้ามันเป็นแผนของนายจริงๆ นายจะมาบอกชั้นทำไมกัน?” คาเมะย้อนกลับ

“เพราะว่า..” มิยาบิเริ่มเรื่อง ท่าทางเหมือนจะมาดมั่นในเริ่มแรก ก่อนที่จะคิดได้ว่าเขาเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำไมต้องมาบอกเรื่องนี้กับคนตรงหน้า “เพราะ...ชั้นคิดว่าชั้นจำเป็นต้องบอก ชั้นรู้สึกติดค้างนายอยู่”

“นายไม่ได้ติดค้างอะไรชั้นทั้งนั้น ชั้นเป็นคนไปหานายแล้วทำให้นายมีเรื่องเอง” คาเมะตอบ “อีกอย่าง ไม่ใช่ว่านายหรอกเหรอที่ชอบหาผลประโยชน์จากคนอื่นและไม่คิดจะให้อะไรใครกลับคืน? ทำไมนายต้องรู้สึกติดค้างอะไรชั้นด้วยล่ะ?”

“เพราะว่าเป็นครั้งแรก....ไม่ใช่สิ เป็นครั้งที่สองเลยก็ว่าได้ ที่มีใครสักคนใส่ใจในตัวชั้นแล้วโดดเข้ามาช่วยโดยไม่คิดเรียกร้องสิ่งตอบแทนใดๆ” คำตอบที่ได้รับส่งผลให้ร่างบางมองตอบด้วยความสงสัย “ใช่แล้วล่ะ ชั้นเคยพบทักกี้และซึบาสะมาแล้ว ชั้นได้ยินมาว่าพวกเขาเป็นคนดีมาก ทั้งที่ๆในตอนนั้นชั้นเริ่มที่จะคิดไปแล้วว่าพวกคนเหล่านั้นคงไม่มีอยู่ในโลกนี้จริงหรอก”

“พวกเขามีอยู่จริง แล้วพวกเขาก็เป็นคนดีด้วย” คาเมะพึมพำออกความเห็น ร่างบางอดจะนึกสงสัยต่อไปเสียไม่ได้ว่า ถ้าสองหนุ่มยังคงอยู่ที่นี่ในตอนนี้แล้วล่ะก็ ทุกสิ่งทุกอย่างจะเปลี่ยนไปมากกว่านี้ไหม จากที่เคยได้ยินได้ฟังมาจากผู้คนที่รักใคร่สนิทสนมในตัวสองหนุ่มแล้ว ทักกี้กับซึบาสะน่าจะกลับมาตั้งแต่เดือนที่แล้วไม่ใช่เหรอ

“นายผลักชั้นออกไปจากห้องนั้น แล้วขังตัวเองอยู่กับเขาและคนในแก๊งของเขา ทั้งๆที่นายก็รู้ว่าเขาจะทำอะไรกับนายบ้าง นายก็เห็นสีหน้าของเขานี่ อคานิชิโมโหมาก” มิยาบิกล่าว “ทำไมนายต้องทำอย่างนั้นเพื่อคนอื่นด้วย?”

“ชั้นว่านายรู้คำตอบนั้นดีอยู่แล้ว” คาเมะพึมพำ ..ก็ชั้นมันก็คนโง่อย่างไรล่ะ ร่างบางบ่นกับตัวเอง... ทั้งโง่และเชื่อใจคนได้ง่ายด้วย

แต่มิยาบิก็ไม่ได้เอ่ยในสิ่งที่ร่างบอกคิดเอาไว้ว่าอีกฝ่ายจะพูดออกมา ผู้สูงวัยกว่าเลื่อนสายตามองไปยังร่างที่เต็มไปด้วยรอยสักของตนเอง

“รอยสักของชั้น มันสื่อถึงสติปัญญา เป็นภาษาเขียนทางด้านสติปัญญาในศาสนาพุทธน่ะ” มิยาบิกล่าวพลางพยักหน้านิดๆไปยังต้นแขนที่เปล่าเปลือยของตน “อย่างไรก็เถอะ ชั้นหวังมาตลอดว่าจะใช้ชีวิตของชั้นทั้งชีวิตเพื่อค้นหาคำตอบให้กับหัวใจ แต่แล้วชั้นก็กลับต้องมาปิดกั้นมันไป ชั้นเหมือนคนที่เดินหลงทาง แต่ดูเหมือนว่านายจะค้นพบสติปัญญานั้นมากกว่าชั้นอีกนะ”

“โลกคงไม่สงบสุขไปได้แน่ถ้าทุกคนตักตวงเห็นแต่ประโยชน์ของตนเอง” คาเมะเปิกปากพูดต่อ ไม่ได้บ่นพึมพำออกมาเหมือนเช่นเดิม

“นั่นคงเป็นเหตุผลว่าทำไมชั้นถึงมาอยู่ที่นี่” มิยาบิกล่าว “บางที ชั้นอาจจะเข้าใจอะไรแล้วก็ได้นะ”

“ชั้นว่า นายคงจะค้นพบปัญญานั่นแล้วด้วย” ร่างบางพูดชี้แจงก่อนจะหันมาสบตาอีกฝ่าย

“ชั้นยังต้องค้นหาคำตอบอีกหลายอย่าง” อีกฝ่ายพูดขึ้น..แต่คาเมะก็ไม่ได้ตอบคำใดออกมาทั้งสิ้น ร่างบางได้แต่จ้องอีกฝ่ายอยู่อย่างเงียบๆ จนมิยาบิต้องกระแอมไอขึ้นมานิดๆ เขาไม่ชินกับการที่ต้องพูดเสียงอ่อนและเปิดเผยความในใจออกมาอย่างมากมายเช่นนี้มาก่อน

“ถ้าอย่างนั้น ถ้านายเป็นได้เพียงครึ่งจากที่ชั้นเคยได้ยินเกี่ยวกับนายมาแล้วล่ะก็ ย้ายไอ้บั้นท้ายดินระเบิดของนายออกจากเตียงแล้วสืบเสาะให้ลึกไปถึงแก่นมันให้มากสุด จากนั้นค่อยมาเผชิญผลลัพธ์ของมันทีหลังสิ ..” เด็กหนุ่มจากฝ่ายตะวันออกพูดเสริม “เหมือนที่นายเคยทำมาตลอดไง”

สายตาของร่างบางหลุบมองยังผ้าปูที่นอน ในสภาพที่เป็นอยู่ตอนนี้..เขาแทบจะจำตัวเองจากคำบรรยายที่ได้ยินมานั้นไม่ได้เลยสักนิด

มิยาบิเคลื่อนตัวออกห่างจากซี่ลูกกรงที่กั้นกลาง พร้อมที่จะปล่อยให้อีกฝ่ายได้อยู่เพียงลำพัง

“รุ่นพี่ของอคานิชิ พวก V6 และโทคิโอะอยู่กันที่ฝั่งตะวันออก สแมปอยู่ฝั่งเหนือ นายคลำมาได้ถูกทางแล้ว แค่ทำต่อไปซะ แต่...” มิยาบิหันมาก่อนจะทอดสายตาเพื่อมองข้ามไหล่ไปยังคนตัวเล็ก “ยังมีความจริงบางอย่างที่อยู่เบื้องหลัง ให้คิดอยู่ตลอดเวลาว่าพวกรุ่นพี่ไม่ยอมแพ้ง่ายๆแน่ ระวังตัวด้วย”

คาเมะได้แต่จ้องคนที่กำลังหันหลังแล้วเดินจากไปอย่างเงียบๆ

ไม่เหมือนตัวเขาเลยอย่างงั้นเหรอ? ร่างบางลอบมองไปยังทางเดินที่ว่างเปล่าอีกครั้ง แต่มันก็ไม่มีอะไรที่เขาจะทำได้ เขาสัญญากับซึโยชิไว้แล้วว่าจะอยู่แต่ในฝั่งเหนือ ..จินเองก็ขู่ไม่ให้เขาเข้าไปกวนใจอีก

คาเมะพลิกตัวนอนลงไปยังอีกด้านของเตียงอย่างเชื่องช้า พยายามที่จะสลัดความคิดต่างๆที่เข้ามาก่อกวนใจออกไปให้สิ้น ....แต่ก็ดูจะไร้ผล... เขาคงจะอยู่แบบนี้ไม่ได้หรอก เขาไม่ชอบที่จะเป็นแบบนี้นี่น่า ถ้าเขาไม่พยายามที่จะเข้าถึงชายคนที่เขารักอย่างสุดความสามารถในตอนนี้แล้วล่ะก็ เขาจะต้องเป็นฝ่ายที่เสียใจในภายหลังแน่

เขาจะต้องเป็นบ้าไปแล้ว ...เขาไม่เคยจะรู้สักนิดว่าชายคนที่เขารักนั้นมีตัวตนอยู่จริงๆหรือไม่ แต่ทุกอย่างระหว่างพวกเขาทั้งสองไม่ใช่เรื่องเสแสร้งโกหกแน่ ..อย่างตอนที่จินจูบเขาเป็นครั้งแรก แล้วยังจะตอนงานวันเกิด.... เขาคิดถึงพฤติกรรมต่างๆที่จินเคยได้แสดงออกมาก่อนหน้าที่พวกรุ่นพี่จะเข้ามาหาพวกเขาในวันนั้นเสียจริง

คาเมะพยายามที่จะข่มแรงกระตุ้นที่มิยาบิเป็นฝ่ายปลุกเร้ามันขึ้นมาให้ได้ จนเมื่อวันของวันนี้ก็ใกล้จะจบสิ้นลง แสงสว่างจากหลอดไฟได้ดับแสง ประตูห้องขังก็ปิดเข้ามาอย่างสนิทแนบแน่น ร่างบางกลับค้นพบว่าเขาไม่ควรจะอยู่ไปวันๆอย่างคนท้อแท้ที่ได้แต่คร่ำครวญเสียใจกับตัวเองแบบนี้อีกต่อไป

เมื่อเช้าของรุ่งอรุณวันใหม่มาเยือน ประตูห้องขังก็ได้เปิดล๊อคขึ้นมาอีกครั้ง คาเมะค่อยๆยันตัวลุกขึ้นนั่งอยู่บนเตียงนอน ประตูห้องของพวกเขาถูกเปิดออกมาเหมือนห้องขังห้องอื่นๆ แต่กัคคุโตะก็ไม่ได้ลุกลงจากเตียงเพื่อมาปิดเอาไว้

กัคคุโตะไม่ได้เฝ้าร่างบางอีกเลย อาจเพราะคิดไว้แล้วว่าไม่มีเหตุผลอันใดที่ต้องทำแบบนั้นอีกในเมื่อจินก็ขู่ร่างบางเอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทางด้านคาเมะเองก็เหมือนจะยอมแพ้เลิกหวังไปแล้วด้วย

เขาน่าจะแอบออกไปได้...ตอนนี้ก็เป็นช่วงเวลาอาหารเช้า..จินก็น่าจะอยู่ที่โรงอาหาร เมื่อได้เหยียบเท้าย่างออกนอกห้องขังแล้วเดินละเลียดไปตามทางนั้น ร่างบางสำนึกอยู่แก่ใจตลอดเวลาว่าได้ทำลายคำสัญญาที่ให้ไว้แก่นักโทษหนุ่มคนที่น่ากลัวมากที่สุดของฝั่งเหนือไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่มิยาบิก็บอกว่า..ทำไปก่อนแล้วค่อยมารับผลจากการกระทำในภายหลังก็ได้...เพราะในตอนนี้เขามีสิ่งที่จำเป็นจะต้องทำอย่างมาก

ร่างบางนึกอยากที่จะเอาหัวตัวเองเข้าไปโขกกับห้องขังใดห้องขังหนึ่งในระหว่างที่เดินอยู่บนทางเดินที่ทอดยาวไปสู่ห้องโถงยิ่งนัก...นี่เขากำลังทำอะไรอยู่กันล่ะเนี่ย? ถ้าไปเผชิญหน้ากับจินอีกครั้ง อีกฝ่ายก็คงจะเข้ามาข่มขู่แล้วทำให้ต้องได้อายอีกแน่....แล้วบั้นท้ายดินระเบิดที่มิยาบิพูดมันคืออะไรกันน่ะ?! ร่างบางเอี้ยวตัวข้ามไหล่เพื่อมองไปยังส่วนที่อยู่ด้านหลังที่ตามติดเขาไปทุกหนแห่ง ส่วนไหนของก้นของเขาที่เรียกว่าบั้นท้ายดินระเบิดกันล่ะ? ไอ้คำนี้มันหมายความว่าอย่างไรกัน? จินคิดเช่นนี้ด้วยหรือไม่? ถ้ามีโอกาสอีกครั้งแล้วล่ะก็เขาจะต้องถามจินให้รู้แน่ชัดไปเลย

คาเมะถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบาก่อนที่จะจ้องไปตามทางเดินข้างหน้า ความคิดที่จะถอยหลังแล้วเดินกลับไปนั้นได้เกิดขึ้นมาในหัวนับครั้งไม่ถ้วน แต่ขาทั้งสองข้างก็ยังคงก้าวเดินไปข้างหน้า ห่างออกจากฝั่งเหนือมาเรื่อยๆจนสุดท้ายก็ได้เหยียบลงบนขั้นบันไดกว้างที่อยู่ในโรงอาหาร

เมื่อได้ทอดสายตามองลงไปยังพื้นที่ที่คุ้นเคย เป็นอย่างที่คาดไว้ไม่มีผิด.... จินและเหล่าเพื่อนในแก๊งได้รวมตัวกันอยู่รอบโต๊ะตัวโปรดกลางโรงอาหาร เคย์ตะนั่งอยู่ข้างๆอยู่ภายในวงแขนของร่างสูง คาเมะนึกสงสัยอยู่ลึกๆว่าเคย์ตะมีสิทธิ์ที่จะนั่งใกล้เจ้านายแบบนี้ด้วยเหรอ ในส่วนลึกก็อดจะคิดไม่ได้ว่าที่ตรงนั้นเป็นสิทธิพิเศษของเขาแต่เพียงผู้เดียวที่จะได้นั่งข้างจิน... นี่เขาคิดผิดมาโดยตลอดสินะ

ร่างบางยืนหยุดนิ่งอยู่ระหว่างทางที่เดินลงมา บางทีเขาน่าจะเข้าไปทานอาหารเช้าเสียหน่อย....แต่เมื่อคิดไปอีกที ก็ไม่นึกหิวอะไรเลยสักนิด ภาพที่อยู่เบื้องหน้าทำให้นึกอยากจะถอยออกไปมากกว่าเดิม ...เพราะมั่นใจไปล่วงหน้าแล้วว่าเหตุการณ์มันคงจะไม่จบลงอย่างสวยงามแน่...ไม่มีเรื่องดีอื่นใดที่จะเกิดขึ้นมาจากการเผชิญหน้าระหว่างเขาและจิน

มิยาบิเคยหัวเราะในเรื่องที่ว่าเคย์ตะเป็นเด็กของจิน ...แต่คาเมะไม่เห็นว่ามันจะน่าขันตรงไหน ...แล้วยิ่งได้มารู้เห็นตอนที่จินเข้าไปกระซิบกระซาบถ้อยคำบางอย่างกับเคย์ตะ ตามด้วยการที่อีกฝ่ายรั้งร่างของเด็กหนุ่มเข้าไปใกล้ ร่างบางไม่อยากจะคิดไปเลยว่า ในยามที่พวกเขาทั้งสองได้อยู่กันตามลำพังแล้วเมื่อแสงไฟแห่งยามค่ำคืนได้ดับแสงลงไปแล้ว..ในตอนนั้นจะมีอะไรเกิดขึ้นกันบ้าง จินคงไม่ปฎิเสธที่จะร่วมหลับนอนกับเด็กหน้าสวยเป็นแน่ใช่ไหม?

แรงบีบตรงราวระหว่างขั้นบันไดได้เพิ่มมากขึ้น

เขาจะทำอย่างไรดี? ยืนอยู่ตรงนี้แล้วเอาแต่จ้องแค่นั้นหรอกเหรอ? หรือจะเดินเข้าไปก่อเรื่อง? มันเป็นสิ่งเดียวที่เขาถนัดนี่น่า? เขาจะทำอะไรได้อีกในเมื่อจินข่มขู่ที่จะทำร้ายคนที่เขาเข้าไปพูดจาขอร้อง?

ร่างบางถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งก่อนจะรั้งตัวให้ออกห่างจากราวบันได พยายามควบคุมทุกย่างก้าวที่ได้เดินผ่านโรงอาหาร เสียงเต้นของหัวใจดังปะทุอยู่ภายในอกเพราะแน่ใจเป็นมั่นเหมาะว่าการไปพบกับอีกฝ่ายในครั้งนี้จะนำให้เขาพบแต่ปัญหาและโดนตวาดกลับมาเป็นแน่... แต่เมื่อได้เดินมาจนถึงโต๊ะของจิน..ก็คงจะถอยกลับไปไม่ได้เสียแล้ว

มันเจ็บปวดเหลือเกินที่ต้องมาเห็นจินนั่งตัวชิดสนิทแน่นกับเด็กหนุ่มคนอื่น

“ดูซิว่าใครที่ออกมาจากฝั่งเหนือเสียที...” น้ำเสียงของโคคิเหมือนจะยินดีที่ได้พบเขา..แต่มันก็อาจจะเป็นเพียงสิ่งที่คาเมะคิดไปเอง

จินผงกหัวขึ้นมองคนตัวเล็กที่กำลังหยุดยืนอยู่ไม่ห่างจากโต๊ะของพวกเขาด้วยทีท่าแปลกใจ ร่างบางเองก็คล้ายจะตกใจกับเสียงร้องทักของโคคิ...บรรดาคนที่เหลือในแก๊งรวมทั้งเคย์ตะต่างก็หันไปมองคนตัวเล็กด้วยเช่นกัน

คาเมะนึกโต้เถียงอยู่ในใจว่าควรจะทำเฉยไม่สนใจกับพวกในแก๊งดีหรือไม่ ... ... ทำเฉยเหมือนที่จินกำลังทำอยู่ อีกฝ่ายยกน้ำผลไม้ขึ้นจิบแสร้งทำเป็นไม่รับรู้กับการปรากฎตัวของเขาเลยสักนิด แล้วอีกอย่างในตอนที่โคคิร้องทักขึ้นมานั้น...มันไม่ได้เห็นอย่างชัดนี่น่าว่าเขาจงใจเดินไปยังโต๊ะของพวกแก๊ง มันเหมือนกับว่าเขาตั้งใจเดินตัดผ่านโรงอาหารไปก็แค่นั้น...... แต่นั่นก็คงจะใช้เป็นข้ออ้างไม่ได้แน่ อย่างไรก็ตามเขาต้องคิดหาเหตุเจ๋งๆสักอันขึ้นมาให้ได้! บางทีอาจจะเข้าไปบอกจินว่าที่เขาต้องมายืนอยู่ที่นี่ก็เพราะต้องการจะมีความสัมพันธ์วันเดียวกับจิน แต่ก็อีกล่ะ...เขาไม่กล้าที่จะไปถามจินเรื่องแบบนั้นแน่ ...เพราะรู้เลยว่าถ้าได้เอ่ยคำนั้นออกไป..เขาคงต้องได้อายจนหน้าร้อนวูบวาบแน่เทียว

คาเมะเหลือบมองยังโคคิแต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะพูดคำใดออกมาดี ร่างบางกำลังจะเอ่ยปากพูด..ต่อเมื่อมีบางอย่างเข้ามาขัด

“คาเมนาชิ คาซึยะจังใช่ไหม?” ร่างบางเบือนหน้าไปตามเสียงเรียก แล้วต้องตกใจที่ได้เห็นผู้คุมนายหนึ่งมายืนอยู่ตรงหน้า เขาไม่รู้จักคนผู้นี้เลย “มาสะอยากพบนาย”

คาเมะเผยอปากค้างด้วยความตกตะลึง...แต่ก็ไร้สิ้นเสียงที่จะเปล่งออกมา ภายในจิตใจเริ่มพร่าเลือน ร่างบางไม่สามารถที่จะปะติดปะต่อเรื่องได้ว่าทำไมมาสะถึงอยากจะพบเขา...แล้วต้องพบเดี๋ยวนี้ด้วยสิ?

จินเองก็แทบจะสำลักน้ำส้มที่กำลังยกขึ้นมาดื่ม ก่อนที่ชายหนุ่มจะกระแทกแก้วน้ำลงบนโต๊ะอาหารอย่างเต็มแรง พลางใช้สายตาคมกริบมองไปที่ร่างบาง...คาเมะสังเกตเห็นได้เลยว่าคนทั้งแก๊งต่างก็มองมาที่เขาด้วยเช่นกัน...แต่เป็นสายตาที่ฉายแววคาดไม่ถึงมากกว่าที่จะเป็นสายตาที่แฝงไปด้วยความโกรธเคือง

“ชั้นไม่อยากจะเชื่อเลย” สิ่งแรกที่จุนโนะพูดออกมา

“คาเมนาชิจัง ทำไมนายทำแบบนี้ล่ะ?” ยูอิจิถาม ส่วนจินก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ในทันทีทันใด

“เขาไม่ไปไหนทั้งนั้น” หัวหน้าแก๊งร้องขัด ก่อนที่จะเดินไปหาผู้คุมนายนั้น เหตุการณ์วุ่นวายทั้งหลายก็ได้เริ่มแผ่ขยายไปทั่วโรงอาหาร ทุกคนต่างก็เฝ้ามองเหตุการณ์ตรงหน้านี้ด้วยความสงสัยใคร่รู้

“ชั้นขอโทษนะอคานิชิซัง ชั้นก็แค่ทำตามที่มาสะสั่-“ ผู้คุมพูดยังไม่ทันจบประโยคก็ถูกต่อยที่ข้างแก้มจนต้องล้มทรุดลงนอนอยู่กับพื้น

“กลับไปหามาสะจัง แล้วบอกด้วยว่าอคานิชิฝากสวัสดีด้วยแล้วกัน” จินทิ้งสารให้ผู้คุมผู้ซึ่งก็รีบกระเสือกกระสนหนีออกไปเสียก่อนที่อคานิชิจะเอาจริง เมื่อผู้คุมได้จากไปแล้ว จินก็หันเหความสนใจทั้งหมดมายังคนตัวเล็กที่ยังยืนนิ่งตัวแข็งเป็นหิน.....

“ไหนบอกไม่เป็นภัยกับชั้นไง ฮึ?” จินพึมพำเมื่อได้ย่างสามขุมเข้าหาคาเมะที่ยังยืนแข็งทื่ออยู่กับที่ “นายไม่ควรจะเปลี่ยนข้างแล้วมาต้านชั้นเลยนะ?”

ร่างบางเดินสะดุดไปยังด้านหลัง “ชะ ชั้นไม่รู้จริงๆ ชั้นไม่เคย.... ครั้งนี้ชั้นไม่ได้ทำอะไรจริงๆนะ....”

“คาเมนาชิจังเปลี่ยนข้างจากอคานิชิเหรอ?” เสียงใครคนหนึ่งพึมพำแว่วลอยมาจากฝูงชน

“คาเมนาชิจังรับสินบนจากมาสะ?”

“คาเมนาชิจังหักหลังอคานิชิ?”

ไม่มีใครออกความเห็นในแง่ที่ว่าเมื่อคนตัวเล็กถูกเตะออกมาจากห้องขังในลักษณะนั้นมันก็ดูสมเหตุสมผลดีแล้วที่จะมีพฤติกรรมต่อต้านแบบนั้นได้ นักโทษแทบทุกคนต่างก็เชื่อกันไปแล้วว่าคาเมะเป็นเด็กของเล่นที่ไม่ภักดีต่อเจ้านาย ในสายตาของพวกเขาแล้ว..ข้อกล่าวหาข้อนี้ มันทำให้คนตัวเล็กดูแย่ยิ่งกว่าพวกกากสวะเสียอีก

“ชั้นไม่อยากจะเชื่อเลย! อย่างแรกเลยนะเขานอกใจอคานิชิ แล้วตอนนี้ก็คงอยากออกจากคุกเร็วขึ้นก็เลยจะไปบอกมาสะทุกเรื่องที่เขารู้เกี่ยวกับอคานิชิ

“นี่คงจะไปพูดเรื่องของอคานิชิและยามาชิตะไปแล้ว ปูดเรื่องของเจ้านายทั้งสองคนที่เขาเคยได้รับใช้มาแน่ๆ”

ขณะที่ยามะพีกำลังเดินโต๋เต๋มาทานอาหารเช้าพร้อมกับเหล่าเพื่อนในแก๊งนิวส์นั้น ชายหนุ่มก็จำต้องอยู่ตรงราวระเบียงของชั้นสองเมื่อได้ยินเสียงพึมพำเรียกชื่อของเขาดังขึ้นมา ยามะพีจึงได้ทอดสายตาเพื่อมองลงมาที่โรงอาหาร นี่คาเมะจังมาก่อเรื่องแต่เช้าเลยเหรอเนี่ย... ยังไม่ถึงเที่ยงเจ้าบากะนิชิก็มีเรื่องให้ปวดหัวเล่นซะแล้ว

“แล้วนายจะทำอะไรต่อไปล่ะ? นอนกับจอห์นนี่เหรอ?

ก่อนที่คาเมะจะทันได้รู้ตัว...ความวุ่นวายทั้งหลายก็เริ่มลุกลามใหญ่โตมากขึ้น เหล่านักโทษทุกคนดูเหมือนจะรีบแสดงแรงสนับสนุนที่มีต่ออคานิชิโดยการทำตัวต่อต้านอดีตเด็กของเล่นผู้ไม่ซื่อตรงและขี้โกงคนนี้อย่างไม่รอช้า ก้อนข้าวปั้นได้ถูกเขวี้ยงเข้าไปที่ไหล่บางด้านขวา แล้วอีกสองก้อนก็โดนปาเข้ามาถูกด้านหลังเข้าอย่างจัง จากนั้นเพียงไม่นานก้อนข้าวปั้นก็ถูกปามาจากทั่วทุกสารทิศของโรงอาหาร..ไม่เว้นแม้แต่ชั้นสอง

ร่างบางยกมือทั้งสองข้างขึ้นปกป้องเนื้อตัวจากก้อนข้าวปั้นที่แม้จะไม่ใช่ของที่แข็งและทำให้เจ็บมากเท่าไหร่ แต่เมื่อได้ถูกปาเข้ามาอย่างเต็มแรง เขาก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มปกป้องเนื้อตัวจากตรงจุดไหนก่อน ไม่มีทางที่จะเบี่ยงตัวหนีได้เลย

“เอาล่ะ พอกันได้แล้ว!!”เสียงของหัวหน้าจากทั้งสองแก๊งดังก้องโรงอาหารขึ้นมาพร้อมกันทำให้บรรดานักโทษต้องหยุดชะงักสงครามอาหารย่อยๆนั้นเสีย.. จากนั้นไม่นานเสียงดังเซ็งแซ่ก็เริ่มเงียบเสียงลง จินรีบมองขึ้นไปสบตากับยามะพีผู้ที่กำลังมองลงมาด้วยความแปลกใจเช่นกัน ดวงตาของทั้งสองหัวหน้าแก๊งประสบกัน แต่ก็ยังไม่มีคำพูดโต้ตอบใดๆออกมาทั้งสิ้น จินหันหน้าไปมองคนตัวเล็กที่ยังยืนอยู่ไม่ห่างมากนัก ร่างกายของคาเมะในตอนนี้ถูกปกคลุมไปด้วยเศษอาหารอยู่ทั่วทั้งเนื้อทั้งตัว

“เราจะจัดการเรื่องนี้เอง” จินพูดเสริมออกมาท่ามกลางความเงียบของโรงอาหาร

“เราจะให้ใบแดงไหม ใบแดงแบบที่อาราชิเคยใช้น่ะ” เสียงใครคนหนึ่งถามออกมาจากกลางฝูงชน แล้วก็นับว่าเป็นโชคดีของคนผู้นั้นที่จินไม่รู้ว่าเป็นใคร

“บะ ใบแดง?” ร่างบางทวนคำท่ามกลางเสียงกระซิบกระซาบที่ดังขึ้นมาเรื่อยๆ ต่อเมื่อได้ยินเสียงคิกคักของมัสสุโมโตะที่ดังลอดมาจากโต๊ะที่อยู่ริมสุดของโรงอาหาร ตรงที่ชายหนุ่มรุ่นพี่กำลังนั่งอยู่ร่วมโต๊ะกับบรรดาเพื่อนๆทั้งสี่คน

“อ่ะ เอาน่า อคานิชิ อย่าปล่อยให้พวกในคุกได้สิทธิ์ที่จะไปแกล้งเขาสิ” ชายหนุ่มจากแก๊งอาราชิพูดขึ้นมา คาเมะก็รีบมองกลับไปที่จิน

แกล้งเหรอ?

“ใบแดง! ใบแดง! ใบแดง! ใบแดง!” เสียงที่พูดประสานกันได้ดังขึ้น

“ใบแดง! เขากำลังจะขายนายนะอคานิชิซามะ!”

“ใบแดง!!”

“เงียบ!!” จินตะโกนบอก ครั้งนี้มีเพียงเสียงของจินคนเดียวที่ดังก้อง ทั่วทั้งพื้นที่ในโรงอาหารก็กลับเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง นี่มันเป็นเช้าที่ดีจริงจริ๊ง นับเป็นการเริ่มต้นเช้าวันใหม่ที่ดีเสียจริง...แม้เขาเกลียดที่จะยอมรับอยู่ในใจก็เถอะ ..แต่จินก็ชอบเช้าของวันนี้มากกว่าเช้าของวันไหนๆ ที่เขาต้องนั่งคิดนั่งหวัง..หาเหตุผลอื่นใดที่จะได้พบกับอดีตเพื่อนร่วมห้องตัวเล็กอีกครั้ง

แม้ชายหนุ่มจะไม่ชำเลืองมองออกไปรอบตัว เขาก็สามารถเห็นได้อย่างชัดแล้วว่า เรียวตารีที่แฝงด้วยความตื่นกลัวของร่างบางยังเฝ้ามองเขาอย่างไม่ละสายตา แล้วยังจะสายตาที่ติดจะรื่นรมย์ที่ส่งตรงมาจากชั้นสองนั่นอีก เหมือนว่าอีกฝ่ายดูจะมีความสุขอยู่นิดๆกับการที่ได้มารู้เห็นชีวิตอันขมขื่นของเขา แล้วยังจะสายตาที่ส่งตรงมาจากมัสสุโมโตะที่นั่งอยู่ด้านหลัง...แม้แต่เรียวกับคันจานิ 8 ที่ยืนกันอยู่ตรงขั้นบันไดระหว่างทางเดินลงมาหาอาหารเช้าก็ต้องมาเป็นพยานรู้เห็นในความวุ่นวายทั้งหลายครั้งนี้ด้วยเช่นกัน นี่ยังไม่รวมไปถึงสายตาคมกริบที่ส่งตรงมาจากเพื่อนร่วมแก๊งอีกด้วย... อย่างนี้แล้วเขายังจะกล้าทำอะไรบ้าๆกับคาเมะจังได้เหรอ

ถ้าเขาให้คาเมะจังได้รับใบแดงที่พวกอาราชิและมัสสุโมโตะเป็นคนคิดขึ้นมา คาเมะจังก็จะถูกทุกคนในคุกเข้ามารุมแกล้งในตอนนี้ทันที คนตัวเล็กคงไม่สามารถจะพาตัวกลับไปจนถึงฝั่งเหนือได้เป็นแน่

ถ้าปฎิเสธไม่ยอมให้... เขาก็อาจต้องเสียความน่าเชื่อถือชิ้นสุดท้ายที่ยังมีอยู่มือกับการที่จะทำให้คนอื่นๆเชื่อว่าคาเมะไม่ได้มีความสำคัญต่อเขาเลยสักนิด พวกรุ่นพี่กำลังเฝ้ามองอยู่..เขารู้ดี.... ทุกคนเองก็เฝ้ามองอยู่อย่างใกล้ชิด พวกรุ่นพี่ผู้แก่วัยกำลังรอดูอย่างกระตือรือร้นว่าเขาจะทำการเช่นไรต่อไป เขากำลังจะโน้มน้าวให้พวกนั้นเห็นว่าความสัมพันธ์ของเขากับคาเมะนั้นจบสิ้นไปแล้ว..หรือเขาจะกำลังพิสูจน์ให้พวกรุ่นพี่ได้เห็นว่าที่พวกรุ่นพี่เคยคิดมาทั้งหลายก่อนหน้านี้มันถูกต้องแล้ว.....

ร่างสูงยกมือขึ้นมาข้างหนึ่งขณะที่ประสานสายตากับคนตัวเล็ก เด็กหนุ่มผู้ยืนอยู่ตรงหน้าของเขาในขณะนี้..เด็กหนุ่มที่กำลังมองเขาด้วยแววตาที่แฝงไปด้วยความหวาดกลัว จะทรยศหักหลังเขาได้จริงๆเหรอ? คาเมะเลิกหวังในตัวเขาและลืมเขาไปได้จริงๆน่ะเหรอ? หรือว่าอดีตเพื่อนร่วมห้องจะเกลียดเขาไปแล้ว?

สายตาคมอันกริบเลื่อนมองไปยังมือที่สั่นนิดๆของคาเมะที่ยังใช้ปิดป้องเนื้อตัวด้านบน แม้จะไม่มีอาหารใดๆถูกเขวี้ยงปาเข้ามาอีกแล้วก็ตาม แสงที่ส่องวิบวับออกมาจากวัตถุสีทองบนมือเล็กข้างซ้ายที่อีกฝ่ายไม่เคยได้ถอดออกเลยนับตั้งแต่วันที่ถูกเขาโยนออกจากห้อง มันก็เป็นแหวนวงเดียวกันกับที่คนตัวเล็กต่อสู้ปกป้องให้พ้นจากยามะพี แล้วก็เป็นแหวนวงเดียวกันกับที่เขาได้ฉุดกระชากเขวี้ยงไปเสียไกลตา

สุดท้ายจินก็ยกมือขึ้นสูงในอากาศ นิ้วโป้งได้ถูกยกขึ้นตรงไปยังเพดาน ...เขาบอกได้ทันทีว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่นักโทษทุกคนคาดหรือหวังเอาไว้ คาเมะมองร่างสูงด้วยความงุงนงง อาจเพราะไม่เข้าใจถึงเรื่องที่เกิดขึ้น...จวบจนชายหนุ่มลดมือลงกลับไปด้านข้างตามเดิม

“ชั้นมีวิธีจัดการในแบบของชั้นเอง” ร่างสูงกล่าวก่อนที่จะหันหลับไปนั่งที่โต๊ะอีกครั้ง นับเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่คาเมะตระหนักได้เลยว่าเขาถูกละจากโทษที่ผู้คนทั่วทั้งคุกหวังจะให้เขาต้องชดใช้

ความตึงเครียดที่ก่อตัวเริ่มผ่อนคลายลงอย่างช้าๆ บรรดานักโทษต่างก็หันไปพูดคุยกันเองในเรื่องสัพเพเหระ แต่บางทีพวกเขาก็อาจจะคุยกันถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นอย่างเงียบเสียงให้มากที่สุดด้วยเกรงว่าพวก AT-TUNจะได้ยิน พวกเขารู้ดีว่าไม่ควรไม่ยุ่งเกี่ยวในเรื่องนี้เป็นดีที่สุด แล้วรู้ดียิ่งนักว่าไม่ควรจะไปกดดันให้อคานิชิต้องทำโทษอดีตเด็กของเล่นคนนี้อีก

continue here ยังไม่จบคะ อ่านต่อตรงนี้คะ
Previous post Next post
Up