In His care 31 part 2

Oct 22, 2008 23:28



คนตัวเล็กยังเงียบไม่ตอบอะไรออกมา แต่อย่างน้อยจินก็รู้ได้ว่าอีกฝ่ายหยุดนิ่งไปเมื่อได้ยินคำพูดสุดท้ายของเขา การที่มองเห็นไม่เห็นสีหน้าของคาเมะในตอนนี้..มันเหมือนกับว่าเขาได้ถูกฆ่าทั้งเป็นเลยทีเดียว

“เวลาที่ไม่มีนายอยู่ข้างตัว....ทุกอย่างมันดูเปลี่ยนไปมาก” จินพูดต่อ “ชั้นคิดถึงช่วงเวลาที่เราอยู่ด้วยกันเหลือเกิน”

“ยังไงมันก็ไม่สามารถเปลี่ยนความจริงที่ว่านายเป็นคนเลือกทางเดินนี้ไว้ให้ชั้นหรอก” คำตอบที่ได้รับทำให้จินต้องแปลกใจอยู่ครามครัน

“ชั้นเป็นคนเลือกทางเดินให้นายงั้นเหรอ?” จินทวนคำ ความรู้สึกโกรธแบบแปลกๆได้ก่อตัวเข้ามารุมเร้าอยู่ภายในอก ...เขามานั่งอยู่ ณ ที่ตรงนี่ กล้าที่จะเอ่ยคำพูดที่แสนจะหวานเลี่ยนออกไปแล้ว..แต่คำตอบที่ได้รับกลับมาก็แสนจะสั้น ห้วน เหมือนคำพูดของคนที่มองโลกในแง่ร้ายจริงๆ “ก็ใช่สิ ชั้นเลือกที่จะช่วยนายและครอบครัวของนาย ในฐานะที่เป็นเจ้านายของนาย..ชั้นก็คิดว่าชั้นได้แสดงความปรานีอย่างมากกับคนที่เป็นเด็กของเล่นของชั้น ถ้าชั้นมีทางเลือกในเรื่องนี้จริงๆแล้วล่ะก็...ชั้นจะไม่ปล่อยนายไปแน่”

“นายไม่เข้าใจ ชั้นพอจะเข้าใจว่าทำไมชั้นถึงอยู่กับนายนานไปกว่านี้ไม่ได้..นั่นไม่ใช่ปัญหาสักหน่อย” จินต้องแอบยอมรับอยู่ลึกๆในใจว่าเขารู้สึกเจ็บที่ได้ยินคำนี้ “ชั้นต้องยอมแพ้เลิกหวังเพราะว่า นายยอมที่จะตบหน้าชั้น โยนชั้นออกจากห้อง ข่มขู่ชั้น พูดหมิ่นชั้น และยังทำให้ชั้นเจ็บ..จนกว่าชั้นจะเลิกมาหานาย นายยอมทำทุกอย่างที่จะให้ชั้นเจ็บ มากกว่าที่จะยอมบอกว่านายปิดบังอะไรไว้กันแน่ นั่นเหรอที่นายเรียกว่านายเลือกทางเดินไว้ให้ชั้นแล้ว นั่นเหรอคือสิ่งที่นายตัดสินเอาว่าชั้นควรจะยืนอยู่ตรงไหนในความสัมพันธ์นี้”

จินตะครุบร่างของคนตัวเล็กด้วยทีท่าเกรี้ยวกราด ทำให้คาเมะจำต้องเปล่งเสียงครางลอดออกมาจากเรียวปากบาง...เขารู้สึกแปลกใจที่เห็นจินมีอาการแบบนี้มากกว่าที่จะรู้สึกเจ็บจากแรงกระชากนั้นแต่อย่างไร

“นายจะรู้อะไร...” จินส่งเสียงขู่ฟ่อลอดไรฟัน ก่อนจะดึงร่างเล็กให้เข้ามาใกล้ คาเมะเริ่มจะนึกกลัวจินขึ้นมาอีกครั้ง....โดยเฉพาะตอนนี้ที่เขาไม่สามารถมองเห็นหน้าของร่างสูงได้อย่างชัดเจน “นายรู้อะไรเกี่ยวกับชั้นบ้างล่ะ? นายไม่รู้เลยสักนิดว่าทำไมชั้น...”

ร่างบางไม่กล้าจะเอ่ยคำพูดโต้ตอบ เขาทำได้แค่เพียงนั่งสังเกตอีกฝ่ายอยู่ด้วยความงุนงง ..ในที่สุดจินก็คลายมือที่รั้งร่างบางเอาไว้แน่น ปล่อยให้คาเมะเป็นอิสระ

“นายพูดถูก ชั้นไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวนายเลยสักนิด” คาเมะกล้าที่จะพูดตอบ

ร่างสูงพยายามที่จะสงบจิตสงบใจด้วยการสูดลมหายใจเข้าไปจนเต็มปอด “นายไม่รู้หรอกว่าถ้าต้องมายืนอยู่ในตำแหน่งของชั้นแล้วมันเป็นยังไง นายคิดว่าชั้นเตะนายออกไปเพื่ออยากให้นายต้องเจ็บงั้นเหรอ นายคิดว่าชั้นมีความสุขกับการที่ได้ทำร้ายนายเพื่อให้นายต้องใจสลายไปจริงๆงั้นเหรอ”

คาเมะนิ่งเงียบไม่ตอบคำใดออกมา

“ตอนนี้นายอาจจะไม่เข้าใจ แต่สักวันหนึ่งนายก็จะเข้าใจเอง สักวันหนึ่งนายจะเข้าใจว่าทำไมชั้นถึงต้องทำในสิ่งที่ชั้นได้ทำลงไปในวันนี้ สักวันหนึ่ง..เมื่อนายสามารถที่จะเผชิญหน้ากับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในนี้ ..แล้วมองเห็นความจริงที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด ความจริงในเรื่องที่เกี่ยวกับตัวชั้น คุกนี้ หรือแม้แต่ตัวของนายเอง...”

คนตัวเล็กไม่เคยได้ยินน้ำเสียงเช่นนี้ของจินมาก่อน เขาได้แต่หวังว่าเขาจะสามารถเห็นสีหน้าของจินในขณะนี้ได้อย่างชัดเจน... เขาไม่เข้าใจในเรื่องไหนกันล่ะ? ทำไมเขาถึงโง่อยู่ตลอดเวลา...ทำไมเขาถึงเป็นคนเดียวที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยสักอย่าง?

“ถะ ถ้างั้นก็บอกชั้นสิ” ร่างบางถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนล้า

“ชั้นบอกนายไม่ได้” จินตอบ “นายก็รู้ความจริงที่เกี่ยวกับคุกนี้ไปมากแล้ว นั่นก็คือ มันไม่ได้เป็นอย่างที่ควรจะเป็น ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดในนี้มันแตกต่างไปมากกว่าที่ควรจะเป็น นักโทษต่างก็เอารัดเอาเปรียบกันและกัน ถ้านายเปิดตาเพื่อมองดูสักนิด..นายก็จะรู้ความจริงที่เกี่ยวกับชั้น ....แต่ชิ้นส่วนที่นายได้เห็นมันคงดูไม่เข้าท่านัก...นายจะรู้และเข้าใจได้...ก็ต่อเมื่อนายได้รู้ความจริงที่เกี่ยวกับตัวนายเองเสียก่อน...แล้วเรื่องนั้นชั้นก็ช่วยนายไม่ได้ด้วย”

ร่างบางเฝ้าข่มกลั้นน้ำตาที่จะพร่างพรูออกมา..ถึงแม้การที่เขาร้องไห้ในที่นี้ก็คงจะไม่มีอะไรให้ต้องเสียมากนัก ...เพราะอีกฝ่ายก็คงจะไม่เห็นน้ำตานี้อยู่ดี...แต่น้ำเสียงของเขาก็คงจะสั่นเครือ และจินก็อาจจะได้ยินเสียงสะอื้นไห้ได้ “ทำไมล่ะ?”

“เพราะว่า นายจะให้ใครคอยบอกคอยสอนเรื่องแบบนี้ไม่ได้ นายต้องเรียนรู้และเข้าใจเรื่องทุกอย่างด้วยตัวของนายเอง เริ่มจากที่นายจะต้องเผชิญหน้ากับตัวเองเสียก่อน จากนั้นก็ค่อยเผชิญหน้ากับสภาพแวดล้อมที่อยู่ล้อมรอบตัวนาย ...จากนั้นถึงค่อยเผชิญหน้ากับชั้น” จินตอบ “นายกำลังสร้างภาพมายาให้กับตัวนายเอง ตื่นจากโลกแห่งเทพนิยายที่นายสร้างไว้เถอะเพราะก่อนหน้านี้มันได้ทำให้นายต้องสับสนอยู่ตลอดเวลา แล้วจนกว่าจะถึงตอนนั้น...ชั้นอยากจะขอให้นายเชื่อใจชั้น ...จากนี้ไปเราต้องร่วมเล่นไปกับแผนการบ้าๆที่เกี่ยวกับรุ่นพี่เสียก่อน..จนกว่าเราจะสามารถจัดการได้ ต่อจากนี้ไม่ว่าจะเป็นข่าวลืออะไรต่างๆที่นายได้ยิน นั่นก็เป็นเพราะชั้นเป็นคนกระจายข่าวเกี่ยวกับนายออกไปเอง เพื่อที่คนอื่นๆจะได้คิดไปว่าชั้นทำให้นายได้อับอาย มันเป็นผลจากการที่นายทำตัวต่อต้านชั้นและทำให้ชั้นต้องเจ็บยังไงล่ะ”

“ชั้นไม่เข้าใจนายเลย แล้วชั้นก็ไม่เข้าใจในสิ่งที่นายกำลังทำอยู่สักนิด” น้ำเสียงที่สั่นเครือของคาเมะดังลอดมา “ชั้นเคยคิดว่า..อย่างน้อยชั้นก็เข้าใจในบางเรื่องที่เกี่ยวกับนาย แต่....นายยอมที่จะเห็นชั้นเจ็บปวดมากกว่าที่จะยอมบอกว่าเรื่องราวจริงๆมันเป็นยังไง”

“นั่นไม่ใช่เรื่องจริงสักหน่อย”

“นั่นเป็นสิ่งเดียวที่ชั้นมั่นใจมากเลยล่ะ” คาเมะกล่าว “ซึ่งชั้นก็พอจะเข้าใจได้..เพราะในเมื่อสำหรับนายแล้ว ..ชั้นก็น่าจะเป็นแค่ของเล่นไม่มีชีวิตจิตใจ ..นั่นเป็นสิ่งที่ชั้นตกลงที่จะเป็นในเริ่มแรก ...มันเป็นงานของชั้น ....มันก็เพียงแค่ว่านายไม่เคยที่จะทำกับชั้นเหมือนชั้นเป็นแค่สิ่งของ..ไม่แม้กระทั่งตอนนี้...”

ทั่วทั้งห้องกลับตกอยู่ในความเงียบอยู่ชั่วขณะ ก่อนที่จินจะพูดออกมาในที่สุด “ยื่นมือของนายออกมาสิ”

“อะไรนะ?”

“ยื่นมือข้างที่ว่างออกมาตรงหน้าสิ”

คาเมะทำตามที่อีกฝ่ายบอก

“โอ๊ะ นั่นจมูกชั้น” จินร้องโอดโอยเมื่อปลายนิ้วของร่างบางสัมผัสเข้ากับอะไรบางอย่าง

“ขอโทษ” ร่างบางกล่าวคำขอโทษ รับรู้ได้ถึงมือข้างที่ว่างของจินได้ยื่นมาจับมือของเขาเพื่อนำทาง คนตัวเล็กเกือบจะหน้าตาแดงระเรื่อขึ้นมาทันที เมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายได้นำมือของเขาแทรกเข้าไปในสาปเสื้อ นิ้วเรียวสัมผัสแตะต้องกับเนื้อตัวที่เปลือยเปล่าของจิน ก่อนที่ร่างสูงจะพาไปเกาะกุมอยู่เหนือสิ่งของบางอย่างที่เหมือนเป็นโซ่...แล้วค่อยดึงเจ้าสิ่งนั้นออกมา เมื่อได้ใช้มือไล้เรื่อยลงมาตามสร้อยคอของจิน ..จู่ๆคาเมะก็สัมผัสได้ถึงอะไรสักอย่างที่ผูกติดกับเครื่องประดับชิ้นนี้ ร่างบางค่อยๆใช้นิ้วลูบไล้อยู่เหนือพื้นผิวของสิ่งของชิ้นนี้อย่างระมัดระวัง

“นายรู้ไหมว่ามันคืออะไร?” น้ำเสียงของจินดังขึ้นอีกครั้ง คาเมะก็อยากที่จะมองลึกเข้าไปในตาคมคู่นี้ยิ่งนัก ...แต่เขาก็ไม่สามารถจะทำได้ในเวลานี้

“นี่มันคือ.... ?” ร่างบางพูดเปิดประโยค พร้อมกับใช้นิ้วเรียวลูบไล้อย่างไม่ยอมหยุดตรงสิ่งที่ห้อยลงมาจากสร้อยคอ ของสิ่งนั้นเป็นวัตถุค่อนข้างกลมมน และมีขนาดเล็ก..ลักษณะเช่นนี้มันไม่น่าจะเป็น....แต่จินโยนมันทิ้งไปแล้วนี่

“ชั้นเชื่อใจว่านายจะไม่ไปบอกใครว่าชั้นยังเก็บแหวนวงนี้ไว้อยู่นะ” อีกฝ่ายบอกพลางใช้มือจับแหวนสีเงินเข้ามากุมไว้ ก่อนจะใช้นิ้วไล้อยู่รอบพื้นผิวเรียบของแหวน “ก็อย่างที่ทุกคนรู้ ...ชั้นโยนแหวนวงนี้ทิ้งไปแล้วในวันเดียวกับที่ชั้นโยนนายออกไปจากห้อง ถ้ามีใครรู้ว่าชั้นยังเก็บแหวนวงนี้อยู่กับตัวล่ะก็ แผนการของพวกเราอาจตกอยู่ในอันตรายได้”

“นายเก็บแหวนวงนี้ไว้กับตัวมาตลอดเหรอ? ทำไมล่ะ?” คาเมะนิ่งเงียบไป ก่อนจะเหลือบมองยังแหวนของเขาที่สวมติดนิ้วในมือข้างที่ถูกผูกติดกับจิน “นาย...จริงๆ แล้วนายเป็นคนเอาแหวนของชั้นมาให้คืนให้ชั้นเอง ใช่ไหม?”

“คนที่ไปหาแหวนมาให้น่ะ รู้สึกว่าจะหากันอยู่อย่างลำบากมากเลยล่ะ เพราะว่าตอนที่หาต้องแกล้งทำเป็นว่าไม่ได้กำลังหาอะไรอยู่ด้วยน่ะสิ” จินตอบพร้อมรอยยิ้มนิดๆ ก่อนที่จะหัวเราะหึๆออกมา “พวกเขาเอามาคืนให้ชั้น ..แล้วชั้นก็เป็นคนเอาไปคืนให้นายเอง”

“ทำไมล่ะ?

“นายนี่ชอบถามจริงๆ” จินหัวเราะหึๆออกมาท่ามกลางความมืดมิดอีกครั้ง “ชั้นคิดว่านายคงอยากจะได้มันคืนไปน่ะสิ ...อาจจะเพื่อเป็นเครื่องเตือนใจว่า...จะไม่ยอมให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับนายอีกครั้ง...แล้วอีกอย่างมันก็เป็นของนาย”

“ชั้นไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าจะมีหัวขโมยที่เอาของมาคืนเจ้าตัวเขาด้วย"จินหัวเราะเมื่อได้ยิน คาเมะไม่สามารถจะบรรยายออกมาได้เลยว่าเขารู้สึกดีใจมากเพียงไรที่ได้ยินจินหัวเราะออกมา

“ตอนนี้ก็ได้ยินแล้วนะ” ร่างสูงพูดด้วยน้ำเสียงรื่นเริง จากนั้นความเงียบก็ได้เข้ามาปกคลุมเมื่อหัวข้อเรื่องนี้ได้จบลง คาเมะชำเลืองมองรอยยิ้มที่ค่อยๆเลือนหายไปจากดวงหน้าคม จินสอดสร้อยคอกลับเข้าใต้เสื้อ “เราควรจะออกไปจากที่นี่กันได้แล้ว”

“เรายังหลงอยู่ดี” คาเมะพูดชี้แจงความจริงออกมา จินก็ถอดถอนหายใจ..พยายามเหลียวมองไปรอบๆห้องที่มืดมิด

จินหันกลับมายังคนตัวเล็ก “นี่ ชั้นบอกนายแล้วไม่ใช่เหรอว่ายังไงเราต้องออกไปจากที่นี่ได้แน่”

“ชั้นรู้ แต่....”

รอยยิ้มที่แสนอบอุ่นแผ่ขยายทั่วเรียวปากอิ่ม “นายกลัวล่ะสิ” จินพึมพำ ถึงจะรู้ว่าเขาไม่ควรจะทำเช่นนี้..โดยเฉพาะหลังจากที่ได้เอ่ยคำพูดที่ฟังดูเลิศหรูออกไปเมื่อไม่นานมานี่เอง แต่เขากลับพบว่านิ้วเรียวยาวของเขากลับจับแน่นอยู่ที่โซ่เส้นเล็กของกุญแจมือที่อยู่ระหว่างเขาและร่างบาง เพื่อจะค่อยๆ รั้งร่างของคนตัวเล็กให้เข้ามาใกล้มากกว่าเดิม โดยที่อีกฝ่ายไม่ได้รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ

คาเมะรู้สึกเหมือนตัวเองคงดูโง่เง่าที่ได้ยินจินพูดเช่นนั้น จึงได้เริ่มปกป้องตัวเองเล็กน้อย แต่กลายเป็นว่าเขากลับพูดโพล่งแสดงความหวั่นวิตกออกมา...เหมือนเป็นการเผยไปโดยไม่ได้รู้ตัวว่าที่จินพูดมานั้นถูกต้องแล้ว “เราไม่รู้ว่าตอนนี้เราอยู่ที่ไหน ถ้าจอห์นนี่ หรือมาสะ หรือว่าใครก็ตามที่มาเจอเราที่นี่เหมือนพวกกลุ่มคนลึกลับที่เกือบจะจับพวกเราได้เมื่อวาน.....ยังไงก็เถอะ ..นายอาจจะชินกับการที่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ แต่ชั้นไม่ ชั้นก็แค่....คนธรรมดา ชั้น...ชั้นไม่ชินกับเรื่องแบบนี้ ชั้นไม่รู้ว่าควรจะทำตัวยังไงดี เพราะว่าทุกครั้งที่ชั้นคิดว่าได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว....แต่ก็มักจะจบลงด้วยการที่ชั้นก่อเรื่องยุ่งยิ่งกว่าเดิมเสียทุกครั้ง”

“เงียบสิ อย่าเสียงดังนัก” จินพูดแหย่ มือข้างที่ไม่ได้ผูกติดกับคาเมะค่อยๆเลื่อนไปโอบรอบเอวบางในแบบที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี ร่างสูงเริ่มทำบางอย่างที่อาจจะกลายเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ เหตุการณ์ที่เขารู้ดีว่าคงไม่สามารถจะควบคุมมันได้แน่ “นายไม่อยากให้มีใครมาเจอเราไม่ใช่เหรอ?”

คาเมะพยายามเอามือทั้งสองข้างขืนไว้ที่อกกว้าง ซึ่งการกระทำเช่นนี้ก็เหมือนต้องยกมือของจินให้มาวางอยู่ระหว่างสองร่างไปด้วย “ดูท่าทางนายคงกำลังสนุกอยู่ล่ะสิ?” คนตัวเล็กถามขึ้นมา ฟังได้จากน้ำเสียงของคาเมะแล้ว จินบอกได้ทันที่ว่าคนที่กำลังตกอยู่ในอ้อมกอดหลวมๆของเขานั้นไม่รู้ว่าจะทำตัวอย่างไรในสถานการณ์ตรงหน้านี้ เพราะหนึ่งนาทีที่ผ่านมา จินเพิ่งจะพูดบอกในหลายๆเรื่องที่ฟังดูไม่เข้าท่าเลยสักนิด แต่เพียงไม่นานจินกลับมาพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงอีกแบบ

“ใช่แล้ว...ก็นิดหน่อยนะ..”ดูเหมือนร่างสูงจะยอมรับออกมาอย่างง่ายดายเหลือเกินในความคิดของคาเมะ จากนั้นร่างบางรับรู้ได้ถึงมือข้างหนึ่งที่กำลังลูบไล้อยู่รอบเอวบาง... ทำให้ต้องได้เผลอเปล่งเสียงครางออกมาเล็กน้อย มืออีกข้างของจินก็เลื่อนหลุดออกจากช่องว่างระหว่างร่าง ก่อนจะโลมไล้ไปยังส่วนที่คาเมะรู้สึกเหมือนว่าไม่เคยมีใครได้ล่วงล้ำมานานแสนนาน

เมื่อคนตัวเล็กหันกลับเพื่อหันหลังให้จินนั้น เขาสัมผัสได้ถึงส่วนที่แข็งปั๋งอยู่ภายในกางเกงของอีกฝ่าย จินไม่ต้องมองก็รู้ได้ทันทีว่า คาเมะกำลังตกตะลึงและส่งสายตาตรงมาให้เขาท่ามกลางความมืดมิด

“ก็ได้...ชั้นชอบมากเลยล่ะ” จินสารภาพออกมา รู้สึกได้ทันทีว่าร่างที่อยู่ตรงหน้าของเขากำลังตัวสั่นระริก...

“ชั้นไม่อยากจะเชื่อเลยว่าในสถานการณ์อย่างนี้นายจะคิดถึงเรื่องเซ็กส์ได้” คาเมะขู่ฟ่อๆ พยายามดึงตัวให้ออกห่างให้มากที่สุดเท่าที่อีกฝ่ายจะยอม...แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ห่างมากนัก “เรากำลังเจอปัญหากันอยู่ แล้วเราก็ไม่มีเวลาสำหรับเรื่องแบบนี้ อีกอย่างชั้นก็ไม่ใช่เด็กของเล่นของนายอีกต่อไปแล้ว อย่าคิดว่าจะ-“

“นายพูดถูก นายไม่ใช่สักหน่อย” จินพูดตัดบท ก่อนจะโน้มใบหน้าไปยังทิศทางที่ลมหายใจอุ่นๆรวยรินรดมา รอยยิ้มนิดๆผุดขึ้นบนใบหน้า จากนั้นร่างสูงจึงใช้มือข้างที่ว่างจับแขนบางอย่างแน่นหนา เป็นมือข้างเดียวกับที่เคยลูบไล้โลมเลียไปทุกส่วนเว้าส่วนโค้งของร่างเล็กบาง ทุกพื้นผิวทุกตารางนิ้วของร่างนี้เคยได้ประทับใจอยู่ในใจของเขามาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน “พวกเขาพูดกันว่าถ้าทำให้สาวๆเกิดกลัวขึ้นมาได้ล่ะก็ ..ก็จะมีโอกาสสูงในการที่จะได้แอ้มสาว ชั้นอยากจะลองทดสอบข้อสันนิษฐานข้อนี้กับอดีตเด็กของเล่นแสนสวยดูซะหน่อย...”

ร่างเล็กของคาเมะค่อยๆผ่อนคลายลงนิดๆ คนตัวเล็กถามกลับด้วยน้ำเสียงคมกริบ “อดีตเด็กของเล่น นี่หมายถึงหลายคนหรือเปล่า?”

“คนที่เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย..” จินพึมพำ “นายเป็นเด็กเนิร์ดเหรอเปล่า?”

“บางทีนายมันก็คือไอ้บ้าดีๆนี่เอง!” คาเมะตอกกลับ ..เดาได้จากท่าทีของอีกฝ่ายแล้วล่ะก็ จินรู้ได้ในทันทีว่าเขาเพิ่งจะหรือเกือบจะจู่โจมได้ถูกจุดแล้วนั่นเอง

“อืมมม ถ้างั้นนายก็เป็นเด็กที่เงียบที่สุดในห้องเรียน เด็กเนิร์ดที่ชอบเล่นกับคอมพิวเตอร์ เพราะมันเป็นการต่อต้านสังคมนั่นเอง” จินหัวเราะหึๆ “ชั้นก็คงเป็นนักศึกษาที่ชอบนั่งอยู่หลังสุดเลย...ถ้าชั้นจะโผล่ไปเรียนกับเขาบ้างล่ะนะ”

“โกงข้อสอบ ข่มขู่เพื่อนร่วมห้อง นี่ยังไม่รวมถึงว่าคงจะเข้าไปข่มขู่พวกอาจารย์ด้วยเลยแหล่ะ” คาเมะนึกเดา ตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าคนตัวเล็กเริ่มเล่นไปกับบทสนทนานี้ด้วยอย่างดี

“ชั้นต้องชอบที่จะเป็นรุ่นพี่นายแน่ๆ” จินบ่นอู้อี้ ก่อนจะลดเสียงลงเล็กน้อย ..

“โอ๊ะ ..จริงๆน่ะเหรอ?” คาเมะก็ไม่แน่ใจว่าเขาชอบน้ำเสียงเช่นนี้มากเท่าที่จินชอบหรือเปล่า

“จริงสิ ชั้นว่าชั้นต้องพัฒนาไอ้ความรู้สึกพิเศษให้กับพวกเด็กเนิร์ดได้อย่างเร็วเลยล่ะ” จินพูดเสริม

“ชั้นบอกให้นายรู้ไว้เลยนะ ว่าชั้นไม่เคยเป็นเด็กเนิร์ดอะไรนั่นซะหน่อย” คาเมะรีบชี้แจงอย่างเร็ว

“ทำเป็นปากแข็ง ไม่ยอมรับอยู่ล่ะสิ” จินหัวเราะหึๆ คาเมะก็ไม่แน่ใจว่าเขากำลังคิดจะตอบจินไปว่าอย่างไร เพราะอีกฝ่ายรีบขัดขึ้นมาด้วยการใช้มือข้างที่ว่างโอบรอบร่างเล็ก แล้วนำร่างของเขาให้เข้ามาใกล้ร่างสูงที่อยู่ตรงหน้า เขารู้สึกได้ทันทีว่าใบหน้าของจินนั้นอยู่ไม่ห่างจากเขามากนัก ลมหายใจอุ่นๆที่รินรดไล้ลงมาตั้งแต่ เส้นผม หน้าผากมน แก้ม ก่อนจะมาหยุดอยู่อยู่ที่เรียวปากบาง มันก็ดูน่าแปลกใจเหมือนกันที่สุดท้ายจินก็หาริมฝีปากเขาพบได้อย่างง่ายดายเหลือเกิน อีกฝ่ายไม่รอช้า...รีบจัดการประกบเรียวปากอิ่มของตนเข้ากับเรียวปากของเขาได้อย่างเหมาะเหม็งเลยทีเดียว

คาเมะตระหนักดีว่าในตอนนี้ตัวเขาค่อยๆถอยกลับไป..โดยที่มือทั้งสองข้างของจินไม่ได้ออกแรงให้ต้องถอยออกไปแต่ประการใด เมื่อได้รับการปรนนิบัติเช่นนี้จากจินอีกครั้งนั้น...ตัวเขาก็เหมือนว่าได้ถูกอีกฝ่ายเข้ามาครอบงำความรู้สึกไปโดยปริยาย คาเมะเขย่งปลายเท้าโน้มตัวไปด้านบนเพื่อที่จะได้ประกบจูบที่ดูดดื่มกับจินด้วยความเต็มใจ

มือข้างที่ใช้โอบรอบร่างบางเริ่มลูบไล้เล้าโลมต่ำลงมาจนถึงกระดูกไขสันหลัง ทำให้คนตัวเล็กเกิดความรู้สึกเสียวกระสันต์อยู่ภายใน ก่อนที่นิ้วเรียวที่ค่อนข้างจะว่องไวและชำนาญเหมือนจะค่อยๆดึงรั้งเสื้อผ้าที่ร่างบางสวมใส่ติดตัว ...เพราะอยากที่จะให้เสื้อผ้าอาภรณ์ที่ติดตัวร่างบางได้ร่วงหลุดจากร่างไปโดยเร็ว

“อยู่ในเทพนิยายของนายต่อไปอีกสักครู่แล้วกันนะ” คาเมะแทบจะไม่มีเวลาได้ตระหนักถึงข้อความที่ถูกกระซิบยังใบหู ก่อนที่ร่างทั้งร่างจะถูกเอนลงไปนอนอยู่บนพื้นอะไรสักอย่างที่นุ่มละมุม...มันไม่สำคัญนักหรอกว่าสิ่งนั้นมันคืออะไรกันแน่

มือของจินข้างที่ถูกติดกุญแจมือคลำจนพบมือบางท่ามกลางความมืด เรียวนิ้วของทั้งสองฝ่ายต่างก็สอดประสานกันอย่างแนบแน่น สายสร้อยที่ห้อยติดกับคอของจินได้แทรกผ่านร่มผ้าลงมาเพื่อเสียดสีกับอกของคาเมะในท่าที่พวกเขาทั้งสองนอนทับนัวเนียกันอยู่บนพื้นห้อง

คาเมะคิดถึงสิ่งนี้มาก....เขาคิดถึงมันมากเหลือเกิน หลังจากที่ต้องเผชิญสิ่งต่างๆมามากมายหลายอย่าง.. ความรู้สึกที่ว่าวิเศษก็คงไม่อาจจะมาเทียบกับความรู้สึกที่เขาได้รับในเวลานี้ได้ ...เมื่อรับรู้ว่าเขาไม่ใช่ฝ่ายเดียวที่ต้องทุกข์ทรมานใจ

“นายไม่รู้เลยว่ามันยากเย็นขนาดไหนที่ชั้นต้องข่มใจให้อยู่ห่างจากฝั่งเหนือ แล้วทุกครั้งที่นายมาหา..ชั้นต้องแกล้งทำท่าดูถูกดูหมิ่นนายแทนการที่จะอุ้มนายขึ้นมา” ร่างได้ยินน้ำเสียงครางในลำคอของอีกฝ่ายดังเสียดสีกับคอของเขา ริมฝีปากอิ่มเลื่อนลงต่ำจากลำคอระหงไล้ลงมาในเสื้อตัวบาง

“ชั้น...” คาเมะหายใจหอบเป็นคำตอบ “จะไม่ว่าอะไรเลยถ้านายอุ้มชั้นขึ้นมา...” ร่างบางอู้อี้พูดจนจบประโยคเมื่อริมฝีปากของจินได้ผละจากเสื้อตัวบาง ก่อนจะไล้ลงไปต่ำอีกครั้ง...เพื่อจูบไล้ละเลียดผ่านชั้นเสื้อผ้าที่ร่างบางสวมใส่

เมื่อจินละเลียดไล้ลงไปต่ำมากพอนั้น..คาเมะก็แอ่นตัวขึ้นต้านเรียวปากอิ่มที่บรรจงจูบลงมา ถ้านี่เป็นโลกแห่งเทพนิยายแล้วล่ะก็...เทพนิยายเรื่องนี้ก็คงจะเริ่มบ้าคลั่งไปแล้ว

“ในตอนนี้นายก็รู้ความจริงที่เกี่ยวกับชั้นแล้ว” จินหยุดการกระทำเพื่อจะกระซิบกระซาบคำหวาน “ชั้นต้องการนายมากเสียจนชั้นเกือบจะควบคุมตัวเองไม่ได้”

สิ่งเดียวที่คาเมะรู้แน่อย่างชัดเจนในตอนนี้ก็คือ การกระทำเช่นนี้ทำให้เขาต้องเสียวซ่านขึ้นมาทันที..เมื่อลมหายใจอุ่นๆของจินแทรกผ่านเข้าไปในกางเกง อีกทั้งคำพูดประโยคนั้นที่ทำให้คนตัวเล็กต้องหน้าแดงระเรื่อ ก่อนจะเปิดยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน

จู่ๆปาฏิหาริย์แห่งโลกเทพนิยายของพวกเขาก็พลันมลายหายไป..เมื่อได้ยินเสียงคลิ๊กแปลกๆดังลอดเข้ามา ตามด้วยการกระชากประตูเปิดอ้าออกกว้าง ช่วยนำพาแสงสว่างจากทางเดินภายนอกเข้ามาเติมเต็มห้องที่มืดสนิท...แล้วร่างของคนทั้งสี่ก็ปรากฏตัวขึ้นมา

“เรามาช่วยนายแล้ว~!!” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความปิติยินดีของจุนโนะ อุเอดะ โคคิ และยูอิจิ ดังก้องเข้ามาในห้อง สายตาของคนทั้งสี่มองจ้องไปยังกองผ้ายุ่งๆที่คาเมะและจินเป็นผู้ก่อ เพราะทั้งสองหนุ่มได้ลงไปนัวเนียกันอยู่บนพื้นห้อง โดยมีผ้าปูผืนใหญ่พันอยู่ที่ร่าง จินเองก็ดูจะเร็วในการพาตัวขึ้นไปอยู่ในระดับสายตาของคาเมะได้พอดี

“...ขอบใจ” น้ำเสียงของจินไม่ได้ฟังดูมีความสุขเหมือนที่ควรจะเป็น

“มีคนบอกว่าได้ยินเสียงกรีดร้องเสียงแหลมๆดังไปเมื่อครู่นี้เอง เราก็เลยพากันมาตรวจดูซะหน่อย...จากนั้นเราก็ได้ยินเสียงพูดคุยกัน” โคคิอธิบายพลางเอนตัวพิงอยู่หน้าประตูห้อง “เราคิดกันว่าคงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากพวกนายสองคน”

ร่างสูงถอดถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ก่อนจะเหลือบมองคาเมะเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อเขาสามารถมองเห็นเรียวตารีของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจนอีกครั้งในตอนนี้....ก็ยิ่งทำให้ไม่อยากจะผุดตัวลุกขึ้นยืนออกห่างมาเลย

“นี่นายเดินสะดุดล้มอยู่ในความมืด..ก็เลยดึงผ้าปูลงมา ..แล้วถูกผ้ามันพันเข้าไปหรือยังไง” ยูอิจิถาม เมื่อสังเกตมองดูทั้งสองหนุ่มที่ดูจะเยิ่นเย้อเวลาในการลุกขึ้นยืน

“พวกนายอยู่ในทางเดินมาตลอดเลยใช่ไหม?” อุเอดะถาม “มีผู้คุมวิ่งโซเซออกไปไม่นานหลังจากที่นายอุ้มคาเมะจังเข้าไปในทางเดินชั้นแรกแล้ว จากนั้นทุกคนในโรงอาหารก็เลยพากันวิ่งหนีไปหมด หมอนั่นพูดพล่ามอะไรสักอย่างเกี่ยวกับทางลับ เราก็เลยคว้าตัวหมอนั่นไปด้วยอย่างรวดเร็วเลยล่ะ”

“หลังจากที่นายเข้าไปแล้ว...พวกรุ่นพี่ V6ก็พากัน เข้าไปในทางเดินชั้นแรก พวกนั้นออกกันมาเร็วด้วยนะ คงจะสังเกตเห็นแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น” จุนโนะพูดเสริม

“พวก V6 เกือบจะจับชั้นกับคาเมะได้ตอนที่อยู่ต่อหน้าผู้คุมกับทางเดินลับที่เปิดออกมา” จินอธิบาย “เราก็เลยต้องวิ่งไปซ่อนที่ไหนสักแห่ง”

“ทำไมนายไม่วิ่งไปแอบอยู่ที่ห้องซอฟแวร์หรือไม่ก็ห้องอื่นล่ะ?” โคคิถาม

“ชั้นไม่ทันคิดนี่หว่า” เมื่อจินตอบออกมา เหล่าเพื่อนในแก๊งก็ทำท่าเหมือนอยากจะล้มลงไปนอนกองกันอยู่ที่พื้นเลยจริงๆ

“ว่าแต่ตอนอยู่ข้างในนั้นจินกลัวผีมากใช่ไหม?” เมื่อได้เดินนำจินและคาเมะออกจากห้อง เพื่อพาเข้าไปสู่ทางเดินที่มีแสงสว่างส่อง...ยูอิจิก็นึกอยากจะรู้ขึ้นมาทันที

“หุบปากไปเลย นายไม่รู้เหรอว่าพวกผีน่ะมีอยู่จริงๆนะโว้ย!” ร่างสูงรู้สึกเหมือนเขามีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่ต้องพูดแจงออกไปหน่อยว่าเขาเป็นคนกล้ามากที่สุดในการเดินทางผจญภัยในทางเดินที่มืดมิดครั้งนี้เลยเชียว

continue here ยังไม่จบคะ อ่านต่อตรงนี้คะ
Previous post Next post
Up