In His care 30 part 1

Oct 11, 2008 11:15



“แต่ชั้นก็มาอยู่ตรงนี้กับนายแล้ว ถ้าความสัมพันธ์ของเรามันง่ายดายอย่างที่ควรจะเป็น นายก็คงจะคว่ำนิ้วโป้งให้ชั้นไปตั้งแต่ตอนที่อยู่ในโรงอาหารตอนโน้นแล้วล่ะ บอกชั้นมาเสียทีว่าสำหรับนายแล้วที่ของชั้นมันคือที่ไหนกันแน่?” คาเมะถามเน้น “ถ้าชั้นรู้มันก็จะเป็นประโยชน์กับนายนี่ เพราะถ้าชั้นไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่าง ชั้นก็อาจจะทำให้นายต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่ากระอักกระอ่วนแบบนี้อยู่เรื่อย”

“พวกรุ่นพี่ไม่ได้จะคิดจะเข้ามาทำร้ายชั้นโดยตรง พวกเขาวางเป้าไปที่นาย แต่ไม่ใช่ในแบบที่นายคิด พวกนั้นต้องการตัวนาย พวกเขาต้องการจะเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับนาย และการทำเช่นนั้นก็คือการทำร้ายชั้นยังไงล่ะ นั่นต่างหากที่ทำให้นายกลายเป็นจุดอ่อนของชั้น นายซื่อสัตย์กับชั้นมาโดยตลอด พวกเขารู้ดีว่าคงไม่มีทางที่จะติดสินบนเพื่อให้นายหันข้างมาต้านชั้นได้เลย แต่...” แรงจับที่ข้อมือบางเริ่มแนบแน่นมากขึ้น “พวกเขารู้ว่าชั้นจะยอมเสียอำนาจควบคุมคุกนี้ได้...เพื่อนาย”

“อะ อะไรนะ?” คาเมะถามน้ำเสียงแผ่วเบา “ทำไมนายจะต้องทำด้วย... ? พวกเขาต้องการอะไรจากชั้น? ชั้นหมายถึง ชั้นก็แค่- ชั้นก็เป็นแค่เด็กของเล่น”

“ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่คิดอย่างนั้นน่ะสิ” จินพูดพึมพำ “นายเห็นหรือยังล่ะว่า ชั้นไม่ได้ปกป้องตัวเองหรือว่าคนอื่นๆให้ปลอดภัยจากนาย แต่ชั้นกำลังปกป้องนายให้ปลอดภัยจากทุกๆคน รวมทั้งชั้นด้วย”

“นาย..นายน่าจะบอกให้ชั้นรู้บ้าง” ร่างบางพูดตะกุกตะกัก “พวกเราก็คงจะพอร่วมมือกันเพื่อแก้ไขอะไรได้บ้าง นายน่าจะบอกอะไรออกมาบ้าง”

“คาเมะพวกนั้นไม่ได้ขู่ทำอันตรายนายคนเดียวนะ พวกเขาขู่ทำร้ายครอบครัวนายด้วย” จินสารภาพออกมา เขารับรู้ได้ในทันทีว่าคนตัวเล็กที่อยู่ในวงแขนกำลังตัวสั่นเทา “นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมชั้นต้องปล่อยนายไป... แม้จริงๆแล้วชั้นไม่อยากจะทำอย่างนั้นเลยก็ตาม”

“อะไรนะ?”

จินก้มหน้าลงไปเคลียอคลอกับกลุ่มผมนุ่มสลวยของร่างบางอย่างช้าๆ เขาคิดถึงกลิ่นกายที่หอมกรุ่นนี้เหลือเกิน

“ตะ แต่เราก็น่าจะพอทำอะไรได้สักอย่างสิ อย่างเช่น แจ้งตำรวจให้ลงบันทึกเอาไว้ เข้าหาตำรวจหรืออะไรเทือกนั้น” คาเมะพูดแนะ

ร่างสูงส่ายหัวอย่างช้าๆ “พวกตำรวจไม่ได้เก่งทุกเรื่องหรอก แล้วชั้นก็ไม่รู้แน่ว่าพวกเขามีกันกี่คน นายเองจะยอมเสียทุกอย่างที่มี…..เพียงเพื่อจะได้อยู่กับชั้นต่ออีกแค่สองเดือนงั้นเหรอ?”

ร่างบางไม่ได้ตอบคำใดทั้งสิ้น จึงได้แต่หลุบตาต่ำลงมองยังพื้นห้องที่มืดมิดแทน

“ชั้นขอโทษที่ทำให้นายต้องมายุ่งกับเรื่องพรรค์นี้” จินกระซิบกระซาบ ก่อนจะรั้งตัวออกไปนิด แต่คาเมะก็ยังรู้สึกได้ถึงสายตาคู่นั้นที่คอยมองเขาอยู่อย่างใกล้ชิด มือหนาอุ่นได้ถูกยกขึ้นเพื่อสัมผัสลูบไล้ยังแก้มขาวนวล ก่อนที่นิ้วยาวจะไล้อยู่บนเรียวปากบางของคนตัวเล็กอยู่อย่างละมุนละม่อน “และชั้นก็ต้องขอโทษในทุกสิ่งที่ได้ทำลงไป ชั้นต้องทำให้มันเหมือนจริง เพื่อที่คนอื่นๆจะเชื่อว่านายได้ทรยศชั้น จนชั้นต้องโยนนายออกไปจริงๆ”

“มีกี่คนที่รู้เรื่องนี้?” คาเมะถาม กล้าที่จะเหลือบตาขึ้นมองอีกครั้ง

“ก็หลายคน” ร่างสูงถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ก่อนจะโน้มตัวลงไปแนบหน้าผากกับหน้าผากของอีกฝ่าย นึกชอบกับความรู้สึกยามเมื่อผมด้านหน้าของพวกเขาพันกัน “ก็มีชั้น อาราชิ คันจานิ 8 นิวส์ พวกนั้นรู้จักชั้นดีจะตาย พอชั้นโยนนายออกมาพวกเขาก็เลยสงสัย พวก TTUN ก็รู้ในแผนชั้นมาตลอด แล้วเราก็รวม w-inds มาด้วย จากนั้นก็รุ่นพี่โคอิจิ ซึ่งแน่นอนว่ารุ่นพี่รู้ ซึโยชิก็ต้องรู้ด้วย... กัคคุโตะก็ด้วย..แหงล่ะ ถ้ากัคคุโตะรู้ ไฮด์และพวกลาคอองเซียร์ก็รู้ด้วย แล้วก็ยูจังที่จัดการเป็นธุระเปลี่ยนห้องให้นาย”

“ซึโยชิก็รู้ด้วยเหรอ! ?” คาเมะอุทานขึ้นมา ก่อนจะเริ่มรู้สึกตัวว่าไม่ควรที่จะร้องเสียงดัง เพราะพวกเขากำลังอยู่ในที่ๆไม่สามารถให้ใครมาพบเห็นได้ “แล้วมิยาบิล่ะ?

“คิดว่าคงไม่รู้ ชั้นก็ไม่รู้ว่าหมอนั่นเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มากน้อยแค่ไหน นอกจากที่เป็นคนมาส่งสารเรื่องข่มขู่ครอบครัวของนายในเย็นวันที่นายเห็นเขามานั่งอยู่บนตักชั้นยังไงละ” จินอธิบาย รู้สึกเหมือนว่าอย่างไรเขาก็ต้องอธิบายเรื่องของมิยาบิให้อีกฝ่ายเข้าใจ “วันนั้นชั้นก็แค่พยายามจะดึงข้อมูลมาจากหมอนั่นให้ได้มากที่สุดก็แค่นั้น มิยาบิรู้มากกว่าที่ได้บอกออกมาเสียอีก ชั้นก็เลยพยายามทำให้เขาพูดซะหน่อย”

ร่างบางรู้สึกโล่งอกขึ้นมาทันที แสดงว่าจินยังไม่รู้ความลับของมิยาบิ ..จินยังไม่รู้ว่าอีกฝ่ายได้มาหาเขาที่ห้องเมื่อวันก่อนด้วยสิ ดูเหมือนว่ามิยาบิจะดูแลตัวเองได้ดีจริงๆเหมือนที่เคยบอกไว้ คาเมะจึงตัดสินใจที่จะไม่พูดเรื่องที่จินไม่จำเป็นต้องรู้ในตอนนี้เสีย

จินรั้งตัวออกห่างจากร่างบางอีกครั้ง ก่อนจะหยิบเส้นลวดเส้นเล็กที่เขาเผลอทำหล่นอยู่บนฟูกที่นอน แล้วตั้งหน้าตั้งตาปลดล๊อคกุญแจมือ “ชั้นพยายามที่จะช่วยนายอยู่นะ ชั้นคิดว่าถ้านายไม่รู้อะไรเลยมันคงจะดีกว่า ชั้นคิดเอาว่าเมื่อนายไปอยู่ร่วมห้องกับกัคคุโตะ แล้วถ้านายเริ่มปรับตัวได้แล้ว นายก็คงจะเลิกหวังในตัวชั้นไปเอง เพราะนายก็มีพร้อมทั้งความปลอดภัยในแบบที่ต้องการ.. แถมยังไม่ต้องจ่ายอะไรตอบคืนอีกด้วย”

ร่างบางเฝ้ามองสังเกตสังกาอีกฝ่ายอยู่ไม่ห่าง จินทำหน้ายู่ให้กับงานที่อยู่ตรงหน้า มือหนาข้างหนึ่งจับมือของเขาไว้ให้อยู่นิ่งๆ ในขณะที่อีกข้างพยายามจะไขล๊อคกกุญแจมือ

“ชั้นคิดว่าถ้าเป็นแบบนั้นก็คงจะดีกับนายแล้วนะสิ...ไม่คิดเลยว่านายจะหนีกลับมาหาชั้นตั้งหลายครั้ง “จินพูดเสริม “ดูเหมือนว่าชั้นจะคิดผิดไป นายไม่ได้มาขอให้ชั้นดูแลนายเหมือนเมื่อครั้งแรกที่เราเจอกันอีกต่อไป...แต่จำได้ว่าตอนแรกนายก็ขอไม่ให้ชั้นแตะต้องตัวนายด้วยนี่น่า”

คาเมะไม่รู้ว่าจะเอ่ยคำใดออกมาดี ก็ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ตอนนี้เขาได้ตกหลุมรักเจ้านายของตัวเองไปเรียบร้อยแล้วน่ะสิ? เขาไม่ได้นึกรังเกียจสัมผัสของจินอีกต่อไป ยิ่งกว่านั้น เขายังแอบหวังว่าตลอดระยะเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันมา..จินจะรู้สึกอะไรบางอย่างกับเขาบ้างก็ยังดี

“ตอนนั้นชั้นไม่เข้าใจนี่ว่า ชั้นคิดว่านายคอยแต่จะรับอยู่ฝ่ายเดียว... แต่กลับเป็นว่านายยังเป็นฝ่ายให้กลับอีกด้วย ชั้นคงซื่อเกินไป..” คาเมะกล่าว

“ตอนนี้นายก็รู้แล้ว ..ทุกอย่างมันก็น่าจะไปได้สวย" จินตอบ

“ชั้นรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี” คาเมะพูดเสียงเบาคล้ายเสียงกระซิบ ...ถึงก่อนหน้านี้เขาจะไม่ได้พูดเสียงดังมากไปกว่านี้ก็ตาม

“แต่จ่ายชั้นด้วยร่างกายของนายแล้วทำให้สบายใจงั้นเหรอ?” ร่างสูงถามขึ้นมา คนตัวเล็กรู้สึกแปลกใจอยู่นิดๆที่จินพูดจาโผงผางออกมาแบบนี้ ...ทั้งๆที่ในตอนแรกที่ได้เจอกันนั้น จินเป็นฝ่ายบังคับให้เขาต้องจ่ายจินด้วยร่างกายของเขาเองนี่น่า

“ชั้นไม่ได้พูดแบบนั้นสักหน่อย...” เมื่อเงียบไปได้สักครู่ใหญ่ร่างบางก็ตอบออกมา รู้สึกได้ถึงแก้มของตนที่เริ่มแดงระเรื่อ จากนั้นความเงียบก็เริ่มเข้ามาล้อมรอบพวกเขา ..เขาเกือบจะนึกและหวังให้จินอยากที่จะเอารัดเอาเปรียบเขาเสียนี่..ทำไมถึงได้รู้สึกเหมือนตัวเองโง่เง่าเหลือเกินที่คิดแบบนี้ออกมาได้ ในช่วงเวลาที่เคยได้อยู่ด้วยกันมา..เขาเคยแอบหวังอยู่ลึกๆว่าคงจะมีสักวันที่พวกเขาจะเป็นอะไรที่มากกว่าที่เป็นอยู่...แต่ขณะเดียวกัน...ถ้ายังอยู่ใกล้กันไม่ห่าง ..แล้วถ้าจินยังคงใจดีกับเขาอยู่อย่างนี้แล้วล่ะก็ เขาก็กลัวเหลือเกินว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาจะพัฒนาไปเป็นอย่างที่เคยแอบหวังไว้.. เขานึกกลัวว่าถ้าได้มีความสัมพันธ์ที่ผูกพันธ์แนบแน่นกับอคานิชิ จิน ความสัมพันธ์นั้นจะออกมาในรูปแบบไหนกันแน่ แต่ขณะเดียวกันเขาก็นึกหวังอยากได้สิ่งนั้นมากกว่าอะไรทั้งหมด

“งั้น เอ่อ นายคิดว่า... ไหนๆที่นี่ก็เป็นทางลับของจอห์นนี่แล้ว..นายว่าเขาจะเดินไปโน้นมานี่ไปทั่วเลยไหม?....นายคิดว่า...” ร่างบางเสยกเรื่องของจอห์นนี่ขึ้นมาเพื่อเป็นการเปลี่ยนบทสนทนา พลางทอดสายตามองไปภายนอกห้องขังอย่างหวาดหวั่น “...เราจะวิ่งไปเจอจอห์นนี่ไหม?”

จินมองจ้องไปยังเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า “ไม่หรอก ชั้นไม่คิดว่าหมอนั้นมาที่นี่บ่อยนักหรอก” ร่างสูงตอบเพื่อทำให้อีกฝ่ายใจชื้นขึ้นมานิด “ถ้านายง่วงก็นอนเลยนะ อาจจะไม่ใช่เตียงที่น่านอนสักเท่าไหร่ แต่มันก็พอนอนได้ เมื่อนายตื่นขึ้นมาก็จะเห็นชั้นอยู่ตรงนี้”

แม้เมื่อจินสามารถที่จะไขกุญแจมือออกไปได้..อีกฝ่ายก็จะไม่ทิ้งเขาไว้ที่นี่คนเดียวงั้นเหรอ? เขาจะเชื่อใจจินได้อีกต่อไปไหม? แต่อย่างไร...เขาก็เชื่อใจจินอยู่ดี หลังจากที่เกิดเรื่องยุ่งยากมากมายในวันนี้แล้ว เขาก็เชื่อใจว่าจินจะไม่วิ่งหนีเอาตัวรอดออกไปคนเดียว และทิ้งเขาให้อยู่ที่นี่.. เพื่อจะได้โยนความผิดทั้งหมดมาให้เขา...เพราะถ้าจินทำเช่นนั้นเขาก็จะถูกพบว่ามาหลงอยู่ที่นี่แต่เพียงผู้เดียว

“นายไม่ง่วงนอนเหรอ?” คาเมะถามอย่างไม่แน่ใจ “เราเปลี่ยนเวรกันก็ได้นี่”

“ไม่หรอก ชั้นจะพยายามไขล๊อคนี้ออก แล้วจะเริ่มคิดหาทางให้เราออกไปจากที่นี่ให้ได้ ชั้นจะอยู่ยามเฝ้าตลอดคืน ไม่มีอะไรที่ต้องห่วงนะ” เมื่อจินพูดจบ คาเมะก็ค่อยๆล้มตัวลงนอนคุดคู้อย่างเก้ๆกังๆอยู่ทางด้านซ้ายของจินบนเตียงนอน ..มือข้างที่ถูกใส่กุญแจติดกับจินก็ยังคงวางอยู่บนตักกว้าง

“วะ ว่าแต่ นายทำอะไรเคย์ตะเหรอ?” คาเมะถามหลังจากที่ได้นิ่งเงียบกันไปนาน จินก็อดไม่ได้ที่จะปล่อยเสียงหัวเราะนิดๆออกมา

“ชั้นว่าแล้วว่าไม่ช้าก็เร็ว เราก็คงต้องพูดเรื่องนี้กันอยู่ดี” อีกฝ่ายหัวเราะหึๆ “ชั้นก็แค่ตบที่แก้มไปฉาดหนึ่ง แล้วก็เตะเข้าที่ใต้ข้อพับแค่นั้นเอง” ร่างสูงเอ่ยขึ้น ก่อนที่จะนิ่งอยู่อึดใจ “ชั้นไม่ได้ทำอะไรรุนแรงมาก อย่างที่ควรจะทำในสถานการณ์แบบนั้น.....”

“สาบานนะ?” ร่างบางถามอย่างระมัดระวังถ้อยคำ จินเองก็เกือบจะทำลวดเส้นเล็กหลุดจากมือ ก่อนที่จะจ้องมองอีกฝ่ายอย่างนึกกล่าวหาในที

“ได้ ชั้นสาบาน” หัวหน้าแก๊งตอบ น้ำเสียงคล้ายจะกล่าวป้องตัวเอง “นายไม่เปลี่ยนไปเลยนะ...”

คนตัวเล็กรู้สึกดีใจที่ได้ยินคำยืนยันจากปากร่างสูง จินไม่ได้ทำอะไรเคย์ตะไปอย่างที่เขานึกกลัวเอาไว้ ..ร่างบางรู้สึกโล่งอกใจเป็นอย่างมาก

ร่างบางเหนื่อยมากเหลือเกิน สารอะดรีนารีนที่มีอยู่ในร่างของเขาก็คงได้หลั่งสารออกมาเต็มขีดสุดอยู่ตลอดเวลาเป็นแน่ มันคงจะดีไม่น้อยถ้าจะได้มีโอกาสผ่อนคลายจากเครียดนั้นเสียบ้าง ร่างบางเฝ้ามองอีกฝ่ายที่ยังคงจับจ่ออยู่กับการไขล๊อคผ่านม่านตาหรี่ปรือ ก่อนจะรู้สึกหนักอึ้งที่ม่านตาเสียจนต้องปิดเปลือกตาลงสนิท

“คาเมะ ก็อย่างที่นายเดาเอาไว้ตอนที่อยู่ในโรงอาหาร แล้วก็เลยตัดสินใจที่จะแบ่งปันข้อมูลเรื่องนี้ให้กับทุกคนที่อยู่ในนั้นได้รู้ไปแล้ว...อย่างไรก็ตาม ...ชั้นคิดว่า ชั้นควรจะได้บอกนายว่า..ชั้นไม่เคยมีอะไรกับเคย์ตะเลยนะ-“ จินคิดว่าอย่างไรเสียเขาก็ควรจะสารภาพเรื่องนี้ออกไปเสีย แต่ก็ไร้เสียงตอบกลับจากอีกฝ่าย...มีเพียงลมหายใจอุ่นๆที่รวยรินอย่างสม่ำเสมอตรงช่วงสะโพกของเขาผ่านชั้นเสื้อผ้าเข้ามา ร่างสูงได้แต่เหลือบมองคนตัวเล็ก.....ในตอนที่เขาโน้มน้าวใจตัวเองให้เอ่ยปากสารภาพเรื่องที่น่าอายแบบนี้ออกมาได้....คาเมะก็ดันหลับเสียเนี่ย!

ชายหนุ่มพยายามเบี่ยงสายตาจากคาเมะเพื่อจดจ่ออยู่กับการไขกุญแจมือแทน อย่างน้อยเขาก็ฝืนตัวเองได้สำเร็จในการที่จะไม่ให้ล้มตัวนอนข้างคนที่กำลังนอนหลับไหล นับเป็นครั้งที่สองก็ว่าได้ ..ที่ต้องมาอยู่ร่วมห้องกับร่างบางอีกครั้ง ถึงในครั้งนี้จะไม่ถือว่าเป็นการนอนร่วมห้องเสียเท่าไหร่....แต่อย่างไรก็ตาม...หลังจากที่เขาได้โยนคนตัวเล็กออกไป ..ก็เหมือนถูกห้ามอย่างกลายๆไม่ให้แตะเนื้อต้องตัวเด็กหนุ่มหน้าสวยคนนี้..คนที่เขาเคยอยากจะร่วมหลับนอน หรือแตะต้องเนื้อตัวอย่างไรก็ได้ ...อย่างนี้มันคือการทรมานอย่างชัดๆ ! ..แต่อย่างน้อยการที่เขาควบคุมตัวเองได้นานขนาดนี้ ก็ถือว่าเยี่ยมอย่างที่สุดแล้ว

ในตอนนี้เขาจำต้องพุ่งความสนใจทั้งหมดไปกับการไขกุญแจมือ...ก่อนที่ไอ้ความสามารถในการความควบคุมตัวเองในแบบที่เขาแสนจะภูมิอกภูมิใจนักหนาจะทำให้ต้องได้อายในภายหลัง

มันดูน่าท้อแท้และสิ้นหวังเหลือเกิน เส้นลวดที่ใช้เพื่อเป็นอุปกรณ์ช่วยในขณะนี้ก็เล็กเสียจนเกินไป...และทำให้ต้องเหนื่อยมากกว่าเดิม แถมยังเก่ามาก ใช้เป็นประโยชน์อันใดไม่ได้เลย ..แต่ว่า...อย่างน้อยเขาก็ยังพอจะโยนความผิดทั้งหลายแหล่ไปให้เส้นลวดเส้นนี้....แทนการโยนความผิดทั้งหมดมายังทักษะการไขล๊อคของเขาก็ได้นี่น่า

สายตาคมกล้าเหลือบมองจิวเวอร์รี่ที่ฉายแสงอยู่บนนิ้วเรียวเล็ก แสงวูบวาบจากแหวนสีทองทำให้เขาไม่อาจที่จะทำเพิกเฉยกับการมีตัวตนของมันได้เลย... จินหยุดพักจากสิ่งที่กำลังทำอยู่ เพื่อให้นิ้วของเขาได้พักสักครู่ ก่อนที่จะยกมือไปเคล้าคลึงแหวนวงเล็กที่สวมติดบนนิ้วก้อยของคนตัวเล็กที่เขาได้เกาะกุมเอาไว้

เมื่อตอนตื่นนอนในเช้าวันนี้..เขาไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าเรื่องมันจะมาจบในรูปแบบนี้ได้

จินใช้สายตาไล้ละเลียดจากนิ้วเรียวเล็กที่แสนจะนุ่มมือ..แม้จะดูเย็นยะเยียบอยู่นิดๆ ก่อนจะมองไล้ขึ้นไปยังแขนบาง..ขึ้นไปจนถึงดวงหน้าหวาน

คาเมะกำลังนอนหนาวตัวสั่นอยู่หรือเปล่า? ร่างสูงหยัดตัวลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ เพื่อดึงเสื้ออีกตัวที่เขาชอบใช้ผูกอยู่รอบเอวหนา...ใช้คลุมไหล่บางแทน

จินเปิดยิ้มอยู่คนเดียวท่ามกลางความมืดสนิท ถึงแม้สถานการณ์ตรงหน้าจะถือว่าเลวร้ายอย่างที่สุด แต่ก็นับว่าเป็นสิ่งที่ดีที่เขาเพิ่งจะพานพบมาทั้งอาทิตย์เลยก็ว่าได้ อย่างน้อยพวกเขาก็ได้มีค่ำคืนที่อยู่ร่วมกัน ...อย่างน้อยเขาก็ได้นั่งอยู่เคียงข้างคาเมะตลอดทั้งคืน...เฝ้ามองดวงหน้าที่หลับไหล..แค่นี้ก็ถือว่าดีมากแล้ว ...ถ้าเพียงพวกเขาจะสามารถอยู่แบบนี้ด้วยกันตลอดไป... แม้ห้องขังห้องจะดูสกปรก..ผ้าปูที่นอนขาดยับยู่ยี่ หรือแม้แต่ฟูกนอนที่เต็มไปด้วยรอยปรุ...เขาก็จะไม่เก็บเอามาใส่ใจเลยสักนิด

ร่างสูงมองกลับไปยังกุญแจมืออีกครั้ง..แต่ในครั้งนี้เขากลับพบว่าเขาไม่ยักกระตือรือร้นที่จะเปิดล๊อคกุญแจที่ได้ผูกข้อมือของพวกเขาทั้งสองให้ติดอยู่ด้วยกันออกไปเสียเท่าไหร่ ล๊อคกุญแจมือที่คล้ายจะบังคับให้พวกเขาต้องอยู่ใกล้ชิดกัน ในขณะที่สิ่งอื่นๆล้อมรอบตัว...เหมือนจะบังคับและแยกพวกเขาให้ต้องอยู่ห่างกัน

ในช่วงเวลาที่เหลืออยู่... จินดูจะยุ่งวุ่นวายอยู่กับแหวนที่สวมอยู่บนเรียวนิ้วเล็กมากกว่าที่จะจดจ่อกับการไขกุญแจมือตรงหน้าเสียอีก

อย่างน้อยเขาก็ดีใจที่ได้บอกความจริง....หรือจะเรียกว่าเป็นการบอกความจริงบางส่วน..ให้คนตัวเล็กรับรู้บ้างก็ยังดี

~*~*~*~

เมื่อร่างบางเปิดเปลือกตาขึ้นมาก็ได้พบกับความมืดสนิท ต่อเมื่อได้เพ่งสายตามองออกไปในครั้งแรกนั้น ร่างบางไม่สามารถจะบอกได้เลยว่ามีร่างของจินที่ยังคอยอยู่ใกล้เขาไม่ห่าง...จะมารู้ก็ต่อเมื่อได้ปรับสายตาให้ชินกับสภาพแวดล้อมที่อยู่รอบตัวอีกครั้งนั่นเอง ตอนนี้มันกี่โมงกี่ยามกันแล้ว ? เขาหลับไปนานเท่าไหร่แล้ว?

“สวัสดีตอนเช้า” จินพูดออกมา ส่งผลให้สายตาของคนตัวเล็กที่มองไปรอบๆได้หันไปจับจ้องยังมือบางที่วางอยู่บนตักกว้าง คาเมะจำได้ว่านี่คือสิ่งสุดท้ายที่จำได้ก่อนที่จะผล็อยหลับไป จินไขล๊อคอยู่อย่างขยันขันแข็งตลอดเวลาเลยเหรอเนี่ย?

“เช้าแล้วเหรอ?” ร่างบางถาม ก่อนที่จะค่อยๆยันตัวขึ้นด้วยมือข้างที่ว่างอย่างช้าๆ เสื้อตัวบางที่ห่มหุ้มไหล่ก็เลื่อนหลุดไหลลงมา

“ชั้นก็ไม่รู้สิ” ร่างสูงหัวเราะหึๆพลางยักไหล่ขึ้นนิดๆ เป็นใครก็คงบอกเวลาไม่ได้แน่...เพราะมันก็ดูมืดๆเหมือนเมื่อก่อนหน้านี้...ใครจะสามารถบอกถึงความแตกต่างได้ “บางที”

คาเมะผ่อนคลายเล็กน้อย เมื่อได้ยินน้ำเสียงเย้าแหย่จากอีกฝ่าย

“นายตื่นอยู่ตลอดเวลาเหรอ?” ร่างบางถามขึ้น พลางลุกขึ้นนั่งตัวตรงและพับผ้าชิ้นบางวางไว้ที่ตัก ....มันเป็นเสื้อนี่เอง ร่างบางคิดในใจ... เสื้อตัวนี้มาจากไหนกัน? เสื้อของเขาก็ยังติดอยู่ที่ตัว...จินเองก็ไม่ได้นั่งเปลือยท่อนบน.... แต่ว่าเสื้อตัวที่ผูกติดอยู่กับเอวของจินได้หายไปนี่น่า

“ใช่แล้ว ชั้นบอกนายแล้วนี่ว่าจะไม่นอน” ร่างสูงตอบกลับ คาเมะรีบเคลื่อนสายตาจากสะโพกของจิน เพื่อมองขึ้นไปบนใบหน้าของอีกฝ่าย..คล้ายจะกลัวที่จะถูกจับได้ว่าได้เผลอมองไปที่ตรงนั้น จินถอดถอนหายใจมาเฮือกใหญ่ ก่อนที่จะปล่อยเส้นลวดลงไปนอนแอ้งแม้งบนผ้าปูที่นอน “ชั้นยอมแพ้ล่ะ ... มือชั้นเป็นเหน็บไปหมดแล้ว และไอ้ลวดเส้นนี้ก็คงใช้ไขอะไรไม่ได้แหงเลย”

“ชั้นขอโทษนะ ...ที่ช่วยอะไรนายไม่ได้เลย” คาเมะกล่าวคำขอโทษ พร้อมกับหยิบเสื้อส่งคืนให้อีกฝ่าย จินรับเสื้อคืนมาเพื่อใช้ผูกรอบเอวหนา ก่อนที่จะลงไปนั่งหลังพิงกำแพงอยู่บนเตียงอีกครั้ง “ชั้นสะเดาะกุญแจอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง ..นายก็เลยต้องทำเองทั้งหมด”

จินส่งสายตามองมายังคนตัวเล็ก ด้วยแววตาที่อีกฝ่ายคุ้นเคยเป็นอย่างดี “อย่าโง่ไปหน่อยเลย ชั้นบอกแล้วว่านายไม่เห็นต้องพูดขอโทษในทุกๆเรื่องเลยนี่น่า นายไม่ได้อยู่ในโลกของชั้น ...ชั้นว่าพวกเขาคงไม่ได้สอนการสะเดาะกุญแจ การชกต่อย หรือล้วงกระเป๋าในวิทยาลัย หรือในที่ๆนายเรียนอยู่หรอกนะ...”

“มหาวิทยาลัย” คาเมะตอบคำถามที่จินถามออกมาครึ่งๆกลางนั้นเสีย ร่างสูงยักคิ้วเป็นเชิงถามเมื่อได้ยินคำตอบ

“มหาวิทยาลัย” จินทวนคำ ร่างบางก็ยิ้มตอบด้วยความเขินอายเล็กน้อย “อย่างงั้นนายก็คงเก่งในบางอย่างที่ชั้นไม่รู้เรื่องเลย”

“กะ ก็ ชั้นใม่ได้เรียนที่นั่นแล้วนี่ พอโดนจับมาที่นี่ชั้นก็ถูกไล่ออกมาเลย” คาเมะรีบร้อนตอบ “ชั้นไม่รู้ว่าหลังจากนี้ไปอนาคตของชั้นจะสดใสหรือมืดมนยังไง มีประวัติว่าติดคุกมาแล้ว ..ก็คงทำให้ยากในการที่จะสมัครเรียนใหม่หรือหางานทำแหงเลย”

“นายทำได้น่า นายไม่รู้ตัวเลยนะว่ามีความสามารถอะไรอยู่บ้าง” นับเป็นครั้งที่สองเลยก็ว่าได้ที่ร่างบางได้ยินจินพูดเช่นนี้ ..หลังจากที่ต้องฟังแต่คำพูดจาส่อเสียด...คำพูดที่แสนจะเย็นชาอยู่เป็นเดือน......มันทำให้คำที่ได้ยินในขณะนี้...ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นใจอยู่ลึกๆ

ความเงียบได้เข้ามาปกคลุมห้องขังอยู่ชั่วครู่ ร่างสูงจึงได้เหยียดไม้เหยียดมือข้างที่ได้ใช้ทำงานมาตลอดค่อนคืน...ไม่ว่าจะใช้ในการไขล๊อคหรือว่าใช้เล่นกับแหวนของคาเมะก็ถือว่าทำงานทั้งคืนล่ะน้า... “อ้าว ชั้นเหนื่อยจริงๆ ~ ชั้นคิดถึงเตียงของชั้น” อีกฝ่ายพูดพึมพำในแบบที่ทำให้คนตัวเล็กต้องหน้าแดงระเรื่อขึ้นมาอีกครั้ง

“นะ ถ้านายอยากจะพักบ้าง....นายอยากให้ชั้นเฝ้าดูลาดเลาให้ไหมล่ะ ?” คาเมะพูดแนะขึ้นมา จินก็ส่ายหัวไปมาพร้อมกับหาวนอนหวอดๆ

“ไม่ต้องหรอก” อดีตเจ้านายบ่นอู้อี้ “เราต้องไปกันได้แล้ว ชั้นจะลองไขล๊อคประตูกรงพวกนี้เอง..หรือจะลองดูว่าจะลองเปิดมันด้วยมือเปล่าๆได้ไหม.... ถ้าอยู่ที่ห้องขังของเราก็คงทำแบบนี้ไม่ได้แน่..แต่ซี่ลูกกรงและล๊อคในทางลับนี้มันต่างกับที่ห้องเรามาก มันดูเหมือนถูกทำขึ้นมาหยาบๆ ไม่ได้พิถีพิถันอะไรมากนัก ดูเหมือนว่าจอห์นนี่คงแอบทำขึ้นมาแบบลับๆน่ะสิ ตอนที่นายหลับอยู่น่ะ ไม่มีใครเดินเข้ามาที่นี่เลยสักคน... แล้วก็ไม่ได้ยินเสียงเปิดล๊อคลูกกรงจากที่ไหนสักที่ ถ้าพวกเราโชคดี..นั่นก็หมายถึงว่าตอนนี้มันก็สายมากแล้ว ..หรือไม่ก็อาจจะเป็นตอนเช้าตรู่ ..พวกนักโทษยังถูกขังไว้ที่ห้อง ถ้าพวกเราขยับเขยื้อนตัวในตอนนี้ก็เป็นไปได้ว่าจะไม่เดินไปเจอกับคนอื่นๆในนี้ได้ อีกอย่างในตอนเย็นๆอย่างนี้..ก็มีพวกผู้คุมเข้าเวรอยู่ไม่กี่คน”

“ระ เราเดินไปเองรอบๆแบบนี้มันจะดีเหรอ? ถ้ามีใครเจอเราขึ้นมาล่ะ? แล้วถ้าเราต้องเข้าไปสู้กับใครอีกล่ะ? มันจะไม่ดีกว่าเหรอถ้าเราจะอยู่กันแต่ที่นี่แล้วรอให้มีคนมาช่วยเราน่ะ?” ร่างบางพูดแนะอย่างระมัดระวังถ้อยคำ ..จะต้องมีคนกำลังออกตามหาพวกเขาในขณะนี้แน่ ก็ในเมื่อหัวหน้าคุกของที่นี่ก็อยู่กับเขาด้วยนี่น่า “พวกเราก็ไม่ได้อยู่ในห้องในตอนที่พวกผู้คุมเข้าไปตรวจก่อนนอนด้วย พวกผู้คุมเองก็คงออกตามหาเราแน่ๆ อย่างไงพวกเขาก็คงไม่กล้าตามเข้ามาในนี้แล้ว..ถ้าพวกเราอยู่กันในนี้ก็ดีกว่าออกไปข้างนอกนะ?”

“ชั้นห่วงในความจริงข้อที่ว่าเราถูกล๊อคอยู่ภายใต้ประตูกรงเป็นสิบๆอัน และก็ไม่มีอุปกรณ์ช่วยอะไรมาไขได้เลยมากกว่านะ” จินตอบออกมาด้วยน้ำเสียงง่วงงุน ก่อนที่จะปิดเปลือกตาลงบ้างเล็กน้อย “ถ้าพวกคนเมื่อวานนั้นย้อนกลับมาอีกครั้ง เราก็จะถูกพบตัวได้ เราก็น่าจะลองเสี่ยงออกไปดูจะดีกว่านะ อีกอย่าง เราก็ต้องออกไปหาข้าว หาน้ำ ...ยังไงก็ต้องถูกบังคับให้ออกไปเดินว่อนไปมาอยู่ดีแหล่ะ”

คาเมะถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง พลางเอนหลังพิงกำแพง “ชั้นว่านายพูดถูกนะ ...ไม่สินายพูดถูกมากเลยล่ะ... นายชำนาญทางนี้มากกว่าชั้น”

ร่างบางคิดว่าได้ยินอีกฝ่ายบ่นอู้อี้อะไรออกมาสักอย่าง

“ชั้นเชื่อในทุกสิ่งที่นายจะทำ” ร่างบางพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้น นายคิดจะทำอย่างไรต่อ-“ ร่างบางพูดยังไม่ทันจบประโยค ก็คล้ายจะถูกตัดบทขึ้นมาทันที เมื่ออีกฝ่ายได้เอนหัวทับลงบนไหล่บาง และสองแขนก็ร่วงลงมาโอบรอบเอวบางและวางบนหน้าตักของคนตัวเล็กอย่างไม่ได้ตั้งใจ

“เอ่อ ..เอ่อ จิน- อคานิชิสิ?” คาเมะกระซิบเรียก แต่ก็ไร้คำตอบใดๆ มีเพียงแค่ลมหายใจที่ดังเข้าออกเป็นจังหวะอย่างสม่ำเสมอ ลมหายใจอุ่นๆที่รวยรินรดลอดเข้ามาในเสื้อและหยอกเย้ากับผิวบางของเขา ทำให้คนตัวเล็กเกือบจะบิดตัวหนีด้วยความกระสันต์ “อะ อคานิชิ?” คาเมะร้องเรียกอีกครั้ง แต่ก็ไร้คำตอบกลับมาเช่นเคย

จินคงจะเหนื่อยมาก ไม่มีใครล่วงรู้ได้เลยว่าอีกฝ่ายได้อยู่โยงเฝ้าเขามานานเท่าไหร่แล้ว ถึงคราวที่เขาจะได้ตอบแทนจินบ้างแล้ว ร่างบางพยายามหาท่านั่งท่านอนเหมาะๆสำหรับพวกเขาทั้งสองคน จนทำให้ตัวเองเกือบจะร่วงไปนอนอยู่ใต้ร่างหนาของอีกฝ่าย รู้สึกจินจะตัวหนักมากกว่าเดิมเลยนะเนี่ย

คาเมะพยายามจะตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา เขาจะให้จินได้นอนพักบ้าง เสร็จแล้วค่อยปลุกอีกฝ่ายขึ้นมาเพื่อทำตามแผนที่ได้วางไว้

เขาจะต้องไม่เผลอหลับไปด้วย จินฝากความหวังไว้ที่เขาแล้ว .... ก็ประมาณนั้นได้...เพราะถ้าอีกฝ่ายรู้ว่าได้เผลอหลับไปก็คงต้องฝากความหวังไว้ที่เขา ..ร่างบางจะต้องตื่นอยู่ตลอดเวลาเพื่อจิน ตอนนี้เขาจะต้องอยู่โยงเฝ้ายามให้จิน

เขาจะต้องไม่เผลอหลับไปด้วย

พระเจ้าช่วย... ลมหายใจอุ่นๆที่รวยรินรดออกมาอย่างสงบสุขนั้นทำให้เขารู้สึกติดหนึบเสียจริง .... แล้วมันก็ทำให้รู้สึกสบายใจกับการที่ได้อยู่เคียงข้างอดีตเพื่อนร่วมห้อง และเจ้านายของเขาอีกครั้ง..

แต่เขาจะต้องไม่เผลอหลับ.............

to be continued chap. 31

วันนี้ที่รอคอยยยย ในที่สุดจินก็บอกน้องแล้ว
ปัญหาเหมือนจะหมดไปเปราะ แต่ยังไม่หมดมากเลยน่ออ มาถึงบทนี้ไม่รู้มีใครงงมากไหม
เพราะค่อนข้างจะมีบทบรรยายทางลับเยอะหน่อย ลองคิดภาพทางเดินลับแบบหนังฝรั่ง ที่จะมีประตูกรงคอยกั้นอยู่เป็นระยะระหว่างทางนะค้า ถ้าใครอ่านเรื่องนี้งง ไม่แปลกนะ ฮ่าๆ เพราะตอนที่คนแปลอ่านแรกๆก็งงคอด แต่อาศัยว่าอ่านบ่อย
แถมยังโดดมาแปลก็เลยจำได้ค่อนข้างแม่น แต่เรื่องที่งงในการแปลก็ติมาได้นะจ๊ะ พยายามทำให้งงน้อยสุดแล้วว

ตอนต่อไปกำลังปั่นอยู่นะจ้า ยาววคอดเลย
อ้อ ใช่เรื่องเพียงเธอก็จบไปแย้วว หนุกเนาะ อิอิ เห็นมีคนถามหาสเปจากเรื่องนี้ด้วย
แต่คุณคนแต่งไม่ได้แต่งอ่ะ แต่ถ้าจะไปขอก็อาจจะได้นะ แต่อาจจะนานหน่อย
ตอนนี้กำลังเหล่เรื่องใหม่

ขอบคุณทุกเม้นส์นะค้า ฟิคเรื่องนี้เอามาแปะที่บอร์ดอยู่เป็นปีแล้ว อ๊ากก
ยังมีคนตามอ่านอยู่บ้าง (ถึงจะน้อยลงฮวบฮาบ) อาจเพราะหลายคนไปอ่านมาแล้ว หรือว่ายาวไป ไม่จบสักที หรือว่าเบื่อ T^T ยังไงก็ขอบคุณคนที่ตามอ่านนะค้า
ขอบคุณรียา หายหวัดไปยางง
คุณพี่คนสวยเบื่อเรื่องนี้ยางง
ขอบคุณคนเม้นส์นะค้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ มาจุ๊บที
Previous post Next post
Up