In His care 30

Oct 14, 2008 20:14



Title: In his Care
Author:blue_orbs
Translated and wrote in Thai by daniellove& windzephyr
Pairing: Akame
Rating: NC-17
Disclaimer:The plot belongs to blue_orbs darling
Summary: For this chapter N/A

Thanks รียา อารียา reeya-areeya to be my lovely
beta ,how could I survive without YOU *kisses*
Special thanks to ก้อย jk_no_koi

♥ In His Care ♥

chapter 30

จินร้องครวญครางอยู่ในใจ มันน่าแปลกเสียจริงกับการที่พวกเขา... ข้อเอ ได้ค้นพบทางลับที่พวกนักโทษบางคนใช้ช่วงเวลาทั้งหมดในคุกไปกับการค้นหา ข้อบี มานอนล้มอยู่ในทางลับนี้ได้ประมาณครึ่งทางกระมัง แถมยังมาเจอกับผู้คุมในทางเดินของชั้นแรก ซึ่งปกติก็เป็นสถานที่ๆพวกผู้คุมไม่ค่อยจะย่างกรายเข้ามาเสียเท่าไหร่ ข้อซี ผู้คุมคนนี้ดูไม่คุ้นหน้าเอาเสียเลย ดูได้จากการที่อีกฝ่ายถือปืนส่องมายังพวกเขาด้วยมือไม้ที่สั่นเทาอยู่นิดๆ ร่างสูงนึกสรุปได้ในทันทีว่าผู้คุมคนนี้คงเพิ่งจะเข้ามาทำงานได้ไม่นาน ก็เลยยังไม่รู้ว่าในคุกนี้มันเป็นอย่างไร อีกอย่างผู้คุมคนนี้ก็ไม่ใช่พรรคพวกของเขาเสียด้วย

ดีจริงเชียว ทำไมเรื่องพวกนี้ต้องมาเกิดในตอนที่คนตัวเล็กอยู่กับเขาด้วย? ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าต้องมาเจอโชคร้ายซ้ำซ้อนกันแบบนี้ได้ จินรีบคิดทบทวนความทรงจำเก่าๆหรือประสบการณ์ต่างๆในครั้งที่เขาเคยเข้าไปปล้นมา

“รู้ไหมว่าชั้นคือใคร?” ร่างสูงร้องถาม รู้สึกเหนื่อยล้าและเครียดเป็นที่สุด แต่ผู้คุมก็ยังถือปืนจ่อมายังพวกเขาด้วยท่าทางตื่นๆ

“หยุดอยู่ตรงที่ๆนายยืนอยู่ตรงนั้นแหล่ะ!”

จินถอนหายใจมาเฮือกหนึ่ง ก่อนที่จะก้มหน้าลงไปซุกอกคนตัวเล็กอีกครั้ง เขาจัดการกับผู้คุมคนใหม่คนนี้ได้สบายเลยล่ะ แต่ไอ้ผู้คุมคนใหม่นี้ก็ดันมีนิ้วที่พร้อมจะเหนี่ยวไกได้ทุกเมื่อ และอีกอย่าง...คาเมะก็อยู่ตรงนี้กับเขาด้วย

“ยกมือข้างที่อยู่ใกล้ชั้นขึ้นมาเดี๋ยวนี้!” ผู้คุมร้องบอก จินได้แต่ยกมือข้างขวาขึ้นมาอย่างไม่ใคร่จะเต็มอกเต็มใจนัก ทางด้านคาเมะก็ยกมือซ้ายขึ้นมาเช่นกัน ผู้คุมค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ จนเมื่อสามารถที่จะเอื้อมมือมาถึงพวกเขาได้ ผู้คุมหนุ่มก็ได้จัดการใส่กุญแจมือพวกเขาผูกติดกันเอาไว้ ก่อนที่จะกลับไปยืนยังที่เดิม “เอาล่ะ ค่อยๆลุกจากพื้นซะ ชั้นจะพาพวกนายไปหาจอห์นนี่ซัง”

“ขอเป็นแบบอื่นดีกว่านะ” จินบ่นอู้อี้เมื่อได้ยืนขึ้นพลางช่วยฉุดร่างบางให้ลุกขึ้นยืนอีกแรง

“ไปได้แล้ว เดินไปเงียบๆแล้วก็อยู่ในความสงบด้วยล่ะ” ผู้คุมออกคำสั่งเมื่อใช้ปืนชี้ไปยังทางที่ทอดเข้าสู่ห้องโถง จินข่มใจที่จะไม่กรอกตาไปมาด้วยความเซ็งอย่างสุดฤทธิ์ ร่างสูงค่อยๆก้าวเดินไปใกล้ๆพลางซุกมือข้างขวาแอบไว้ด้านหลังเพื่อที่คนตัวเล็กจะได้เดินอยู่ด้านหลังเขานั่นเอง

“พยายามขุดทางหนีออกไปล่ะสิเนี่ย? งั้นก็ต้องหยุดไว้ตรงนั้นล่ะ จอห์นนี่ซังต้องชอบใจแน่ถ้าได้รู้ว่าพวกนายกำลังทำอะไรกันน่ะ” ผู้คุมกล่าวเมื่อจินเดินเข้ามาถึงตัว

“ขุดทางหนี? ลองมองไปรอบๆสิ มันดูเหมือนกับว่าพวกชั้นเข้ามาขุดอะไรตรงนี้เหรอไงฮึ?”

จินบ่นพึมพำ แล้วผู้คุมก็ทำพลาดครั้งใหญ่ด้วยการที่ละสายตาจากร่างสูงไปเพียงแค่อึดใจเดียว จินได้ตรงเข้าจู่โจมผู้คุมให้ลงไปนอนสลบอยู่บนพื้นได้เพียงแค่กระพริบตาเท่านั้น คาเมะกระโดดเต้นไปแอบด้านหลังของจิน เมื่อรับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนที่ร่างบางจะถูกรั้งตัวลงไปเมื่ออีกฝ่ายได้ก้มลงไปหยิบปืนของผู้คุมที่ตกอยู่บนพื้น

“พระเจ้าช่วย พวกเราต้องตายแหงเลย” ร่างบางเปิดปากพูด เมื่อสังเกตเห็นว่าร่างสูงได้พุ่งความสนใจไปตามทางเดิน น้ำเสียงที่คุ้นหูดังใกล้เข้ามาทุกขณะ จินรู้เป็นอย่างดีว่านั่นคือเสียงของใคร

“V6….” ร่างสูงพึมพำชื่อออกมาพลางยันตัวลุกขึ้น “พวกรุ่นพี่กำลังมาทางนี้ เราจะต้องออกไปจากที่นี่”

ก่อนที่คาเมะจะมีโอกาสได้เอ่ยคำใดออกมา จินก็หันตัวกลับแล้วมุ่งตรงเข้าไปในทางลับ การกระทำเช่นนั้นทำให้ร่างเล็กที่ข้อมือผูกติดกันต้องหมุนตัวตามอีกฝ่ายไป.. ก่อนจะตามด้วยการที่จินได้ปิดประตูทางลับเอาไว้...

“ทำไมเรื่องแบบนี้ชอบมาเกิดตอนที่ชั้นอยู่กับนายด้วยนะ?” จินบ่นเมื่อวิ่งลงไปตามทางเดิน พร้อมกับดึงลากคนตัวเล็กให้ตัวปลิวตามไป

“ดะ เดี๋ยวก่อน เราจะไปที่ไหน?” ร่างบางร้องเรียกตามหลัง พยายามไม่ส่งเสียงดังมากนัก..แต่ก็ดังมากพอที่จะดึงความสนใจของอีกฝ่ายมาได้

“เราต้องไปซ่อนตัว” จินร้องบอกข้ามไหล่กว้างเมื่อพวกเขาได้พากันวิ่งผ่านตามทางเดินที่ทอดยาว ผ่านซี่ลูกกรงหลายซี่ที่ไม่ได้ปิดล๊อคแต่ประการใด “ชั้นจะไม่ยอมให้พวกรุ่นพี่จับชั้นได้ในขณะที่กำลังยืนอยู่ใกล้กับทางลับที่เปิดอ้าออกมาแบบนี้ แล้วยังจะผู้คุมที่นอนสลบอยู่ตรงหน้าชั้น...แล้วยังจะเรื่องที่ถูกจับล๊อคกุญแจมือติดไว้กับนายอีกล่ะ ชั้นไม่ยอมให้พวกรุ่นพี่มีความสุขที่ได้เห็นแบบนี้หรอก พวกเขาจะพาชั้นไปหาจอห์นนี่เองน่ะสิ แล้วก็โยนความผิดทั้งหมดมาให้ชั้น ..ตอนนี้มันไม่สำคัญหรอกว่าใครที่เป็นคนเปิดประตูลับนั่นออกมาเป็นคนแรก พวกนั้นตั้งใจจะทำให้ชั้นต้องสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างทีมีในนี้ไปให้ได้”

“ตะ แต่ถ้าพวกเขาตามเรามาล่ะ?” คาเมะถามออกมา

“พวกนั้นไม่เห็นพวกเราสักหน่อย แล้วชั้นก็ปิดประตูเอาไว้แล้ว อีกอย่างถึงพวกรุ่นพี่จะเจอทางลับก็คงไม่กล้าเสี่ยงเข้ามาหรอก เพราะถ้าพวกเขาเจอประตูทางลับก็จะเจอผู้คุมที่นอนสลบอยู่น่ะสิ แล้วไอ้เรื่องที่จะตามเข้ามาดูเพราะความอยากรู้อยากเห็นเฉยๆไม่มีอะไรแอบแฝงแล้วล่ะก็... พวกนั้นไม่โง่จนยอมเสี่ยงเข้ามาแน่” จินตอบ

“ตะ แต่ แล้วถ้า-“

“รีบหน่อย” ร่างสูงพูดขึ้นมา...ส่งผลให้คนตัวเล็กกระแทกตัวเข้าที่หลังกว้างอย่างเต็มแรง

“ตะ แต่” คาเมะทวนคำอีกครั้ง แม้จะรู้ดีว่าเขาควรจะทำตามเสียงเรียกข้างในหัวที่เหมือนจะบอกว่า ‘มองดูหน้าจินก่อนสิ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลยนะ’ แต่ภายในนี้มันก็มืดออกจะตายไป ทำให้แทบจะมองไม่เห็นใบหน้าของจินสักหน่อย “ถ้าเราอยู่ที่นี่ต่อก็เหมือนกับเรากำลังพาตัวเข้าหาเรื่องที่มันยุ่งยากมากกว่านี้อีกนะ เราน่าจะปล่อยให้ผู้คุมคนนั้นพาตัวเราไปพบจอห์นนี่แล้วค่อยปฎิเสธข้อกล่าวหาก็ได้นี่ ก็ในเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้เราก็ยังอยู่ในโรงอาหาร ไม่มีทางที่เราจะมา-“

“ถ้าผู้คุมพาเราไปพบจอห์นนี่แล้วล่ะก็ ทุกอย่างก็จบเห่กันพอดี” ร่างสูงพูดตัดบท “ไม่มีทางที่เราจะพูดพ้นผิดไปได้เลย”

“แต่พวกเราไม่ผิดนี่ เราเป็นผู้บริสุทธิ์ต่างหาก” คาเมะเอ่ยค้าน ส่งผลให้จินเปิดปากหัวเราะขึ้นมาทันที

“แล้วนายคิดว่าเรื่องนี้มันสำคัญกับพวกนั้นเหรอ?” อีกฝ่ายตอบ “ตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่ นายไม่ได้เรียนรู้อะไรเลยเหรอ? อย่างเดียวที่สำคัญก็คืออำนาจที่นายมีอยู่กับตัว แล้วนายจะใช้มันยังไงเท่านั้น”

“แต่นายใหญ่ในนี้นี่น่า”

“คุกนี้เป็นของจอห์นนี่ ชั้นก็แค่เล่นอยู่บนพื้นที่ของหมอนั่นเท่านั้น” จินตอบ

“แต่ยังไงก็เถอะ การที่พวกเราเข้ามาวิ่งอยู่ในทางลับก็ไม่ทำให้เรื่องมันจบไปได้สวยนักหรอก ผู้คุมคนนั้นจะส่งผู้คุมคนอื่นๆเข้ามาไล่ตามเรา ถ้าเราถูกจับในนี้มันก็จะแย่กว่าการที่ถูกจับข้างนอกหรือว่าถูกจับพร้อมพวกรุ่นพี่เสียอีก?” ร่างบางค้าน

“นายนี่ไม่ได้เรียนรู้อะไรเลยจริงๆสินะ? หรือว่านายไม่ฟังที่ชั้นพูดเลย?” ร่างสูงทำเสียงขู่ฟ่อลอดไรฟันออกมา “จอห์นนี่ไม่ส่งผู้คุมเข้ามาตามในนี้แน่ ทางลับทางนี้มันไม่น่าจะมีอยู่จริงเลยด้วยซ้ำ จำไม่ได้เหรอไงฮึ?”

“ก็ใช่ แต่-“ คนตัวเล็กพยายามจะโต้แย้งต่อเมื่อจินวางนิ้วประกบเข้าที่ริมฝีปากบาง

“ชู้ว์” อีกฝ่ายกระซิบบอก “นายได้ยินอะไรไหม?”

ร่างบางตั้งใจเงี่ยหูฟังเสียงที่เหมือนจะดังก้องมาจากทางเดินที่ไหนสักแห่ง เขาไม่สามารถบอกได้เลยว่าเสียงนั้นดังแว่วมาจากทางด้านหลังหรือจากที่ไหนสักแห่งตรงด้านหน้ากันแน่

“ผะ ผู้คุมเหรอ?” คาเมะกระซิบถาม

“ก็อาจจะใช่ .. ถ้าเป็นผู้คุมคนนั้นจริงๆ ก็หมายความว่าหมอนั่นเพิ่งจะเจอใครสักคน.....” จินตอบพลางมองไปรอบๆตัว “ในนี้”

ร่างสูงเดินนำคนตัวเล็กวิ่งลัดเลาะเข้าไปตามทางเดินแล้วทางเดินเล่า แต่เสียงเหล่านั้นก็ยังตามหลอกหลอนอยู่ไม่ยอมห่าง ตอนนี้ก็เห็นได้อย่างชัดแล้วว่าเสียงที่ได้ยินนั้นดังอยู่ด้านหลังพวกเขานั่นเอง พวกเขาทั้งสองรู้สึกเหมือนคนที่กำลังเดินหลงทางไม่รู้จะไปที่ใดแล้ว

“พวกเขายังตามเราอยู่เหรอ?” คาเมะถามเพราะเริ่มจะออกอาการหวาดกลัวขึ้นมานิดๆ ทันใดนั้นร่างสูงก็หยุดวิ่งโดยทันที..ทำให้คนตัวเล็กต้องหยุดอย่างกะทันหันตามไปด้วย

“มีบางอย่างผิดปกติออกไป” จินบ่นพึมพำ

“อะไรเหรอ?” คาเมะถามอย่างร้อนรนพร้อมกับสอดส่ายสายตามองไปทั่วทุกหนแห่งภายในความมืดที่ล้อมรอบพวกเขา ..ส่วนมากก็จะคอยมองข้ามไหล่เล็กออกไปเพื่อมองว่ามีใครสักคนวิ่งตามพวกเขามาไหม

“เราสามารถที่จะวิ่งผ่านทางเดินนี้มาได้ตั้งนาน โดยที่ไม่ต้องไปงัดแงะเปิดซี่ลูกกรงที่ขวางอยู่ระหว่างทางเลยสักนิด” จินกล่าว “พวกซี่ลูกกรงพวกนี้ได้ถูกไขล๊อคออกมาแล้วถูกเปิดอ้าไว้หมดเลยนี่น่า พวกผู้คุมไม่มีกุญแจไขเข้ามาในนี้ได้แน่ คนเดียวที่มีลูกกุญแจก็คือ....”

“จอห์นนี่” คาเมะกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก จินก็พยักหน้ารับ “นะ นายคิดว่าตอนนี้เขาอยู่ในนี้เหรอ?”

เสียงที่เคยได้ยินดังแว่วมาอีกครั้ง

“เราต้องไปซ่อนตัวก่อน” จินกระซิบบอก ก่อนจะเริ่มลงมือหาห้องขังสักห้องที่เขารู้อยู่ลางๆว่าน่าจะตั้งอยู่ที่ไหนสักแห่ง จุนโนะและอุเอดะเคยเจอห้องขังบางห้องมาแล้วในตอนที่มาวิ่งหลงอยู่ในทางเดินแห่งนี้ และนักโทษหลายคนก็เคยถูกนำตัวมากลางดึกเพื่อพบกับเจ้าคุมคุกของที่นี่ ”อะฮ้า ชั้นว่ามีบางอย่างอยู่ที่ตรงนั้น--- โอ๊ย!”

หัวใจของร่างบางแทบจะหลุดออกมานอกอกเมื่อได้ยินเสียงร้องของจิน คาเมะพยายามเอื้อมมือออกไปหาคนที่กำลังกระโดดขึ้นๆลงๆ ตามด้วยการสบถอยู่ไปมาพลางใช้มือจับเข้าที่เท้าข้างหนึ่ง “เกิดอะไรขึ้น? นายไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม?”

“ชั้นเหยียบโดนอะไรเข้าน่ะสิ” จินบ่น สุดท้ายก็ยอมปล่อยเท้าข้างนั้นลงดังเดิม ก่อนจะก้มลงไปหยิบเส้นลวดที่ดูจะคมมากพอที่จะทะลุผ่านชั้นรองเท้าของเขาเข้ามาได้ “แล้วมันก็ดูเล็กมากเกินกว่าที่จะเอาใช้ทำประโยชน์อะไรได้.. โชคของชั้นจริงๆเลย”

เมื่อได้เห็นว่าลวดเส้นนี้ถึงจะยังคมอยู่บ้าง.. แต่ก็ดูจะเล็กเกินกว่าที่จะใช้ไขล๊อคห้องขังที่เขาเพิ่งจะเจอได้แน่ จินใช้มือข้างที่ไม่ได้ผูกติดกับคาเมะหยิบปืนออกมา แล้วใช้ด้ามกระบอกปืนตีเข้าไปยังล๊อคที่มีแต่สนิมจับกันจนเขรอะ อย่างน้อยตรงส่วนล๊อคที่เขาใช้กำลังทุบเข้าไปก็เหมือนจะเป็นไปตามที่ต้องการให้เป็น จนในที่สุดล๊อคที่ปิดประตูห้องขังก็หักออก จินรีบคว้าร่างเล็กที่อยู่อีกด้านของกุญแจมือ แล้วพาอีกฝ่ายเดินเข้ามาในห้องขัง ก่อนจะตามด้วยการปิดประตูตามหลัง โชคดีที่ว่าห้องขังห้องนี้แตกต่างจากห้องขังของพวกเขา เพราะถ้าเป็นห้องขังของพวกเขาแล้วล่ะก็..ในตรงส่วนของซี่ลูกกรงที่อยู่ด้านหน้าจะประกอบไปด้วยซี่ลูกกรงโปร่งทั้งหมด แต่ซี่ลูกกรงที่อยู่ในห้องนี้กลับประกอบไปด้วยซีเมนต์ที่ฉาบสูงขึ้นมาจากพื้นได้ครึ่งทาง ส่วนอีกครึ่งทางที่ไปบรรจบกับเพดานห้องจะประกอบไปด้วยซี่ลูกกรงโปร่งที่เหมือนกับห้องของพวกเขา ตรงส่วนโปร่งเหมือนจะเป็นหน้าต่างบานใหญ่ที่ทำให้คนภายนอกสามารถมองลอดเข้ามาในห้องขังได้

ประตูลูกกรงแบบนี้เหมือนถูกสร้างขึ้นมาเพื่อซ่อนห้องขังให้รอดพ้นจากสายตาของแขกที่ไม่ได้รับเชิญนั่นเอง ห้องขังห้องนี้ออกจะดูเล็กกว่าห้องที่เคยอยู่มาก ในห้องมีเพียงเตียงที่ดูสกปรกวางแอบเอาไว้ ผ้าปูเตียงก็เต็มไปด้วยฝุ่นคละคลุ้งไปหมด ทั้งดำและยับย่นยี่ ส่วนฟูกที่นอนก็มีสีซีด เต็มไปด้วยหลุมเล็กหลุมน้อย ....ดูสกปรกพอๆกันกับผ้าปูเลยก็ไม่ปาน นอกจากเตียงแล้วก็มีพื้นที่ว่างเล็กน้อยพอให้เดินไปมาได้

เมื่อได้ยินเสียงดังใกล้เข้ามาทุกที จินก็ได้รั้งร่างเล็กที่ยังยืนงงงวยอยู่ข้างๆให้ล้มลงไปนอนแนบกับพื้นซีเมนต์ที่เย็นยะเยียบอยู่ใต้ร่างเขานั่นเอง

“พวกนั้นกำลังจะผ่านมาทางนี้แล้ว ก้มหัวลงให้มาก” จินกระซิบอยู่ข้างใบหูของคนตัวเล็ก

เมื่อแสงลำน้อยได้ถูกสาดเข้ามายังห้องที่พวกเขาซ่อนตัวนั้น ร่างสูงก็ได้ยินเสียงอุทานด้วยความตกใจดังลอดมาจากอีกฝ่าย..เขารู้ได้ในทันทีว่าคนตัวเล็กกำลังตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวอยู่ใกล้ๆ ชายหนุ่มจึงได้รั้งอีกฝ่ายให้เข้ามาใกล้ก่อนจะใช้มือข้างที่ใช้กุมมือบางเอาไว้ขึ้นมาปิดหน้าปิดตาคนที่อยู่ใต้ร่าง

“ชู้ว์ เงียบซะ พวกเขาเข้ามาใกล้แล้ว” จินบอกให้อีกฝ่ายเงียบ โดยที่ไม่รอคิดให้ถ้วนถี่..คาเมะรีบขยับตัวแนบไปกับจิน คนตัวเล็กไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเข้าออกด้วยเกรงว่าคนที่กำลังไล่ล่าพวกเขาจะได้ยินเสียงลมหายใจ

เมื่อเสียงนั้นดังใกล้เข้ามาทุกที..จินก็รับรู้ได้ถึงลมหายใจที่ดังเข้าออกอย่างไม่เป็นจังหวะรวยรินกับอกของเขา

เพียงไม่นานนักก็ปรากฎเงาของใครหลายคนสะท้อนเข้ามากระทบกับผนังภายในห้องขัง จินรีบหยิบปืนขึ้นมาอย่างไม่รอช้า เพื่อนหรือศัตรูกันแน่? ใครกันที่ไล่ล่าตามพวกเขาอยู่ไม่ห่าง? พวกนั้นได้ไล่ตามเขาจริงๆน่ะเหรอ? พวกนั้นรู้ว่าพวกเขาอยู่ที่นี่ หรือพวกนั้นจะแค่บังเอิญผ่านมาเท่านั้น?

เขาน่าจะคิดขึ้นมาได้ตั้งนานแล้วว่ามีคนอื่นอยู่ในทางลับนี้ด้วย เพราะระหว่างทางที่ผ่านมานั้นซี่ลูกกรงที่ปกติจะต้องปิดกั้นไว้อยู่รายทางได้ถูกเปิดออกไปจนหมดสิ้น มันเป็นปาฏิหาริย์เลยก็ว่าได้ที่พวกเขายังไม่ได้วิ่งไปเจอะเจอกับเหล่าคนลึกลับกลุ่มนี้ได้... ถือว่าเป็นโชคดีอย่างแรกของพวกเขา หลังจากที่ต้องเจอโชคร้ายมาตลอดทั้งวันเลยก็ว่าได้

ไม่น่าจะเป็นจอห์นนี่ ถ้าเป็นจอห์นนี่จริงๆ ระหว่างทางที่หมอนั่นเดินร่อนไปมา..หมอนั่นก็จะต้องคอยล๊อคทุกประตูตามหลังอย่างแน่นอน นี่จะต้องเป็นฝีมือของใครสักคนที่ไม่มีลูกกุญแจ เพราะถ้ามัวแต่เปิดลูกกรงออกแล้วต้องคอยปิดล๊อคตามหลังแล้วล่ะก็ เมื่อตอนที่เดินกลับออกมาก็จะต้องมาวุ่นวายงัดแงะเปิดประตูออกมาอีก จอห์นนี่มีลูกกุญแจ ....ถ้าอย่างนั้นจะเป็นใครไปได้ล่ะ?

จินไม่สามารถบอกได้ว่าน้ำเสียงที่ได้ยินนั้นเป็นของใคร และพวกเขากำลังพูดเรื่องอะไร กลุ่มคนกลุ่มนี้ต่างก็พูดพึมพำกันอยู่ไปมา ประกอบกับเสียงที่ดังก้องทำให้ยากที่จะบอกไปได้มากกว่านี้ จินเหมือนจะได้ยินใครสักคนพูดอะไรออกมาบางอย่างคล้ายๆ จะพูดว่า 'ชั้นคิดว่าชั้นได้ยินเสียงอยู่ตรงโน้น' ร่างสูงได้แต่ภาวนาไม่ให้ใครคนใดคนหนึ่งในกลุ่มสังเกตเห็นว่าล๊อคของประตูห้องขังที่พวกเขาแอบอยู่ข้างในได้ถูกตีให้หักไปแล้ว

เมื่อได้ยินเสียงกระแทกปิดประตูห้องขังห้องแล้วห้องเล่า เขารู้สึกได้ในทันทีว่าคาเมะแทบจะกระโดดโผเข้าสู่อ้อมกอดของเขาอย่างแนบแน่นกว่าเดิม ท่ามกลางเรื่องยุ่งยากที่เกิดขึ้นนี้...ทำให้จินไม่ทันได้สังเกตมาก่อนเลยว่ากลุ่มคนที่กำลังเดินท่องเข้ามาในนี้กำลังจะจากไปแล้ว พวกนั้นอาจจะสังเกตเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นตรงทางเดินของชั้นแรกจึงตัดสินใจที่จะออกไปก่อนที่จะถูกจับตัวได้ เมื่อคนกลุ่มนั้นได้จากไปพร้อมกับการปิดประตูทางเข้า ...ก็เหมือนได้ขังจินและคาเมะเอาไว้ภายในทางลับ เมื่อได้ยินเสียงคนพวกนั้นวิ่งหายลับไปแล้ว ร่างสูงจึงจัดการเก็บปืนเข้าที่เดิม

แม้เสียงที่เคยได้ยินจะเงียบสนิทลงไปแล้วก็ตาม แต่พวกเขาก็ยังอยู่นิ่งไม่ไหวติง

“ชั้นคิดว่าน่าจะปลอดภัยที่จะลุกได้แล้วนะ” จินพูดทำลายความเงียบที่เข้ามาปกคลุมพวกเขาออกไปเสีย อีกฝ่ายก็เหมือนจะไม่เต็มใจที่จะผละออกมามากนัก

“ตกลงว่าใช่ผู้คุมไหม?” คาเมะถามด้วยน้ำเสียงสั่น

ร่างสูงยักไหล่นิดๆ ก่อนจะยืดเนื้อยืดตัวคลายเส้น “ชั้นไม่รู้ ชั้นก็แค่เดาไปเท่านั้น พวกผู้คุมหลายคนรู้ดีว่าควรจะอยู่ให้ห่างที่นี่มากที่สุด เพราะเคยมีตำนานเรื่องเล่าว่าได้เกิดอะไรขึ้นบ้างกับผู้คุมที่เคยย่างเท้าเข้ามาที่นี่ แล้วถ้าพวกเขามาเจอทางลับนี้เข้าจริงๆ ส่วนมากก็จะแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นมากกว่า”

“แต่ผู้คุมคนที่เราเจอในทางเดินไม่เห็นเป็นแบบนั้นนี่น่า...” คาเมะชี้แจง

“หมอนั่นยังใหม่อยู่ และคงจะอยู่ได้ไม่นานหรอกถ้าไม่เรียนรู้อะไรให้ได้ในเร็วๆนี้” จินกล่าว

“นะ นายคิดว่าใช่มาสะกับจอห์นนี่หรือเปล่าที่ไล่ตามเรามาน่ะ” ร่างบางถามคำถามต่อไป

“พวกที่วิ่งผ่านเราไปดูเหมือนจะมีมากกว่าสองคน” จินตอบ “ชั้นนับได้ห้าคนเป็นอย่างต่ำ จอห์นนี่และมาสะคงไม่พาใครมาด้วยแน่ ถ้างั้นก็ไม่น่าจะเป็นพวกหมอนั่นได้”

ร่างบางหน้าตาซีดเซียวไปทุกที “หะ ห้าคนเหรอ?” ร่างสูงยักไหล่นิดๆ

“อาจจะเป็นพวกแก๊งอื่นก็ได้” จินยักไหล่

“เป็นพวกเพื่อนๆนายหรือเปล่า?” คนตัวเล็กถาม พยายามมองโลกในแง่ดีเข้าไว้

“คิดว่าไม่” จินตอบ ต่อเมื่อได้ส่งสายตามองไปยังเด็กหนุ่มที่เนื้อตัวสั่นกลัวอยู่ตรงหน้า..ก็ต้องรีบพูดแก้ทันที “อาจจะ” พูดไปแล้วก็ได้แต่หวังว่าคาเมะจะเชื่อในคำที่เขาพูดปลอบออกไป

“ ระ เราคงจะออกไปจากที่นี่ได้ใช่ไหม?”

จินขยับตัวเข้าไปใกล้อีกครั้ง “เราต้องออกไปได้สิ ชั้นไม่ยอมถูกจับในนี้หรอก ทำอย่างนั้นก็เหมือนให้ของขวัญวันคริสต์มาสกับจอห์นนี่น่ะสิ แล้วชั้นก็ไม่อยากให้เป็นแบบนั้นแน่ ชั้นรับรองได้เลยว่าพวกเราต้องออกไปจากที่นี่ได้ จริงๆแล้วอาจจะเป็นพวกเพื่อนจากแก๊งชั้นก็ได้ที่มาตามหาเราอยู่น่ะ แต่ในเมื่อเราไม่รู้แน่ชัดชั้นก็แค่หลบไว้ก่อนเท่านั้น”

“ถึงพวกเราจะออกไปจากที่นี่ได้ แล้วผู้คุมคนที่เจอตรงทางเดินล่ะ” ร่างบางถามด้วยความตื่นกลัว พยายามจะลืมความจริงในข้อที่ว่าเพื่อนร่วมแก๊งของจินมีสี่คนต่างหาก ไม่ใช่ห้าคนหรือมากกว่านั้น “นั่นก็ถือว่าเป็นพยานรู้เห็นได้ จอห์นนี่เองก็จะทำทุกวิถีทางเพื่อขยี้พวกเราให้ได้..ใช่ไหม?”

“ชั้นรู้วิธีทำให้ผู้คุมคนนั้นเงียบไปได้ อย่าห่วงเรื่องนั้นเลย เราวิ่งหนีออกมาแบบนี้ หมอนั่นก็ไม่มีหลักฐานอะไรมาคัดค้านเราได้แล้ว มันก็แค่คำพูดของหมอนั่นที่ต้องการต้านชั้น แล้วมันก็ไม่หนักแน่นพอที่จะมัดตัวชั้นไว้หรอก ถ้าหมอนั่นเดินดุ่มไปหาจอห์นนี่คนเดียวแล้วบอกว่าเจอพวกเราตรงหน้าประตูทางลับ...ก็คงจะถูกจอห์นนี่กล่าวโทษเสียก่อนที่จะออกมาตามหาพวกเราเสียอีก” จินพูดขึ้น แต่เมื่ออีกฝ่ายยังมีทีท่ากลัดกลุ้ม ร่างสูงจึงใช้มือข้างที่ว่างเพื่อช้อนคางของคนตัวเล็กขึ้นมองสบตากับเขา “มองชั้นสิ ชั้นเก่งเรื่องเอาตัวรอดจากปัญหาขี้ประติ๋วนี่จะตายไป ถึงชั้นจะไม่เคยใช้อำนาจที่ชั้นมีกับนาย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าชั้นไม่มีมันเลยนะ ไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องน่าห่วง ตกลงนะ?

แม้คาเมะจะนึกเดาอยู่ในใจ แต่ก็ยอมพยักหน้ารับอย่างเงียบๆ ‘อืม’

มันก็เป็นแค่คำโกหกที่ไม่มีพิษมีภัยอะไร...ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้แล้ว จินคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกที่ควรแล้วที่จะโกหกออกไป เขาก็แค่อยากจะให้เด็กหนุ่มผู้กำลังตกอยู่ในความวิตกกังวลที่กำลังนั่งอยู่ตรงหน้าเขาในขณะนี้สงบลงบ้าง

‘ปัญหาขี้ประติ๋ว’ บ้าคอคอแตกล่ะสิ เขาจะหาทางพาพวกเขาทั้งสองออกไปจากที่นี่ได้อย่างไร? ก็ได้แต่หวังว่า TTUN จะหาทางปิดปากผู้คุมนายนั้นไปได้ ....ไอ้ผู้คุมที่ตอนนี้คงกำลังเดินรุดออกไปจากทางเดินชั้นแรก พร้อมด้วยรอยช้ำดำเขียวรอยใหญ่อยู่บนหน้า..หมอนั่นคงจะไปตามเหล่าพรรคพวกให้มาไล่ตามพวกเขาอยู่เป็นแน่

จินถอนหายใจออกมาอย่างเงียบเชียบที่สุด เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องพลอยกังวลใจไปด้วย สถานการณ์ที่เป็นอยู่ในเวลานี้มันดูน่าสิ้นหวังท้อแท้เสียเหลือเกิน เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหนกันแน่

“ชั้นจะลองไขล๊อคกุญแจมือก่อนนะ” จินพูดขึ้นมาต่อพร้อมทั้งนำร่างเล็กให้ลงนั่งบนเตียง ร่างสูงหยิบเศษเหล็กชิ้นเล็กที่เจอตอนเดินไปเหยียบมันเข้า ก่อนจะทำการสำรวจตรวจตราเจ้าเหล็กชิ้นนี้อยู่ในเงามืด ...อ้า มันเป็นบ้าอะไรกันล่ะนี่..แต่อย่างไรก็คงต้องขอลองดูก่อน “ยื่นมือมาสิ”

เมื่อร่างบางยื่นไปให้อย่างว่าง่าย จินได้วางมือเล็กลงบนหน้าตักของเขาก่อนที่จะเริ่มลงมือไขล๊อค

ดูท่าจะสิ้นหวังแล้วสิ...คาเมะนั่งสังเกตความพยายามในการไขล๊อคของจินที่ดูท่าจะไม่ไปไหนไกล แต่ร่างบางก็ตัดสินใจที่จะไม่เอื้อนเอ่ยคำใดออกมา จินดูจะมั่นใจในฝีมือตัวเองเสียขนาดนั้น

“นายโกรธชั้นเหรอ?”

ร่างสูงหยุดอยู่ชั่วขณะเพื่อที่จะมองสบตากับอีกฝ่าย เมื่อสายตาของพวกเขาเริ่มปรับและชินกับความมืดรอบตัวก็ทำให้มองเห็นอะไรได้ง่ายขึ้น “อะไรนะ?”

“ก็ที่ชั้นไปหานายไม่ยอมหยุด แล้วก็ทำให้พวกเราต้องพบกับปัญหาอีกแล้ว...” คาเมะพูดเสริม ก่อนจะช้อนตาขึ้นสบตาจินอย่างอายๆ

“นายไม่ได้เป็นคนไปเปิดประตูทางลับ ทำร้ายผู้คุม พูดจาหมิ่นหมอนั่น แล้วก็วิ่งหนีเข้ามาในทางลับนี่สักหน่อย” จินชี้แจง ร่างบางได้แต่ขยับตัวทิ้งน้ำหนักตัวลงไปอีกด้านหนึ่ง

“แต่นายช่วยชั้น”

“ก็นายถูกล๊อคกุญแจมือติดกับชั้นนี่น่า”

“ชั้นรู้ แต่....”

“แต่อะไร?” จินถาม ก่อนจะเคลื่อนสายตาไปจดจ่ออยู่กับงานตรงหน้าแทนที่จะสบตากับคาเมะ ร่างบางเฝ้าสังเกตใบหน้าของร่างสูงเพื่อจะได้รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรกันแน่

“นายคอยช่วยชั้นอยู่เสมอ..แม้ในตอนที่ชั้นไม่ได้เป็นของนายแล้วก็ตาม วันนี้นายก็ช่วยชั้นแล้วนายยังช่วยชั้นจากใบแดงนั่นอีก” คาเมะพูดค้าน “ทำไมนายต้องคอยปกป้องชั้นด้วยล่ะ?”

“ใครบอกล่ะว่าชั้นคอยปกป้องนายอยู่?”

“นายยังไม่ยอมบอกชั้นอีกใช่ไหม..” ร่างบางกล่าวสรุป จินเหลือบมองร่างบางจากทางหางตาอยู่เพียงแวบเดียว คนตัวเล็กก้มหัวลงต่ำดูท่าทางเศร้าสร้อยมากเหลือเกิน

จินเกลียดที่จะยอมรับอยู่ลึกๆในใจ ...เพราะถึงจะรู้ดีว่าเขาจำต้องให้คาเมะอยู่ห่างเขาให้มาก และพวกเขาก็ไม่ควรจะพบเจอกันอีกต่อไป แต่เมื่อคนตัวเล็กทำตามที่สั่ง......ร่างสูงก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจอยู่ลึกๆ บางทีเขาก็คงไม่นึกอยากให้คาเมะล้มเลิกความคิดที่จะมาหาเขา..ถึงแม้จะต้องถูกเขาผลักออกไปให้ห่างก็เถอะ เขาอยากจะได้บทพิสูจน์ในข้อที่ว่าสิ่งที่พวกเขาทั้งสองมีให้กันและกันนั้นเป็นความจริง และเขาเองก็ไม่ได้บังคับฝืนใจคนตัวเล็กแต่อย่างไร เขาอยากจะพิสูจน์ให้รู้แน่ชัดว่าคาเมะอยากจะมาหาเขาด้วยความสมัครใจของตัวเอง..ไม่มีเหตุผลอื่นใดมาเกี่ยวข้อง...

เขาอาจจะเหมือนคนเห็นแก่ตัว เพราะในส่วนหนึ่งของจิตใจ เขาก็หวังที่จะสามารถตัดสายสัมพันธ์ที่เคยมีให้กับอีกฝ่ายไปได้ในครั้งแรกที่โยนคนตัวเล็กออกไปจากห้อง ถ้าเขาสามารถทำได้...เขาก็ไม่ต้องยอมรับกับความจริงที่ว่าคาเมะมีความสำคัญและเป็นคนที่เข้ามาเปลี่ยนตัวเขาไปมากแค่ไหน เขาก็จะสามารถกลับไปเป็นตัวตนเก่าๆที่เคยได้เป็นก่อนหน้าที่อดีตเพื่อนร่วมห้องจะเข้ามา... มันไม่ใช่เพียงแค่ความเห็นแก่ตัวสินะ มันเป็นการกระทำที่ขี้ขลาดเสียนี่กระไร ..แล้วเขาเองก็ไม่ใช่คนขี้ขลาดสักหน่อย

จินถอดถอนหายใจ ก่อนจะใช้มือข้างที่ว่างขย้ำเส้นลวด

“ชั้นคาดหวังจากนายมากกว่านี้นะ” ร่างสูงพูดขึ้น นำความแปลกใจให้คาเมะ “ชั้นคิดว่านายจะทำตามที่ชั้นบอก เมื่อชั้นบอกให้นายอยู่ห่างๆ ชั้นก็หวังว่านายจะทำตามที่สั่ง ถึงมันจะฟังดูไม่เข้าท่าเลยสักนิดก็เถอะ ขอแค่ให้เชื่อมั่นในตัวชั้น..เชื่อในสิ่งที่ชั้นรู้ดีที่สุดเป็นพอ”

คาเมะก้มศีรษะลงต่ำรับคำกล่าวโทษนั้น “นั่นไม่ใช่คำสั่งจริงๆสักหน่อย ชั้นคิดว่านายคิดไปจริงๆนี่ว่าชั้นทรยศนายไปหาเพื่อนรักของนาย ชั้นปล่อยให้นายเชื่อไปว่าชั้นนอกใจนายไม่ได้หรอก”

“แล้วหลังจากที่นายรู้ว่าชั้นรู้เรื่องทั้งหมดนั่นแล้วล่ะ”

ร่างบางสบตาอีกฝ่ายด้วยความตื่นตระหนก “ชั้นเป็นห่วงนี่น่า ชั้นรู้ว่านายกำลังปิดบังอะไรบางอย่างเอาไว้ ชั้นอยากจะรู้ว่ามันคือเรื่องอะไรกันแน่ เผื่อชั้นจะสามารถทำอะไรได้บ้าง...ถ้านายต้องรับผิดในเรื่องที่ชั้นก่อไว้อีกล่ะก็ ชั้นก็คงจะปล่อยไว้แบบนั้นไม่ได้แน่ เพราะอย่างนั้นชั้นถึงได้อยากรู้เรื่องทุกอย่าง ได้โปรดบอกความจริงกับชั้นเถอะนะ บอกชั้นมาเสียที เพราะยังไงชั้นก็ไม่คิดจะล้มเลิกความตั้งใจแน่ แล้วชั้นก็ไม่สนหรอกว่านายจะทำโทษชั้นมากมายขนาดไหน ชั้น-“

“งั้นก็ได้” จินพูดตัดบทก่อนที่คาเมะจะออกอาการโศกขึ้นมาอีกครั้ง มือแกร่งข้างที่ถูกล๊อคกุญแจมือได้เอื้อมไปคว้าข้อมือบางเพื่อรั้งร่างเล็กให้เข้ามาใกล้ ส่วนมือข้างที่ว่างก็ยกขึ้นไปวางอยู่บนกลุ่มผมนุ่มสีทองสว่าง “ลดเสียงลงได้แล้ว” ร่างสูงกระซิบข้างใบหูเพื่อให้อีกฝ่ายเงียบ คาเมะจึงได้ปิดปากเงียบเสียงลง

จินถอนหายใจ ก่อนจะกวาดตามองรอบห้องขังที่มืดสนิท เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาได้อยู่กันตามลำพัง

“บ้าเอ๊ย ชั้นให้ในสิ่งที่นายต้องการในครั้งแรกที่เราเจอกัน นั่นก็คือการที่ชั้นจะไม่ไปยุ่งกับนาย และก็ให้ความปลอดภัยในแบบที่นายต้องการ แต่ดูเหมือนว่ามันจะยังไม่พอสินะ” ร่างสูงยังคงพูดกระซิบอยู่ข้างใบหูของอีกฝ่าย “ใช่แล้วล่ะ ก็อย่างที่ชั้นบอกนายไปว่าชั้นรู้ดีเลยแหล่ะว่านายกับยามะพีไม่ได้มีอะไรกันทั้งนั้น ชั้นกุเรื่องทั้งหมดขึ้นมาในเช้าของวันที่ชั้นโยนนายออกไปนั่นแหล่ะ ความจริงก็คือว่าถ้านายยังอยู่กับชั้นนานไปกว่านี้..ชั้นก็คงไม่สามารถปกป้องคุ้มครองนายได้ต่อไป .... พวกแก๊งรุ่นพี่เริ่มจะเอือมระอาในตัวชั้น ก็เลยตัดสินใจกันว่ามันถึงเวลาที่จะล้มชั้นให้ได้แล้วน่ะสิ”

“แต่ชั้นก็รู้เรื่องนี้แล้วนี่” คาเมะค้าน “นายบอกชั้นว่าไม่มีอะไรต้องห่วง ทุกอย่างราบรื่นดีแล้ว”

“มันไม่ได้ราบรื่นน่ะสิ” จินตอบพลางใช้นิ้วเรียวยาวแทรกผ่านกลุ่มเส้นผมที่นุ่มสลวย เขานึกภาพได้เลยว่าสีหน้าของร่างบางคงจะเต็มไปด้วยความงุนงงสับสน ..เมื่อได้ยินคำพูดของเขาในตอนนี้ “พวกเขาเห็นพร้องต้องกันว่าวิธีที่จะทำให้ชั้นเจ็บได้มากที่สุดก็คือการเข้าไปทำร้ายนายน่ะเอง พวกนั้นรู้ว่าดีตราบใดที่นายยังอยู่ในคุกนี้พวกเขาก็ไม่สามารถจะทำอะไรนายได้ พวกเขาได้บอกกับชั้นว่าจะทำร้ายนาย..ในตอนที่นายออกจากคุกนี้ไปแล้ว ชั้นคงไม่สามารถรับรองความปลอดภัยตอนที่นายอยู่นอกคุกได้”

“ถ้าอย่างนั้น ชั้นก็เป็นจุดอ่อนของนาย...” ร่างบางพึมพำกับตัวเอง สุดท้ายแล้วจินก็เป็นฝ่ายยืนยันความจริงในข้อนี้ออกมาเอง “แต่ถ้านายอยากให้ชั้นออกไปเพราะเหตุผลข้อนี้ นายก็น่าจะบอกชั้นก่อน แล้วจากนั้นค่อยเตะชั้นออกไปก็ได้นี่ อย่างไงชั้นก็จะร่วมเล่นไปด้วยอยู่แล้ว เพราะชั้นก็คงปฏิเสธไม่ได้อยู่ดี”

เมื่อจินนิ่งเงียบลง คาเมะก็ยังพูดต่อ นึกอยากจะเห็นสีหน้าท่าทีของอีกฝ่ายยิ่งนัก ...เพราะแม้จินจะอยู่ห่างจากเขาไม่มาก แต่ร่างบางก็ไม่สามารถจะเห็นสีหน้าท่าทางของจินได้เลย “ยังไงชั้นก็เข้าใจอยู่แล้วว่าที่นายยอมปล่อยให้ชั้นไปก็เพื่อความปลอดภัยของคนที่อยู่รอบข้างตัวนาย ชั้นเองก็ไม่อยากให้เพื่อนๆ หรือพรรคพวกของนายต้องมาเสี่ยงอันตรายด้วยแน่ ชั้นเข้าใจดีว่าชั้นตกเป็นเป้าหมายอย่างดีเลยล่ะ ในการที่ใครจะเข้ามาหลอกใช้ชั้นเพื่อทำให้นายต้องไปมีเรื่องได้ ถ้าชั้นเป็นจุดอ่อนของนายมาโดยตลอด ...ชั้นก็จะเชื่อฟังแล้วยอมจากไป ชั้นรู้ว่าการที่ชั้นยังอยู่กับนายอาจจะทำให้คนที่นายห่วงต้องตกอยู่ในอันตรายได้”

“นายเข้าใจผิดหมดทุกอย่างเลยนะ” จินกล่าว “มันก็จริงที่ว่าใครๆจะสามารถใช้นายเพื่อทำให้ชั้นเจ็บได้ แต่มันก็ไม่ใช่ความผิดของนายสักหน่อย มันเป็นความผิดของชั้นเอง ชั้นไม่ได้สอนให้นายรู้ที่ของตัวเองเท่าไหร่”

คาเมะข่มใจที่จะไม่พยักหน้ารับ “ถ้าอย่างงั้น ก็สอนชั้นสิ”

“ตอนนี้ที่ของนายก็คือการอยู่ที่ฝั่งเหนือ”

continue here ยังไม่จบคะ อ่านต่อตรงนี้คะ

Previous post Next post
Up