In His care 29

Oct 06, 2008 23:35


Title: In his Care
Author:blue_orbs
Translated and wrote in Thai by daniellove& windzephyr
Pairing: Akame
Rating: NC-17
Disclaimer:The plot belongs to blue_orbs darling
Summary: For this chapter N/A

Thanks รียา อารียา reeya-areeya to be my lovely
beta ,how could I survive without YOU *kisses*
Special thanks to ก้อย jk_no_koi

♥ In His Care ♥

chapter 29

แสงสว่างจากดวงอาทิตย์ที่สาดส่องเข้ามากระทบร่างเล็กจากทิศทางและองศาที่คุ้นเคยนั้นทำให้คนที่กำลังนอนคุดคู้อยู่ต้องเผยอปากยิ้มออกมาเล็กน้อย... เมื่อได้ตระหนักและรับรู้ว่าตอนนี้เขากำลังนอนอยู่ที่ใด ....มันไม่ได้เป็นเพียงแค่ความฝันที่แสนสุขเท่านั้น...ตอนนี้เขากำลังนอนอยู่บนเตียงเก่าของเขาในห้องขังฝั่งตะวันตกอยู่จริงๆ ...ร่างบางอยากที่จะหลับตาอยู่อย่างนี้...อยากจะอยู่อย่างนี้ให้นานอีกนิดก็ยังดี

ขณะที่กำลังสะลึมสะลือครึ่งหลับครึ่งตื่นอยู่นั้นเอง ร่างบางก็พลันได้ยินเสียงดังแว่วมาจากเตียงชั้นบน แสดงว่าจินก็คงจะตื่นนอนแล้ว ..เขาเองก็ควรจะตื่นได้เสียที แต่คาเมะก็ไม่อยากจะลืมตาตื่นขึ้นมาเลย..เพราะอยากจะดื่มด่ำกับความสุขนี้อีกเพียงวินาทีเดียวก็ยังดี

เสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นเหมือนจะลากผ่านเตียงล่างไปอย่างเงียบเสียงให้ได้มากที่สุด ก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าที่เหมือนจะค่อยห่างออกไปทีละก้าว ทีละก้าว..ร่างบางได้ยินเสียงพูดดังพึมพำอะไรสักอย่างดังแว่วเข้ามา..หนึ่งในนั้นก็คือเสียงของจิน แล้วเพียงไม่นานเสียงฝีเท้าก็เริ่มดังเข้ามายังทิศทางที่เขานอนอยู่ เสียงนั้นคล้ายจะใกล้เข้ามาทีละนิดทีละน้อย แล้วเหมือนว่าอีกฝ่ายจะหยุดเดินเพื่อสวมใส่รองเท้า และวุ่นวายกับการสวมใส่เสื้อผ้าหรือไม่ก็สวมใส่อะไรสักอย่าง

แรงยุบยวบบนที่นอนที่เกิดขึ้นมาอย่างกะทันหัน ทำให้เสียงเต้นของหัวใจของคนตัวเล็กเต้นดังและรัวเร็ว..จนเกือบจะไม่ได้ยินเสียงพึมพำที่ร้องเรียกชื่อของเขาออกมาอย่างแผ่วเบา “คาเมะ?”

“คาเมะ?” เสียงเรียกได้ดังขึ้นอีกครั้ง.....คาเมะนึกสงสัยในใจคนเดียวว่าทำไมจินไม่เอาน้ำมาสาดหน้าเพื่อปลุกเขาหรือว่าทำอะไรบางอย่างที่ร้ายกาจพอๆกัน สัมผัสจากปลายนิ้วที่ลูบไล้ลงมายังแก้มนวลอย่างกะทันหันทำให้คนตัวเล็กแทบจะกระถดตัวหนีออกจากหมอนใบเขื่อง...จากนั้นความรู้สึกวาบหวิวก็แล่นริ้วแผ่กระจายไปทั่วร่าง ..นิ้วที่ไล้ยังแก้มนวลหยุดนิ่งอยู่กับที่เสมือนบอกว่าอีกฝ่ายรู้แล้วว่าเขาได้ตื่นนอนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว “อ่ะ นายตื่นแล้วเหรอ”

คาเมะฝืนเปิดเปลือกตาขึ้นมาอย่างช้าๆ ม่านตาปรับขยายรับภาพของจินที่กำลังโน้มตัวเข้ามาหาอย่างเนิบนาบเช่นกัน ..ร่างบางได้แต่หวังว่าอีกฝ่ายจะไม่ใกล้มากจนสังเกตเห็นสีแก้มที่เริ่มจะมีแสงแดงระเรื่อมากกว่าที่ควรจะเป็น

“ตอนนี้ก็เช้าแล้ว อีกเดี๋ยวก็จะมีคนเอาข้าวเช้าขึ้นมาส่ง ตื่นได้แล้วนะ” ชายหนุ่มร่างสูงเอ่ยขึ้น ก่อนจะรีบลุกออกไปก่อนที่อีกฝ่ายจะมีโอกาสได้เอ่ยคำใดออกมา

ในตอนอาหารเช้า..คาเมะได้ใช้ตะเกียบร่วมกับร่างสูงอีกครั้ง จินคิดว่ามันน่าจะฟังเศร้าช้ำระกำใจดีที่จะป่าวประกาศกับนักโทษคนอื่นๆในภายหลังว่า เขาได้ทรมานคาเมะอยู่ตั้งสองวัน ...แถมยังเอารัดเอาเปรียบร่างบางในตอนกลางคืน แล้วยังปล่อยให้หิวโหยไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยสักอย่าง

เมื่อคาเมะและจินเริ่มทานอาหารเช้าไปได้เพียงเล็กน้อย บรรดาเพื่อนในแก๊งก็เริ่มทยอยกันเข้ามาในห้องขัง ... คาเมะถวิลหาความรู้สึกเช่นนี้เหลือเกิน เขาเคยได้มีความสุขกับการได้นั่งอยู่เคียงข้างจิน.. เฝ้ามองพวกเขาทั้งห้าคนคุยเล่นหยอกล้อกันอยู่ไปมา ทุกคนในแก๊งเคยเป็นอย่างไรก็ยังคงเป็นอยู่เช่นนั้น...เขานึกหวังที่จะมีเพื่อนแบบนี้บ้างสักคน

อย่างที่ได้นึกกลัวเอาไว้อย่างที่สุด..เพื่อนอีกคนของจิน...คนที่คาเมะคิดไปเองว่าเป็นเพื่อนที่ดูจะสนิทมากเกินไปหน่อย...ก็โผล่หัวเข้ามาในห้องขังหลังเวลาอาหารเช้าที่เพิ่งจะเสร็จสิ้นไปด้วยความเงียบสงบอยู่หมาดๆ เพียงไม่นานยามะพีกับจินก็เริ่มเปิดศึกโต้เถียงกันและกัน ยามะพีเถียงชนะในหัวข้อที่ว่าจะร่วมมือกันทรมานคาเมะจังกันดีหรือเปล่า...

กว่ายามะพีจะยอมออกจากห้องขังได้ก็ล่วงเข้ายามเย็นไปแล้ว...ร่างบางรู้สึกเหนื่อยล้าเสียแทบจะขาดใจตาย น้ำเสียงที่มีอยู่ก็คล้ายจะแหบแห้งหายไป อย่างน้อยเขาก็ยังมีแหวนติดอยู่กับตัว และชายคนที่เป็นฝ่ายแตะต้องล่วงเกินเขาอย่างจริงๆจังๆนั้นก็มีแต่จินเพียงผู้เดียว ...คาเมะนึกหวังที่จะได้ใช้ค่ำคืนในห้องนี้ร่วมกับจินอีกสักคืน..แต่ก็ต้องผิดหวังอยู่ลึกๆเมื่อได้เห็นมัสสุโมโตะเดินเข้ามาในห้องก่อนเวลาอาหารเย็น

“อ่ะดีแล้ว นายมาพอดีเลย” จินร้องทักเมื่อหนึ่งในสมาชิกของอาราชิเดินเข้ามาในห้องขัง “ชั้นอยากให้นายพาคาเมะจังกลับไปที่ห้องของเขาด้วย”

การที่จินพูดออกมาว่า ‘ห้องของเขา’ มันช่างฟังดูเจ็บปวดเสียเหลือเกิน คาเมะยังไม่อยากที่จะยอมรับอยู่ดีว่าห้องนี้ไม่ใช่ห้องของเขาอีกต่อไปแล้ว ...จะเรียกว่าเขาทำตัวดื้อดึงแบบเด็กๆก็ได้..แต่อย่างไรเสียร่างบางก็จะไม่มีวันเรียกห้องของกัคคุโตะว่าเป็น ‘ห้องของเขา’ได้หรอก

“อ่ะ เราต้องพาคาเมะจังกลับไปที่ห้องขังในฝั่งเหนือเหรอ?” มัสสุโมโตะถามขึ้น “ขอโทษที่ต้องถามนะ แต่มันไม่ดูงี่เง่าไปหน่อยเหรอ? พวกเราน่าจะเป็นฝ่ายทรมานเขา ไม่ใช่อารักขาพาตัวกลับไปแบบนี้นี่น่า อีกอย่าง..คาเมะจังก็ไม่ได้ดูเจ็บอะไรนักหนา”

“พวกเราก็ทรมานคาเมะจังนั่นแหล่ะ ก็เลยอยากให้ใครสักคนพาก้นเล็กๆที่ไร้สติของเขากลับไปทิ้งไว้ที่ห้องนั้น” เมื่อจินตอบขึ้นมา มัสสุโมโตะก็มองตอบด้วยความสงสัย ขณะที่ร่างบางยังครุ่นคิดติดอยู่กับคำพูดที่ว่าก้นเล็กๆไร้สติของเขา คาเมะได้แต่งุนงงมากกว่าจะรู้สึกเจ็บปวดเมื่อได้ยินคำนี้ “คาเมะจังเหนื่อยจนหมดสติกับการที่ต้องถูกทรมานอย่างต่อเนื่องและยาวนาน ตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่ก็ไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยสักนิด ...คาเมะจังก็เลยล้ามากจนไม่สามารถที่จะกลับไปเองได้ เราก็เลยต้องพากลับไปยังไงล่ะ”

“เข้าใจล่ะ” มัสสุโมโตะหัวเราะหึๆ "มันก็ฟังดูเข้าท่าดีล่ะนะ"

..จินพึมพำบางอย่างอยู่สองสามคำ ก่อนที่จะหันกลับมามองยังคนตัวเล็กที่พยายามจะหลบอยู่หลังบ่ากว้างของเขา “คาเมะ ไปหารุ่นพี่มัสสุโมโตะซะ”

ร่างบางลังเลนิดๆ ก่อนที่จะทำตามคำสั่งด้วยการไปยืนอยู่ข้างๆ ชายหนุ่มจากแก๊งอาราชิผู้ซึ่งรีบโน้มตัวลงเพื่อสอดแขนข้างหนึ่งภายใต้ข้อพับของคาเมะ แล้วอีกข้างสอดไปด้านหลังเพื่อช้อนอุ้มคนตัวเล็กขึ้นมา

จินยื่นหน้าเข้ามาจากทางด้านข้างของรุ่นพี่ “ทีนี้นายก็หลับตาเอาไว้ตลอดเวลานะ พีกับชั้นช่วยกันทำเสื้อนายให้ดูยับยุ่งไปหมดแล้วล่ะ แต่ก็นายต้องคอยซ่อนหน้าเอาไว้เสียหน่อย เพราะพวกเขาคิดว่านายน่ะโดนต่อยจนเยินไปแล้ว”

เมื่อคาเมะช้อนตาขึ้นมองจิน ร่างสูงได้ใช้มือข้างหนึ่งขึ้นเกลี่ยปอยผมให้พ้นจากเรียวตาคู่สวย “ทำตัวให้สบาย อย่ารัดเขาแน่นนัก รุ่นพี่มัสสุโมโตะจะพานายกลับไปเอง ไม่ต้องห่วงเรื่องนักโทษคนอื่นด้วย ตราบใดที่พวกอาราชิอยู่ใกล้ๆแล้วล่ะก็ พวกนั้นไม่กล้าเข้ามาทำอะไรนายแน่ เมื่อกลับเข้าไปในห้องกัคคุโตะแล้วก็ต้องระวังตัวด้วย รู้ไหม...เพราะถึงที่นั่นจะไม่ค่อยมีใครกล้าเข้าไปยุ่มย่าม แต่ก็อย่าขยับเขยื้อนตัวไปไหนมาไหนมากนัก นอนอยู่นิ่งๆ แกล้งทำเป็นหมดสติ แล้วถ้านายต้องขยับตัวไปไหนมาไหน ก็ให้แกล้งทำเหมือนว่าเจ็บอยู่นะ จากนั้นก็ห้ามออกมาจากฝั่งเหนือ ชั้นจะบอกพวกนักโทษคนอื่นๆเองว่านายคงจะคิดทรยศชั้นไปหามาสะ แต่ชั้นก็ควบคุมทุกอย่างเอาไว้ได้แล้ว...แต่ถ้าพวกนั้นเจอนายล่ะก็พวกเขาก็อาจจะเข้ามาแกล้งได้”

“มาแกล้งเหมือนใบแดงน่ะเหรอ?” ร่างบางพูดพึมพำออกมาขณะที่อิงศีรษะเล็กแนบอกของมัสสุโมโตะ

“ก็ใกล้เคียงแหล่ะ แต่ไม่ได้รุนแรงมากเท่าใบแดง” จินตอบ

“นายไม่มีวันที่จะบอกความจริงกับชั้นเลยใช่ไหม” คาเมะเริ่มเรื่องแต่ก็ต้องนึกเสียใจที่ได้ถามออกไป...ในเมื่อเขาก็รู้คำตอบในเรื่องนี้ดีอยู่แล้วนี่น่า

“ชั้นฝากความหวังไว้ที่นายแล้วนะ ไปได้” จินพูดขึ้นเมื่อได้หันไปหามัสสุโมโตะ ชายหนุ่มจากแก๊งอาราชิพยักหน้ารับ ก่อนที่จะเดินออกจากห้องขังไปพร้อมกับคนตัวเล็กที่ห้อยอยู่กับตัว

คาเมะได้ยินเสียงบ่นพึมพำของผู้คนที่รายล้อมอยู่ระหว่างทางเดินกลับเข้าไปยังฝั่งเหนือ หลายคนต่างก็พูดกันว่าพวกเขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจินจะทำกับคาเมะได้ขนาดนี้..เด็กหนุ่มคนที่พวกเขาต่างก็เชื่อว่ามีความสำคัญกับหัวหน้าแก๊ง AT-TUNยิ่งนัก บ้างก็พูดว่า พวกเขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคาเมะจังจะเจ้าเล่ห์แสนกลได้ขนาดนี้ บ้างก็พูดออกความเห็นว่ามันถึงเวลาแล้วน่ะสิ จินถึงต้องแสดงออกไปให้เห็นว่าใครกันแน่ที่เป็นคนคุมคุกที่นี่

ร่างบางปิดเปลือกตาแน่นสนิทในระหว่างทางกลับสู่ฝั่งเหนือ มารู้ตัวอีกทีก็ต่อเมื่อมัสสุโมโตะหยุดเดิน ก่อนจะได้ยินเสียงเปิดประตูห้องขังดังขึ้นมา มัสสุโมโตะกล่าวขอบคุณกัคคุโตะ แล้วจึงเดินเข้าไปในห้องขังเพื่อวางคนตัวเล็กลงบนเตียงอย่างนุ่มนวลที่สุดเท่าที่จะทำได้

“ชั้นส่งต่อให้นายดูแลแล้วกันนะ” มัสสุโมโตะบอกกัคคุโตะ ก่อนที่ชายหนุ่มจะผละแขนออกจากคนตัวเล็ก อีกฝ่ายก็มีปฏิกิริยาโต้ตอบอย่างฉับพลัน

“มะ มัสสุโมโตะซัง” ร่างบางกระซิบเรียกแล้วรีบเปิดเปลือกตาขึ้นมา มืออีกข้างรีบคว้าหมับไปยังต้นแขนของรุ่นพี่ที่กำลังจะจากไป

“บ้าเอ๊ย เงียบหน่อยสิ” เสียงห้ามดังมาจากมัสสุโมโตะ แต่อีกฝ่ายก็ยังยืนคร่อมอยู่เหนือร่างบางไม่ยอมไปไหน

“ได้โปรดเถอะ อย่าเพิ่งไป” คาเมะขอร้อง..อีกฝ่ายก็ทำทีเหมือนจะใจอ่อนกับคำขอนั้น “ชั้นรู้ว่ารุ่นพี่ไม่ถูกกับแก๊งของอคานิชิมากนัก แต่ได้โปรดเถอะ ..ช่วยจับตาดูเขาด้วย แล้วถ้าเขากำลังปกป้องชั้นอยู่ล่ะก็..ได้โปรดอย่าให้เขาทำแบบนั้นเลย ชั้นไม่อยากจะก่อปัญหาให้เขาอีกแล้ว”

“นายรู้ตัวไหมว่ากำลังขออะไรอยู่?” มัสสุโมโตะพึมพำตอบ “ไม่มีทางที่จินจะโยนนายออกไปให้นักโทษคนอื่นจริงๆหรอกนะ แล้วนายก็ไปบอกให้เขาทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น โดยเฉพาะถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับนาย”

“แต่-“

“ไม่มีแต่” มัสสุโมโตะตอบเสียงกร้าว ขณะเดียวกันนั้นก็พยายามลดเสียงให้เบามากที่สุด “นายเป็นตัวปัญหาจริงๆ รู้ตัวบ้างไหมเนี่ย?”

“ใช่ ชั้นรู้ดี” คาเมะบ่นอู้อี้ “ระ รุ่นพี่ไม่ต้องบอกก็ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น จริงๆแล้วชั้นก็ไม่อยากจะรู้นักหรอก แต่”

“แต่อะไรล่ะ?”

“ชั้นก็แค่จะ” คาเมะกระซิบกระซาบ พลางจ้องตากับอีกฝ่ายด้วยความประหม่า “เรื่องของชั้นกับจิน..ทำไมสำหรับจินแล้ว...ชั้นถึงได้แตกต่างจากคนอื่นนักล่ะ หรือว่าชั้นทำไม่ดีกับเขามาก? ทั้งหมดคือความผิดของชั้นใช่ไหม? มันเป็นความผิดชั้นมาโดยตลอดเหรอ? ชั้นทำตัวไม่ดีเลยเหรอ? ชั้นไม่ดีพอสำหรับจินเหรอ?”

“นายนี่ไม่เปลี่ยนไปเลยน้า?” มัสสุโมโตะหัวเราะหึๆ คาเมะก็ได้แต่มองอีกฝ่ายอย่างงุนงง แต่ก็ยังเฝ้ารอคำตอบ ..อย่างน้อยตอบกลับมาสักข้อก็ยังดี “ชั้นหวังว่าเมื่อนายได้ออกไปจากที่นี่แล้ว นายจะออกตามหาพวกเรานะ ถึงแม้ตอนนั้นพวกชั้นจะยังติดแหง่กอยู่ที่นี่ต่อไปสักระยะก็เถอะ แต่พวก AT-TUN ก็คงเป็นอิสระแล้ว”

ร่างบางไม่แน่ใจว่าคำตอบที่ได้รับ.... มันหมายความว่าอย่างไรกันแน่

“เอาล่ะ หลับตาได้แล้ว” มัสสุโมโตะพึมพำบอก คาเมะก็จำต้องฝืนทำตามคำสั่ง..รับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายได้กระซิบถ้อยคำบางอย่างที่ใบหู “ถ้าชั้นได้ออกไปจากที่นี่กับพวกของชั้นแล้ว ก็หวังว่านายจะยังป้วนเปี้ยนไม่ห่างไปไหน ถึงอคานิชิจะไม่เห็นด้วยก็เถอะ แต่นายน่ะเป็นส่วนหนึ่งของแวดวงเรา แล้วก็กับหมอนั่นด้วย..ตอนนี้ก็ให้ยอมแพ้เลิกหวังไปก่อน..จากนั้นค่อยรอโอกาสที่จะออกตามหาอคานิชิอีกครั้ง”

คาเมะรับรู้ต่อไปว่าอีกฝ่ายได้เดินห่างออกไปอีกครั้ง..บรรยากาศที่อยู่ล้อมรอบตัวก็พลันหนาวเย็นยะเยือก “เอาล่ะ แกล้งสลบได้แล้ว บ้าเอ๊ย” เสียงสั่งครั้งสุดท้ายดังแว่วมา มัสสุโมโตะก้มคำนับกัคคุโตะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วจึงเดินออกจากห้องขังไป

ร่างบางไม่กล้าแม้แต่จะเปิดเปลือกตาขึ้นมามอง ..เขาได้ยินเสียงปิดประตูห้องดังขึ้น จากนั้นไม่นานกัคคุโตะก็เดินกลับเข้ามา ก่อนจะใช้มือหนาลูบไล้ไปยังเส้นผมที่ยุ่งเหยิงของคนที่ต้องแกล้งหลับอยู่

“อยากทานข้าวเที่ยงหน่อยไหม? ชั้นรู้ว่านายทานมาเรียบร้อยแล้ว แต่ชั้นก็เก็บไว้เผื่ออยู่นะ แต่อีกไม่นานพวกเขาก็จะมาเสิร์ฟอาหารเย็นแล้วล่ะ ....กินให้มากที่สุด ไหนๆนายก็นอนมามากแล้วอ่ะนะ” ผู้สูงวัยกว่าพูดจาเย้าแหย่ ร่างบางก็เปิดยิ้มนิดๆให้กับคำถามนั้น ทำให้ผู้สูงวัยกว่าต้องเปิดปากหัวเราะออกมา

จินถอดถอนหายใจกับตัวเองเมื่อได้เดินอย่างเกียจคร้านผ่านห้องขังห้องแล้วห้องเล่ากลับมายังฝั่งตะวันตก หลังจากที่ได้อยู่ทานอาหารเย็นกับเพื่อนๆในแก๊งเสร็จแล้ว ชายหนุ่มก็ต่อด้วยการเปิดเวทีโต้เถียงกับยามะพีในหัวข้อที่ว่าใครทำให้คาเมะจังกรีดร้องได้ดังที่สุด

ร่างสูงเดินเลี้ยวเข้ามุมในฝั่งทางเดิน ..ตอนนี้ก็สายมากแล้ว แต่เขาก็ยังคงพอจะไปได้ทันเวลา เมื่อมาถึงจุดๆหนึ่งจินก็เริ่มเรียนรู้ที่จะเป็นคนรักษาเวลา เขารู้สึกได้ว่า..เขาได้เปลี่ยนเป็นคนที่มีความรับผิดชอบมากขึ้น..ถึงแม้การกระทำแบบนี้จะไม่ค่อยเข้ากับหัวขโมยอย่างเขาก็เถอะ

ร่างสูงหยุดยืนนิ่งอยู่นอกห้องขัง... ในครั้งนี้ก็ไม่มีคาเมะคอยเฝ้ารอเขากลับมาอีกแล้ว ...ความคิดนี้เหมือนจะคอยรบกวนเขาอยู่ทุกค่ำคืน ขณะที่ได้เหยียบเท้าเข้าไปในห้องขังชายหนุ่มก็ได้มองสบตากับเด็กของเล่นหน้าสวยคนหนึ่ง.... แต่คนนี้ก็ไม่ใช่คนที่เขาโหยหาอยากจะอยู่ด้วยเลยสักนิด

เคย์ตะเปิดปากที่จะเอ่ยคำทักทายเมื่อเห็นจินกำลังจะปิดประตูห้อง แต่ผู้คุมสองนายก็ดูจะไวกว่า

“มาตรงเวลาเหมือนทุกครั้งเลยนะ อคานิชิคุง”

ตั้งแต่คราวที่คาเมะได้จากไป...สิ่งเหล่านี้ก็กลับกลายเป็นวิถีทางเดิมที่แสนจะเรียบง่าย.. จินคิดอยู่ในใจพลางยกมือข้างหนึ่งขึ้นโบกทักทายผู้คุม

“ผมนึกห่วงว่าท่านจะกลับมาไม่ทันเสียอีก” สุดท้ายเคย์ตะก็พูดทักออกมาเมื่อได้อยู่กันตามลำพัง

จินเดินตรงไปที่เตียง “ชั้นมาทันเวลาแหล่ะ”

“กะ ก็แน่นอนอยู่แล้วฮะ ผมไม่ได้หมายความว่าท่านจะมาไม่ทัน” เสียงพูดของเด็กหนุ่มเริ่มเหือดแห้ง จินบอกได้ทันทีว่าอีกฝ่ายดูจะมีทีท่าแปลกใจที่เห็นเขาล้มตัวลงนั่งเคียงข้างอยู่บนเตียงล่าง ก่อนที่จะตามด้วยการถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง เคย์ตะค่อยๆกระถดตัวออกไปเพื่อให้มีที่ว่างสำหรับอีกฝ่าย

คาเมะได้จากไปแล้ว.. แล้วอีกไม่ถึงสองเดือนดีนัก...คาเมะก็จะออกไปจากชีวิตของเขาตลอดกาล เขาคงต้องห้ามใจที่โหยหานี้เสีย ..เขาคงต้องเลิกหวังว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลง ..เขาจะต้องเดินหน้าต่อไป ภายใต้ผลลัพธ์ที่ออกมาเป็นเช่นนี้แล้วล่ะก็ เขาต้องเลือกที่จะกลับไปเป็นนักรักเหมือนเมื่อก่อนหน้าที่จะเจอกับคาเมะ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องกลายเป็นคนบ้างี่เง่า คนที่ตอนนี้ได้แต่จมอยู่กับหัวใจที่แตกสลาย คาเมะทำให้เขาแปรเปลี่ยนเป็นเหมือนหนุ่มน้อยผู้เป็นทุกข์ใจในรักแรกมาตั้งแต่คราวที่อยู่ร่วมห้องเดียวกันมามากเกินพอแล้ว

“ตอนที่มาอยู่ที่นี่ใหม่ๆ ชั้นก็เคยมาสายเหมือนกันแหล่ะ พวกผู้คุมก็เลยต้องมาไขห้องให้ชั้นเป็นกรณีพิเศษเลยนะ” จินหัวเราะหึๆ ..การกระทำเช่นนี้เหมือนได้นำความประหลาดใจให้เคย์ตะเป็นครั้งที่สองเลยก็ว่าได้

“จะ จริงเหรอ?” เคย์ตะถาม ร่างสูงก็พยักหน้ารับพลางเอนตัวพิงกับผนังห้อง แววตาคู่เข้มยังมองจ้องไปยังผนังที่อยู่ตรงข้าม รอยยิ้มนิดๆผุดขึ้นบนเรียวปากอวบอิ่มเมื่อรำลึกไปถึงช่วงปีแรกที่ได้มาอยู่ในเรือนจำแห่งนี้

“ชั้นชอบไปเกร่กับพีตลอดเวลา แล้วพวกเราก็ชอบไปมีเรื่องอยู่บ่อยๆด้วยสิ ก็เลยมาไม่ทันเวลาปิดประตูห้องอยู่เรื่อยเลย” จินยังคงเล่าเรื่องต่อไป “ชั้นได้พวกผู้คุมมาเป็นพรรคพวกอย่างเร็วเลยแหล่ะ..แต่พีก็เร็วมากเหมือนกัน พวกผู้คุมที่พอจะซี้ๆหน่อย ก็จะปล่อยให้พวกเราได้เข้าไปในห้อง โดยที่พวกเขาจะไม่รายงานเรื่องที่พวกเราหายไปในเวลาตรวจยามตอนเย็นด้วย”

เคย์ตะเฝ้ามองรอยยิ้มที่เริ่มเปลี่ยนเป็นยิ้มแสยะเมื่อร่างสูงได้หันมามองที่เขา “แต่ยังไงชั้นก็มีผู้คุมเป็นพวกมากกว่าพีอยู่ดี”

“ผมรู้ ท่านอคานิชิ” เคย์ตะตอบ “ก็ท่านน่ะเป็นเหมือนตำนานของที่นี่”

เด็กหนุ่มร่างเล็กแทบจะกระโดดตัวลอยออกจากเตียงเมื่ออีกฝ่ายได้ยกมือหนาขึ้นแตะบนใบหน้าของเขา แต่เคย์ตะก็จำต้องฝืนยิ้มมาแต้มหน้า ไม่กล้าที่จะดึงตัวออกห่างเพราะไม่อยากจะทำการใดๆที่เป็นการดูหมิ่นอีกฝ่าย

“คิดย้อนไปแล้ว พีอาจจะได้เป็นคนคุกนี้ก็ได้...ไม่ใช่ชั้นเลย” จินกล่าวต่อ แต่ก็พอจะนึกเดาคำตอบในคำถามนี้ได้เป็นอย่างดี

“อ่ะไม่หรอก ด้วยความเคารพอย่างสูง ไม่มีใครที่จะทำหน้าที่นี้ได้ดีเท่าท่านอีกแล้ว ท่านอคานิชิ” คำตอบธรรมดาจากเด็กหนุ่มที่อยู่ในตำแหน่งธรรมดาแบบนี้ ทำให้จินต้องเปิดยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อให้อีกฝ่ายเข้าใจไปเองว่าเขาก็พอใจในคำตอบนี้

“นายว่าไม่เหรอ?” ร่างสูงพึมพำ ก่อนที่จะเอนตัวเข้าไปใกล้ เขารับรู้ได้ในทันทีว่าเคย์ตะอยากที่จะดึงตัวออกไปให้ห่างจากอ้อมกอดหลวมๆที่เขาได้รั้งอีกฝ่ายเข้ามาหาเพียงไร แต่มืออีกข้างหนึ่งของจินก็ยังคงลูบไล้ยังดวงหน้าของอีกฝ่ายเสมือนเป็นการห้ามไม่ให้ถอยตัวออกห่าง เคย์ตะรู้ดีว่าในสถานการณ์เช่นนี้เขาไม่ควรจะทำตัวขัดขืน อคานิชิ จิน

“มะ ไม่” เคย์ตะกล่าว “มะ หมายถึง ใช่..ผมเห็นด้วย” เด็กหนุ่มกล่าวแก้ต่าง เริ่มจะรู้สึกมึนงงกับบทสนทนาบทนี้ยิ่งนัก อคานิชิเองก็ไม่มีทีท่าจะถอยออกไปสักนิดเดียว จินเฝ้ามองเด็กหนุ่มกล้ำกลืนน้ำเสียงลงคอไปอย่างยากเย็น “ทะ ท่านอะ อคานิชิ?”

“อืมม...?” ร่างสูงพึมพำเหมือนจะถามมากลายๆว่า มีอะไรผิดปกติเหรอ? เขาดูจะมีความสุขกับการที่ได้รู้ว่าคำตอบอันแสนจะเรียบง่ายของเขา ทำให้อีกฝ่ายจำต้องเงียบเสียงไปเองโดยปริยาย เคย์ตะไม่ได้เอื้อนเอ่ยคำใดออกมา..ต่อเมื่อจินเริ่มใช้มือหนาแทรกซอนเข้าไปในร่มผ้า...มันเหมือนกับว่าร่างสูงจะเริ่มก้าวล้ำเส้นไปเสียแล้ว

“ทะ ทำอะไรน่ะ ท่านอคานิชิ?” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความแปลกใจดังลอดมาจากเด็กหนุ่มร่างเล็ก ก่อนที่อีกฝ่ายจะรีบดึงตัวออกห่างอย่างทันทีทันใด..อาการเร่งรีบนั้นทำให้ศีรษะเล็กของร่างบางเกือบจะชนเข้ากับฝาห้อง

“ถามแบบนี้ หมายความว่าอย่างไงล่ะฮึ?” จินถามแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจว่าทำไมเคย์ตะต้องถามคำถามนี้ ก่อนที่จะใช้มือหนาแทรกผ่านมือทั้งสองข้างของร่างบางที่ได้ยกขึ้นมาเป็นเกราะกั้นเอาไว้“ชั้นชอบที่จะสนุกกับสิ่งที่เป็นของชั้น”

เคย์ตะตัวนิ่งงันเมื่อได้ยิน จินจึงถือโอกาสที่อีกฝ่ายได้แต่นิ่งจัดการปลดรังกระดุมออกไปได้อย่างง่ายดาย แม้เด็กหนุ่มจาก w-inds จะเริ่มทำตัวขัดขืนขึ้นมาอีกครั้ง ก็ดูจะไม่เป็นอุปสรรคอันใดต่อร่างสูงเลย

“ดะ เดี๋ยวก่อน” เคย์ตะเปล่งเสียงออกมา เมื่อเสื้อตัวบางกำลังจะหลุดร่วงจากไหล่ไปเสีย มือเล็กที่สั่นระริกรีบยกขึ้นผลักอกกว้าง จินจึงได้รั้งตัวออกห่างเพื่อเปิดช่องว่างเพียงเล็กน้อยระหว่างร่างทั้งสองร่าง ...อย่างไรเสียเขาก็ชอบให้มีการขัดขืนนิดๆหน่อยๆบ้างก็ยังดี

“อะไรกันล่ะนี่? ชั้นคิดว่านายจะเป็นประเภทที่ยินยอมให้ตั้งแต่คืนแรกที่ชั้นเข้าหาเสียอีก” จินหัวเราะหึๆข้างใบหูของเด็กหนุ่ม ส่วนเพื่อนร่วมห้องก็ได้แต่ตัวสั่นอยู่ใต้ร่าง

“ทะท่าน อคานิชิ ได้โปรดอย่า พวกเราไม่ได้ตกลงกันไว้แบบนี้ ท่านบอกกับเรียวอิจิว่าจะไม่แตะ-“ น้ำเสียงที่ตื่นตระหนกของเคย์ตอบออกมา

“อ่ะ แต่นายก็เป็นเด็กของเล่นของชั้นนี่น่าจริงไหม?” จินรีบพูดขัด

“กะ แกล้งเป็นเท่านั้น” เคย์ตะกล่าวแก้ พยายามข่มน้ำเสียงให้ดูนุ่มและเปี่ยมด้วยความเคารพให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้

“งั้นก็ไม่ต้องแกล้งแล้วดีไหม?” จินพูดแนะ แขนทั้งสองข้างโอบรอบเอวเปลือยเปล่าของคนตัวเล็กก่อนจะรั้งร่างของอีกฝ่ายให้นอนอยู่ใต้ร่าง มือข้างหนึ่งลูบไล้ยังอกเล็ก ส่วนมืออีกข้างก็พยายามแยกขาเรียวที่ยังขัดขืนไม่ยอมอ้าให้โดยง่าย

“ไม่นะ ได้โปรดเถอะ” อีกฝ่ายร้องคร่ำครวญ

“ฮืมอะไรนะ ไม่เหรอ นายแน่ใจนะ” จินพึมพำถ้อยคำบางอย่างข้างใบหูของเพื่อนร่วมห้องอีกครั้ง พลางเหยียดเนื้อตัวอยู่บนร่างเล็กนั้น ชายหนุ่มรู้ได้ในทันทีว่าคนที่นอนอยู่ใต้ร่างของเขากำลังตัวสั่นระริก ..ด้านเคย์ตะก็รู้เป็นอย่างดี เขารู้ดีว่าไม่ควรจะทำตัวขัดขืนชายหนุ่มคนที่สามารถจะเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของเขาในนี้ได้ทุกเมื่อ

“แต่ แต่ผมอดคิดไม่ได้ว่าที่ท่านทำแบบนี้ก็เพราะต้องการที่จะลืมคาเมนาชิ” เคย์ตะกล้าที่จะโต้ตอบ เมื่อได้ยินดังนั้น จินก็รั้งตัวขึ้นออกมานิดแต่ก็ยังคร่อมอยู่เหนือร่างบาง ดวงตาคู่กล้าประสานสายตากับเด็กหนุ่มที่อยู่ใต้ร่างแต่ก็ไม่มีคำใดเอ่ยออกมา “ดะ ได้โปรดเถอะ ท่านไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้ จริงๆแล้วท่านไม่อยากจะทำแบบนี้เลยใช่ไหม?” เคย์ตะพูดเสริมออกมาอย่างหวาดหวั่น จินสังเกตเห็นมือคู่เล็กที่เลื่อนเข้ามาปิดป้องยังอกเปลือยเปล่าของตนอย่างช้าๆ

ร่างสูงเอนตัวกลับไปยังด้านหลัง “ชั้นคงไม่มีโอกาสได้อยู่กับคาเมะอีกแล้ว นายคงไม่คิดว่าชั้นจะไม่ยอมมีเซ็กส์เพราะเรื่องนี้อีกเลยหรอกนะ?”

“มะ มันก็ไม่” เคย์ตะพูดตะกุกตะกัก แต่ก็กล้ามากพอที่จะเคลื่อนตัวให้ห่างจากนิ้วเรียวที่ทำทีจะแทรกเข้าไปในกางเกงของเขาเป็นลำดับต่อไป

“แล้วถ้าชั้นจะเริ่มกับใครอย่างไง...มันจะต่างกันตรงไหนล่ะ?” จินพูดหาเหตุผล แต่ก็ไม่ได้หวังว่าอีกฝ่ายจะตอบคำถามกลับ

“มันต่างก็ตรงที่ว่า...เรื่องนี้มันสำคัญกับท่านอย่างไรล่ะ” คำตอบของเคย์ตะทำให้จินต้องหยุดชะงักอีกครั้ง “ถ้าจะไม่ได้พบกับคาเมนาชิอีกครั้งแล้วล่ะก็ ผมคิดว่าท่านก็คงจะไปอยู่กับคนอื่นแน่ๆอยู่แล้ว แต่อย่าฝืนใจตัวเองให้ต้องทำแบบนั้นเลย อย่าไปนอนกับคนอื่นเพียงเพื่อที่จะลืมเขา มันไม่มีทางที่จะได้ผล ท่านจะทำเมินเฉยกับความต้องการที่แท้จริงของตัวเองไม่ได้หรอก เพราะมันจะไม่ช่วยให้รู้สึกดีได้เลย แล้วอาจต้องนึกเสียใจในภายหลัง”

เคย์ตะกล้ำกลืนน้ำลายลงคอนิดๆเมื่อจินได้แต่จ้องมองมาที่เขาอยู่พักใหญ่ “อ่ะ ท่านอคานิชิ?” แก้มแดงปลั่งของเด็กหนุ่มเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นซีดเซียวขึ้นมาทันตา “ผม ผมขอโทษ! ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะขัดขืนท่าน! ผมแค่ ผมไม่อยากที่จะ ผมขอโทษ ผมพูดมากไปแล้ว! ผมไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่จะพูดแบบนี้ได้เลย!”

“นายคล้ายเขามากเลยนะ” จินพึมพำตอบ นำความแปลกใจให้กับเด็กหนุ่มผู้ตัวสั่นนิดๆ จินค่อยๆยันตัวขึ้นนั่งบนเตียง อีกฝ่ายก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก “ชั้นหมายถึงสิ่งที่นายเพิ่งจะทำไป ..ถ้าเขาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนาย เขาก็คงจะพูดแบบนี้ออกมาด้วย”

เคย์ตะตัดสินใจที่จะไม่เอื้อนเอ่ยคำใดออกมา ..เขารู้สึกใจชื้นขึ้นบ้างที่ไม่ได้ทำให้คนที่ถือได้ว่าเป็นเจ้านายของเขาต้องขุ่นข้องหมองใจ เด็กหนุ่มใช้มือเพียงข้างเดียวพยายามดึงเสื้อที่จินนั่งทับอยู่ออกมาอย่างไม่ให้ผิดสังเกต

“ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงอยากปกป้องนาย” จินพูดเสริม เคย์ตะเบิกตาออกกว้างเมื่อจินยันตัวลุกขึ้นยืนแล้วหยิบเสื้อยื่นมาให้เขา "นายพบเขาใช่ไหม? วันที่สองที่เขาอยู่ที่นี่ นายเป็นคนให้คำแนะนำกับเขาเอง”

สีหน้าของเคย์ตะเริ่มซีดเซียวอีกครั้ง...ทั้งที่เพิ่งจะกลับเข้าสู่สีหน้าปกติได้เพียงไม่นาน "เรา-พวกผมไม่ได้พูดร้ายเกี่ยวกับนายเลยนะ ท่านอคานิชิ สาบานได้เลย! เรา เอ่อ แค่บอกไปว่า มันมีความสำคัญมากที่ได้ไปอยู่ในห้องของท่าน...ผมบอกเพื่อที่เขาจะได้ไม่ขัดขืนในคืนที่สอง แล้วอาจจะเจ็บตัวได้”

“ชั้นรู้ว่าเขาพูดกับพวกนายทั้งสามคน ไม่ต้องพยายามที่จะปิดบังความจริงหรอก” จินตอบพลางเอนตัวพิงผนังห้องอีกครั้ง เคย์ตะก็ได้แต่ยื่นมือสะเปะสะปะออกไปรับเสื้อ “เขาเป็นยังไงบ้างล่ะ? ตอนที่นายเข้าไปพูดกับเขาครั้งแรกนั้นน่ะ? เขาพูดว่าอย่างไรบ้าง?”

continue here ยังไม่จบคะ อ่านต่อตรงนี้คะ
Previous post Next post
Up