In His care 31 part 1

Oct 29, 2008 22:16


ต้องโทษจำคุกสองปีในเรือนจำของจอห์นนี่ ข้อหาแอบเข้าไปแฮคข้อมูลในเวบไซต์ของทางราชการ...ผู้ต้องหาเกือบจะถูกปล่อยตัวออกเพราะความประพฤติดีเมื่อจำคุกได้เพียงสิบแปดเดือนเท่านั้น แต่ก่อนหน้าที่จะถูกปล่อยตัวผู้ต้องหาได้ก่อเหตุไม่สงบ ด้วยการไปมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับผู้ต้องหาคนอื่น แล้วได้ทำการรับสารภาพผิดทั้งหมด กำหนดปล่อยตัวก่อนกำหนดจึงได้ถูกยกเลิก คาเมนาชิจึงต้องโทษจำคุกตามกำหนดเดิมเป็นเวลายี่สิบสี่เดือนเต็ม..

คาเมะไม่ควรจะยังอยู่ที่นี่เลย จินปิดแฟ้มนั้นลง ก่อนที่จะวางคืนกลับไปยังที่เดิมในลิ้นชัก “ชั้นอยู่ในคุกนี้มาสามปี ...แล้วในวันหนึ่งของเดือนสิงหา...นายก็มา”

ความรู้สึกเหมือนคนที่กำลังติดอยู่ในห้วงแห่งความหลังเข้ามาครอบคลุมจิน นับเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่จินได้ลดป้อมป้องกันตัวลงไปจนหมดต่อหน้าต่อตาร่างบางอีกครั้ง

“ฤดูร้อนถัดมา พวกเราก็ถูกจับหลังพวกคันจานิ 8” ร่างสูงพูดต่อ ก่อนจะอ่านเอกสารแผ่นอื่นไปเรื่อยๆ “นิวส์ก็ด้วย ชิเงะ ยูยะ และคุซาโนะก็อายุสิบแปดทั้งนั้น แต่นายต้องเข้าใจนะว่าหลังจากที่พวกรุ่นพี่ของเราถูกจับมาแล้ว พวกเราก็กลายเป็นเจ้าถิ่นครองถนนทุกสายของโตเกียว จอห์นนี่ก็ต้องหาทางขังพวกเราไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง มาสะอยากที่จะสะสางงานของเขาให้จบๆไป หมอนั่นไม่ยอมให้เรื่องอายุของพวกเรามาหยุดยั้งได้หรอก ..แต่หมอนั่นก็ไม่เข้าใจอยู่ดี ..ไม่ว่าจะจับพวกเรามาได้มากมายขนาดไหน ..ไม่สำคัญหรอกว่าจะขังคุกพวกเราอยู่ในนี้กี่ปี...ในข้อหาต่างๆที่หมอนั่นสรรหามาโทษพวกเรา ..แต่งานของหมอนั่นก็ไม่มีวันจะหมดไปได้ ยังไงก็จะมีพวกเราเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้พวกจูเนียร์ก็ยังเดินว่อนกันอยู่บนถนน รุ่นน้องของเรากำลังสร้างชื่อให้กับตัวเอง ยายาย่า และ เฮย์เซย์จั๊ม ก็จะกลายเป็นเหมือนภัยที่คอยคุกคามจอห์นนี่เป็นลำดับต่อไป”

“ที่จอห์นนี่ทำเรื่องพวกนี้ไป มันจะทำให้หมอนั่นจะถูกจับเองได้ไหม? ชั้นหมายถึงว่า...ถ้าเกิดมีใครสักคนมาเผยเรื่องที่จอห์นนี่ส่งพวกเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะให้ต้องมาจำคุกที่นี่ได้ล่ะ?”

“ใครจะกล้าไปต่อกรกับจอห์นนี่ล่ะ? มันถือเป็นการฆ่าตัวตายชัดๆเลยล่ะ แล้วใครจะยอมมาช่วยพวกเราให้เป็นอิสระล่ะ?” จินถาม “ตอนที่พวกนิวส์ขึ้นศาลน่ะ ก็เหมือนตกอยู่ในมือของจอห์นนี่แล้ว อุจี้ก็ด้วย แล้วก็รวมไปถึงนักโทษที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะพอขึ้นศาลเสร็จก็จะถูกถูกส่งมาที่นี่ พูดกันว่า..ในบางครั้งก็เหมือนว่าคุกของจอห์นนี่จะเป็นทั้งแบบเรือนจำและสถานกักกันเยาวชนอยู่รวมกันซะเลย หมอนั่นกำลังทำเรื่องขอสิทธิ์พิเศษแบบนั้นอยู่ด้วย จอห์นนี่ชอบให้นักโทษในคุกของตัวเองเด็กเข้าไว้ล่ะดี...” จินพูดเสริม ก่อนที่จะดึงเอาแฟ้มข้อมูลที่เขียนด้านหน้าไว้ว่า ‘จิมมี่ แม๊กกี้’ออกมา

ร่างบางมองกลับไปยังเอกสารที่ยังถือไว้กับมือ เรียวนิ้วบางลูบไล้อย่างแผ่วเบาบนรูปถ่ายของจินที่ถ่ายไว้นานเกือบห้าปี

“โอ๊ะ พระเจ้าช่วย...”

“มีอะไรเหรอ?”

“ชั้นก็รู้มาตลอดล่ะนะว่าจิมมี่ถูกจับด้วยข้อหาที่ชอบไปยุ่งกับเด็ก แต่ชั้นไม่คิดว่าหมอนั่นจะชอบเด็กที่เด็กซะขนาดนี้!” ร่างสูงพูดขึ้น เมื่อได้พลิกอ่านทุกหน้า “ยังเห็นมีรูปเด็กที่หมอนั่นเอาไปโพสต์ออนไลน์อยู่เลย...แต่นี่มันรูปพวกจูเนียร์เรานี่หว่า! ... จอห์นนี่คงจะเก็บรูปนี้เอาไว้ด้วยเหตุผลอื่นๆ..ไม่ได้เก็บเอาไว้เพราะเป็นหลักฐานอย่างเดียวซะล่ะมั้ง”

หัวหน้าแก๊ง AT-TUN กระแทกแฟ้มปิด ก่อนที่จะเอากลับไปวางข้างในลิ้นชักดังเดิม “ชั้นคงต้องคิดทวนมิตรภาพระหว่างชั้นกับจิมมี่แล้วล่ะ...”

“ระ เราจะไปกันได้ยัง?” คาเมะถามเมื่อเห็นจินรื้อแฟ้มอื่นๆ

“ไปสิ แต่อีกเดี๋ยว...” จินตอบกลับเหมือนบ่นพึมพำ ร่างบางก็พยายามดึงกุญแจมือที่ผูกติดกับจินอย่างเบามือที่สุด

“ได้โปรดเถอะ?”

“ชั้นว่าแล้วเชียว!” จินบ่นกับตัวเอง “แฟ้มของกัคคุโตะหายไปจริงๆด้วย ข่าวลือเรื่องนี้ก็เป็นความจริงน่ะสิ”

“อะ อคานิชิซัง?”

“พอจะหาแฟ้มของซึโยชิได้ไหมน้า...”

“อคานิชิ!” คาเมะกระซิบเสียงดัง สุดท้ายอีกฝ่ายก็หันกลับมามองร่างบางด้วยสีหน้าที่คาเมะอ่านไม่ออกในตอนแรก “...เอ่อท่านอคานิชิ?"

“อย่าเรียกชั้นว่าอคานิชิซัง เอ่อ ใช่ เรียกชั้นแบบนั้นตอนที่อยู่ต่อหน้าคนอื่น ก็แค่...เอ่อ นายก็รู้นี่ว่าชั้นหมายความว่ายังไง”

“ไม่รู้ ชั้นไม่รู้หรอก จะให้เรียกแบบไหนล่ะ? อคานิชิหรือว่าจิน?” ร่างบางถาม

“เรียกจิน ตอนที่อยู่กับชั้นและเพื่อนๆของชั้นตามลำพัง ...แต่เราก็คงไม่ได้อยู่กันตามลำพังแบบนี้อีกหรอก เพราะหลังจากนี้เราจะเจอกันอีกไม่ได้แล้ว ..เรียกอคานิชิตอนที่อยู่ต่อหน้าคนอื่นๆแล้วกัน” จินพูดให้ชัดเจน

“ได้โปรดเถอะ ไปกันได้แล้วนะ อคานิชิ จิน”

“ใจเย็นน่า”

“ไม่ ชั้นจะไม่ใจเย็นแล้ว” คาเมะขู่ฟ่อๆ “นายเป็นคนบอกเองนี่น่าว่าถ้าเราอยากจะออกจากที่นี่ไปอย่างเร็วที่สุด เราก็ควรจะเคลื่อนตัวไปเร็วๆด้วย ถ้ายังงั้นแล้วเราก็ไม่ควรจะมาเสียเวลาที่นี่”

“ก็ใช่ แต่แผนนั่นมันล้มเหลวไปแล้วนี่” ร่างสูงตอบพลางมองไปรอบๆอีกครั้ง คนตัวเล็กก็ให้รู้สึกท้อแท้ยิ่งนัก รอยยิ้มนิดๆผุดขึ้นบนเรียวปากอวบอิ่ม...ก่อนจะตามด้วยการที่จินโน้มตัวเข้าไปหาคาเมะ เหมือนกำลังกักขังร่างบางให้ตัวติดอยู่กับโต๊ะทำงาน “อย่าห่วงไปเลยน้า ไม่มีใครไล่ตามพวกเรามาหรอก เราอยู่ที่นี่กันตามลำพัง...ส่วนจอห์นนี่เอง ตอนนี้ก็คงจะเดินร่อนอยู่ในทางลับนั่นหรือไม่ก็กำลังออนไลน์หารูปโป๊ของพวกเด็กๆ-“

“ไม่เห็นจะตลกเลยนะ” คาเมะขัดขึ้นพร้อมกับออกแรงดึงที่ข้อมืออีกครั้ง เพื่อเป็นการบอกจุดประสงค์ของตัวเอง

“ก็ถ้านายทำเสียงดังมาก หมอนั่นก็อาจจะเข้ามาได้น้า”

“จิน!” ร่างบางทำเสียงขู่ฟ่อๆออกมาอีกครั้ง "เราจะไปกันได้หรือยัง?” คาเมะพูดเสริม เกือบจะต้องอ้อนวอนออกไปเลยทีเดียว ..เมื่อเห็นจินเอาแต่โน้มตัวลงมาข้างหน้าเรื่อยๆ ทำให้คนตัวเล็กจำต้องนั่งอยู่บนโต๊ะทำงาน ร่างบางเริ่มรู้สึกจะอยู่ไม่สุขนัก เมื่อเห็นจินเริ่มจะปัดแฟ้มต่างๆลงไปกองอยู่ที่พื้น เพื่อให้มีพื้นที่ว่างบนโต๊ะทำงาน

“ชั้นเพิ่งจะคิดได้ว่า...ชั้นไม่เคยมีเซ็กส์บนโต๊ะทำงานของหมอนี่มาก่อนด้วยสิ...” จินพูดด้วยน้ำเสียงเย้าแหย่

“อะไรนะ?” คาเมะถาม เริ่มไม่แน่ใจว่าที่ได้ยินมาถูกต้องแล้ว ร่างสูงก็ยักไหล่ออกมาด้วยท่าทีไม่ยี่หระ

“บุกเข้ามาในที่ต่างๆ แบบนี้มักจะทำให้ชั้นเกิดอารมณ์ด้วยสิ~” จินพูดต่อ แต่คาเมะก็รีบดึงตัวออกห่างให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้

“ถ้างั้นนายก็บุกเข้ามาคราวหน้าแล้วเอาเด็กของเล่นคนใหม่ของนายมาด้วยแล้วกัน” คนตัวเล็กตอบกลับด้วยไหวพริบ..แต่ติดจะขมขื่นอยู่นิดๆ “ชั้นไม่ใช่เด็กของนายอีกต่อไป...นายตัดสินใจในเรื่องของชั้นไปแล้วด้วย”

“นั่นมันไม่ยุติธรรมเลย...นายก็รู้ว่าชั้นไม่อยากจะปล่อยนายไปซะหน่อย” ร่างสูงบ่นพึมพำ ..เห็นได้ชัดว่าจินดูจะผิดหวังอยู่มากกับผลลัพธ์ที่ได้รับจากการที่อุตส่าห์ไปยั่วยวนอีกฝ่าย...

คาเมะไม่ได้ตอบคำใดทั้งสิ้น ...ร่างบางทำเพียงแค่จ้องจินกลับไปด้วยทีท่ากล่าวหาอยู่นิดๆ ...ท้ายสุดแล้วจินก็จำต้องถอยออกไปพร้อมกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

“มีอีกที่ที่ชั้นอยากจะไปดูสักหน่อย” อีกฝ่ายพูดแนะขึ้นก่อนจะดึงร่างบางให้ตามมา

“พวกเราจะไปที่ไหน-“ คาเมะถาม จินได้ยกมือขึ้นทับบนเรียวปากบางเพื่อบอกให้อีกฝ่ายเงียบ ร่างสูงค่อยๆเปิดล๊อคประตูห้องออกอย่างช้าๆ ก่อนจะชะโงกหัวออกไปมองตามทางเดินที่ว่างเปล่า

“ทางสะดวก” จินกระซิบบอก แล้วแอบเข้าไปในห้องทำงานที่อยู่ตรงข้ามกับห้องทำงานของจอห์นนี่

“นายจะเปิดประตูได้ยังไงล่ะ?” คาเมะไม่มีเวลาแม้แต่จะกระซิบถาม...เพราะอีกฝ่ายได้ใช้ข้อศอกกระทุ้งเข้าที่มุมหน้าต่าง เมื่อกระจกหน้าต่างแตกแล้ว ชายหนุ่มจึงใช้ด้ามกระบอกปืนทุบเข้าไปที่รอยแตก เพื่อที่จะสามารถสอดมือเข้าไปในรอยแตกนั้นแล้วเปิดประตูออกมาจากด้านใน “พระเจ้าช่วย พวกเขาจะต้องรู้แน่ๆว่าเราอยู่ที่นี่!”

ร่างสูงดึงคนตัวเล็กให้เข้ามาด้านใน ก่อนที่จะปิดประตูตามหลัง

“เราอยู่ในคุกกันอยู่แล้ว ..ยังไงก็ทำอะไรเรามากกว่านี้ไม่ได้หรอก” หัวหน้าแก๊งพูดพลางยักไหล่ และสาวเท้าเดินไปยังส่วนของออฟฟิศเล็กๆที่มีกองเอกสารและแฟ้มเอกสารอยู่มากมาย..เยื้องไปก็คือโต๊ะทำงาน และเก้าอี้สองตัววางอยู่ข้างๆ

“เจอของดีแล้ว” จินพึมพำเมื่อมาหยุดยืนอยู่หน้าแล๊ปท๊อป ตามด้วยการเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ขึ้น

“นายจะทำอะไรน่ะ?” คาเมะถามขึ้นเมื่อเห็นอีกฝ่ายซอกแซกดูทุกอย่างที่สามารถจะหาได้ในคอมพิวเตอร์

“บ้าเอ๊ย ไม่เห็นมีอะไรน่าสนเลย” ร่างสูงบ่นอู้อี้

“จิน ได้โปรดเถอะ ชั้นทั้งเหนื่อยและก็หิว อีกอย่างชั้นไม่ชอบที่นี่เลยสักนิด เราน่าจะหาทางกลับไปที่-“ ร่างบางเอ่ยปากขอร้อง “จิน ได้โปรดเถอะ ไปกันได้แล้วนะ”

“อย่าห่วงไปเลยน่า มาสะจังไม่อยู่นี่หรอก หมอนั่นไม่กล้าจะมาที่คุกนี่บ่อยนักหรอก เพราะรู้ว่ากัคคุโตะอยู่ที่คุกนี้” จินตอบ

“จิน-“

“ชั้นอยากจะดูพวกหลักฐานต่างๆที่หมอนี่เก็บเอาไว้สักหน่อย” ร่างสูงตอบพลางกดเข้าไปดูในไฟล์ต่างๆ แต่ก็ต้องเจอกับคำเตือนจากเครื่องที่บอกให้ป้อนพาสเวิร์ด

“หมอนั่นยังหาหลักฐานเรื่องของนายอยู่เหรอ? นายก็ถูกจับมาขังที่นี่แล้วนี่น่า” คาเมะถาม

“อืม แต่ติดคุกอยู่ห้าปีมันคงน้อยเกินไปสำหรับสิ่งที่พวกเราทำน่ะสิ ตอนนั้นชั้นไม่ยอมที่จะให้หมอนั่นจับพวกเรามาขังอยู่เป็นเวลานาน..มาสะจังเองก็อยากจะจับพวกนิวส์ให้ได้ก็เลยต้องยอมทำตามที่เราบอกไป คงคิดว่าเอาไว้ว่าจับพวกเรามาขังไว้สักห้าปี เพื่อเป็นการซื้อเวลาที่จะได้ออกไปหาหลักฐานต่างๆมามัดพวกเราให้ต้องอยู่ที่คุกนี้ตลอดไป ...แต่ตอนนี้เวลาของหมอนั่นก็ใกล้จะหมดลงแล้ว พวกตำรวจไม่รู้แม้แต่ครึ่งหนึ่งที่พวกเราเคยได้ทำในอดีต..” จินตอบ “เอ่อนี่ นายพอจะรู้วิธีเจาะเข้าไปดูข้อมูลในนี้ได้ไหม?”

“ถ้าพาสเวิร์ด ชั้นพอลองได้...” คาเมะตอบ ...ร่างสูงเหลือบมองคนตัวเล็กอยู่แวบหนึ่ง ก่อนที่จะปิดแล๊ปท๊อปลงไปอย่างทันทีทันใด

“ไม่เป็นไรหรอก มันคงไม่มีอะไรในนี้อยู่แล้ว หมอนั่นคงไม่โง่พอที่จะเก็บพวกหลักฐานต่างๆไว้ในคุก ในที่ๆพวกเราคนใดคนหนึ่งอาจจะมีโอกาสเข้ามาขโมยไปได้หรอก” จินพูดพลางถอนหายใจมาออกมาเฮือกหนึ่ง ....เขาไม่อยากจะให้คนตัวเล็กต้องมาข้องเกี่ยวกับเรื่องที่ผิดกฎหมายพวกนี้...ไม่อยากให้ต้องเกี่ยวไปมากกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้แล้ว

“ถ้ามันสำคัญกับนาย ชั้นก็พอจะลองได้...”

“ไม่หรอก ไม่เป็นไร” ร่างสูงตอบให้อีกฝ่ายมั่นใจ “มาสะจังคงไม่โง่ขนาดนั้นหรอก”

“ถะ ถ้างั้นก็ได้...” ร่างบางพึมพำตอบ ก่อนจะเหลือบขึ้นมองจินด้วยความกระวนกะวายใจอีกครั้ง “ถ้าอย่างงั้นก็หมายความว่า..เราไปกันได้แล้วสิ”

“ใช่ ใช่แล้ว...แต่ให้ชั้นดูนี่หน่อย..”

ร่างบางต้องนึกแปลกใจเมื่อเห็นจินหันไปกระชากเปิดลิ้นชักมาแทน แล้วเริ่มค้นของที่อยู่ในนั้น “นี่ไง ชั้นคิดว่ามันยังกินได้นะ”

“อะไรนี่?” คาเมะถาม เหลือบมองยังแท่ง Lotte Crunky ที่ถืออยู่ในมือ

“นายว่ามันเหมือนอะไรล่ะ? ก็ช๊อตโกแล๊ตยังไงล่ะ” จินตอบยิ้มๆ “นายบอกว่าหิวไม่ใช่เหรอ ชั้นคิดเดาเอาว่ามาสะคงจะเก็บพวกของกินบางอย่างเอาไว้ เพื่อกินเพิ่มพลังประทังหิว เผื่อตอนที่ถูกเรียกฉุกเฉินแล้วต้องอยู่ทำงานซะจนดึกดื่น”

จินแอบหยิบคลิปหนีบกระดาษออกมาจากในลิ้นชักเดียวกันเพื่อใช้เป็นอุปกรณ์ช่วยอะไรสักอย่าง...จากนั้นคนตัวเล็กได้ถูกดึงเข้าไปหาตู้เก็บของที่สร้างแนบติดฝาผนัง...ร่างสูงเริ่มตรวจตราตู้แล้วตู้เล่า...คาเมะกำลังจะเอ่ยปากถามว่ามีอะไรที่เขาพอจะช่วยได้ไหม ...แต่จินก็สามารถทำให้ผนังห้องเปิดออกมาได้เสียก่อน

“อ่ะฮ้า ว่าแล้วเชียวว่าหมอนี่ต้องมีทางลับกับเขาด้วย!” จินยิ้มย่องด้วยชัยชนะ

“เราจะกลับเข้าไปในทางเดินอีกเหรอ?” คาเมะถามด้วยความกลัวนิดๆ

“จะให้ไปไหนได้ล่ะ? เดินออกไปทางเดินหลักนั่นเลยเหรอ?” ร่างสูงพูดชี้แจง..อีกฝ่ายก็ออกอาการลังเลอยู่ชั่วขณะ ก่อนที่จะปล่อยให้จินพาเขากลับเข้าไปในทางเดินลับที่แสนจะมืดสนิท พวกเขาเดินลงไปตามทางขั้นบันไดที่ดูเหมือนจะทอดยาวลงไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เพียงไม่นานพื้นที่ได้เหยียบลงไปก็ดูจะมั่นคงมากพอที่จะเหยียบลงไปได้...เมื่อได้เดินลึกเข้าไป พวกเขาก็พบกับห้องขังหลายห้องที่แอบซ่อนอยู่ตามสองข้างทาง

พวกเขารู้สึกเหนื่อยขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เพราะในระหว่างที่เดินไปก็ต้องหยุดไขล๊อคลูกกรงไปตามทาง..แต่เพราะมีอุปกรณ์ช่วยอันใหม่จึงทำให้การไขล๊อคในครั้งนี้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ...เมื่อเดินมาได้ระยะหนึ่ง พวกเขาก็พบกับทางแยก บริเวณรอบตัวก็มืดสนิท แถมยังเงียบสงัดอีกด้วย

จินเหลือบมองทางแยกอยู่ไปมา “จอห์นนี่กับมาสะจังรู้ได้ไงว่าต้องไปทางไหนว่ะเนี่ย?” ร่างสูงบ่นพลางหายใจหอบ

“เราหลงทางเหรอ?” คาเมะกล้าที่จะกระซิบถาม...เมื่อเห็นจินยังคงมึนงง

“ไม่ ไม่หลงแน่ ชั้นรู้ว่าพวกเราอยู่ที่ไหน...” จินตอบทันทีทันใด ...ไม่ค่อยจะดูเหมือนกับว่าเป็นการแก้ตัวเลยสักนิด ..ก่อนที่ร่างสูงจะมองไปรอบด้านอย่างสิ้นหวัง “โอเค ..เราหลงแล้วล่ะ”

“บางทีเราน่าจะย้อนกลับไปทางเดิม...”

“ตอนนี้จอห์นนี่ก็คงจะกลับเข้าไปที่ห้องทำงาน...แล้วการที่จะเดินเข้าไปอีกทางเดินที่มีพวกนักโทษเดินว่อนอยู่ด้วย...ก็ดูจะไม่ใช่ทางเลือกที่ดีแน่” จินตอบ “ได้แต่หวังว่าเราได้มาอยู่อีกพื้นที่อื่นแล้วกันนะ”

“ถ้าอย่างนั้น เราจะไปทางไหนดีล่ะ?” คาเมะถาม

หัว ก้อย ซ้าย ขวา หน้า หลัง.........อืมมม

“ทางนี้” ร่างสูงตอบหลังจากที่นิ่งไปครู่หนึ่ง

“นายแน่ใจเหรอ?” ร่างบางถามเมื่อมองไปตามทางที่จินเดินนำเข้าไป

“มากเลยล่ะ” อีกฝ่ายพูดขึ้น “ไปเถอะน่า แค่จำว่าเราเลี้ยวไปทางไหนบ้างก็แล้วกัน เผื่อว่าเดินไปเจอทางที่มันดูท่าไม่ค่อยดีเท่าไหร่..จะได้เดินย้อนกลับมาได้”

พูดอย่างไรก็ง่ายกว่าทำอยู่แล้ว... หลังจากที่รู้สึกเหมือนเดินมาได้สักหนึ่งชั่วโมงถัดมา..บางทีก็อาจจะเป็นสักชั่วโมงมาแล้วจริงๆ..จินก็เริ่มหลงแล้วว่าทางไหนที่พวกเขาได้ผ่านมาแล้ว หรือว่าทางไหนที่ยังไม่ได้ผ่านไปบ้าง อย่างน้อยที่พอจะบอกได้ก็คือ....ประตูลูกกรงต่างๆที่อยู่ตามรายทางยังคงปิดล๊อคไว้..ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า...ข้อเอ พวกเขายังไม่ได้เดินผ่านเข้าไปในทางเดียวกับพวกนักโทษคนอื่น หรือข้อบี พวกนักโทษคนอื่นไม่ได้อยู่ที่ทางลับนี้อีกแล้ว ..บางทีพวกเขาเองก็ควรจะปิดล๊อคประตูตามหลังในระหว่างที่เดินไปด้วย...แต่ในเวลาอย่างนี้...มันก็ดูจะไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไหร่

เมื่อจินกำลังพยายามไขล๊อคประตูที่เหมือนจะดูแปลกตาออกไป...จินก็หวังให้เป็นข้อบีก็น่าจะดี พวกเขาได้เดินมาจบลงในที่ๆคงมีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าเป็นที่ไหน แต่อย่างน้อย... ประตูลูกกรงอันนี้ก็ดูจะปิดไว้อย่างแน่นหนา ..แล้วก็ไม่ได้ประกอบไปด้วยลูกกรงโปร่งๆเหมือนที่ผ่านมา ถ้าอย่างนั้นก็น่าจะหมายถึงว่าพวกเขาได้มาเจอทางเข้าหรือไม่ก็ทางออก..มันต้องเป็นทางไหนสักทางแน่

“ไอ้ทางเดินห่วยแตก” จินสบถ จัดการหมุนคลิปหนีบกระดาษที่อยู่ในมือ ..ตอนนี้เขาก็เหลือคลิปกระดาษอยู่แค่อันเดียวเท่านั้น เพราะอันอื่นๆได้หักเลยถูกเขวิ้ยงทิ้งไประหว่างทางแล้ว

“เรื่องแบบนี้มันคงไม่เกิดขึ้นหรอกถ้านายให้ชั้นพานายไปที่ฝั่งตะวันตกซะ” จินคร่ำครวญ คาเมะก็รู้สึกเหมือนถูกกล่าวหาอยู่ในที ...ถึงจะเดาได้ว่ามันน่าจะจริงก็เถอะ

“ถ้านายบอกมาแต่แรก เราก็คงไม่ต้องมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่ต้นแล้ว” ร่างบางกล่าวปกป้องตนเอง จินเองก็ดูแปลกใจที่ได้ยินคาเมะพูดย้อนเข้าใส่

ร่างสูงหมุนคลิปกระดาษเพื่อสอดเข้ารูไปด้วยความมุ่งมั่น “ถ้านายแค่ทำตามที่ชั้นบอก เราก็ไม่จำเป็นต้องบอกนายว่าเกิด-.....อะไรขึ้นนี่น่า~” จินพูดค้างอยู่อย่างนั้น เมื่อจู่ๆงานที่อยู่ตรงหน้าก็กลับสำเร็จขึ้นมาอย่างไม่ทันได้คาดคิด ประตูห้องได้เปิดอ้าออกมา คนตัวเล็กก็ถูกดึงตามเข้ามาอย่างรวดเร็ว....ก่อนจะสะดุดล้มลงไปในห้องที่มืดสนิท...มืดมากกว่าทางเดินที่เพิ่งจะผ่านมาเสียอีก ทั้งสองหนุ่มยันตัวลุกขึ้นยืนบนเท้า เอื้อมมือออกไปเพื่อจะสัมผัสกับบางสิ่งบางอย่าง หรืออะไรสักอย่าง แต่สิ่งเดียวที่พวกเขารับรู้ได้ก็คือกันและกัน...และอากาศที่อยู่รอบข้างเท่านั้นเอง

“พวกเราอยู่ไหนกันนี่-“ จินดูจะไวในการที่จะหาคนตัวเล็กเพื่อทำให้อีกฝ่ายเงียบเสียง จินรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่อ่อนนุ่ม ที่เหมือนจะห้อยลงมาจากเพดานห้อง สิ่งนั้นได้พันตัวพวกเขาเอาไว้ มันเหมือนพวกผ้าสักหลาดหรือไม่ก็ผ้าปูอะไรสักอย่าง

ร่างสูงรีบแกะชิ้นส่วนผ้าให้หลุดจากร่างของพวกเขา ก่อนจะตามด้วยการโยนลงไปกองอยู่ที่พื้น ..จินเดินสะดุดห่างออกไป...แล้วสัมผัสกับผนังห้อง ก่อนจะถลาลงไปที่พื้น ...ทำให้ร่างทั้งสองต้องทับกันอยู่ไปมา แต่หูก็ยังคอยเงี่ยหูฟังว่าพวกเขาจะได้ยินเสียงเคลื่อนไหวของอะไรบ้างไหม

“บ้าเอ๊ย” จินทำเสียงฟ่อๆอยู่ข้างใบหูของอีกฝ่าย ..หลังจากที่ความเงียบสงัดได้เข้ามาปกคลุมทั่งทั้งห้อง “ชั้นบอกแล้วว่าห้ามเปิดปากพูดอะไรออกมา ใครจะรู้ล่ะว่าตอนนี้พวกเราอยู่ที่ไหนกัน”

“ขะ ขอโทษ” คาเมะพูดอู้อี้จากใต้ฝ่ามือของจิน รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายค่อยๆเลื่อนมือออกไป

พวกเขาเดินสะเปะสะปะไปยังประตูที่เปิดอ้า แล้วจัดการปิดงับลงทันที การทำเช่นนี้เหมือนทำให้รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาบ้าง เพราะอย่างน้อยเสียงที่พวกเขาพูดขึ้นก็คงจะไม่ดังลอดเข้าไปในทางเดินแน่

“ลองหาพวกสวิตช์ไฟหรือประตูอะไรสักอย่างนะ” ร่างสูงกระซิบบอกเมื่อพวกเขาเริ่มใช้มือคลำไปทั่วผนังห้อง

“นายว่ามันจะเป็นความคิดที่ดีเหรอ ถ้าเราจะเปิดไฟน่ะ? ถ้าถูกพวกผู้คุมมาเจอเข้าล่ะ?” คาเมะกระซิบกลับ

“ชั้นรู้ แต่ตอนนี้พวกเราไม่รู้เลยว่าอยู่ที่ไหนกัน เราเลยต้องรู้ให้ได้เร็วที่สุดว่าตอนนี้อยู่ที่ไหนกัน จากนั้นค่อยดูว่าจะไปทางไหนต่อ” จินตอบพลางคลำหาต่อไป

สายตาของพวกเขาเริ่มปรับเข้ากับความมืดที่อยู่รอบข้างอย่างช้าๆ จินไม่แน่ใจว่าเขาเห็นอะไรไปเองหรือเปล่า เพราะเขาเหมือนจะเห็นว่ามีผ้าปูแปลกๆห้อยลงมาจากเพดานห้อง

“ชั้น ชั้นคิดว่านี่คงจะเป็นพวกเครื่องจักรอะไรสักอย่าง...” ร่างบางตอบ ..อีกฝ่ายก็รีบคลำมือลงไปตามแขนของร่างบาง เพื่อไปสัมผัสยังสิ่งที่คาเมะจับอยู่

“ใช่แล้วล่ะ อย่าไปกดปุ่มอะไรเข้าล่ะ เพราะเดี๋ยวมันจะส่งเสียงขึ้นมาได้ ..ตอนนี้พวกเราคงอยู่ใกล้ที่ๆพวกผู้คุมอยู่เป็นแน่” ร่างสูงพูดแนะ จากนั้นจึงช่วยกันคลำหาอยู่ในความมืด

คาเมะยอมรับว่าเขาเองก็ชอบที่จะได้ใช้เวลาอยู่กับจินอีกครั้ง แต่สถานการณ์ตรงหน้าเริ่มจะทำให้ต้องรู้สึกสติแตกแล้วสิ ร่างบางไม่รู้ว่าจะทนได้อีกนานเท่าไหร่..ถึงจะสติแตกขึ้นมาจริงๆ.... พวกเขาได้วิ่งว่อนไปมาอยู่รอบๆ...ไม่รู้ว่าได้มาวิ่งอยู่แบบนี้เป็นเวลานานเท่าไรแล้ว ...เขาเริ่มรู้สึกหิวโหย สิ่งเดียวที่พอมีกินประทังหิวเมื่อชั่วโมงที่แล้วก็คือแท่งช๊อตโกแล๊ต Lotte Crunky ที่คาเมะยืนยันจะแบ่งกับจินอย่างเท่าเทียมที่สุด

เรื่องมันจะไม่จบลงไปได้อย่างสวยงามแน่ พวกเขาคงไม่สามารถออกไปได้แน่ๆ

“ชั้นก็ไม่ได้ชอบและสนุกกับการที่จะไล่นายไปทุกครั้งที่นายเข้ามาหาและเริ่มถามคำถามอะไรนั่นหรอกนะ” จู่ๆจินก็กระซิบถ้อยคำบางอย่าง คาเมะหันไปตามทางที่เดาเอาว่าอีกฝ่ายยืนอยู่ ท่ามกลางความมืดมิดเช่นนี้ร่างบางคิดว่าได้เห็นจินเหลือบมองมาที่เขาอยู่แวบเดียว ก่อนที่จะพูดต่อ “จากนี้ก็ต้องขอให้นายอย่าทำแบบนั้นอีก”

“ชั้นจะไม่ทำอย่างนั้นอีกแน่ หลังจากนี้ชั้นจะอยู่ให้ห่างจากนายเลย” คาเมะตอบอย่างเรียบๆ เมื่อพวกเขาได้เดินลึกเข้าไปในห้อง คำตอบที่ได้รับคล้ายจะทำให้จินหงุดหงิดในใจนิดๆ เหมือนเขาจะแอบหวังที่จะได้บอกคาเมะไปมากกว่านั้น ...แล้วก็แอบหวังว่าอีกฝ่ายจะยืนกรานปฏิเสธที่จะยอมอยู่ให้ห่างเขา...ในเมื่อตอนนี้คนตัวเล็กก็ได้รู้ความจริงแล้ว ...เขาก็หวังว่าคาเมะจะค้าน และอยากจะกลับมาหาเขาอีก หรือไม่ก็ทำอะไรสักอย่าง

ชายหนุ่มกระแอมไอนิดๆ “งั้นก็ดีแล้ว ได้ยินแบบนี้ก็ดี มันก็จะทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้นมาบ้าง...”

ชั่วระยะเวลาหนึ่งผ่านพ้นไป...หรืออย่างน้อยก็ชั่วเวลาหนึ่งผ่านไปในความคิดของจิน....ในความมืดที่ทำให้รู้สึกกระอักกระอ่วนใจเช่นนี้ ...ร่างสูงครุ่นคิดว่าจะเอ่ยคำใดต่อไปดี

“ชั้นไม่อยากปล่อยให้นายไปสักหน่อย” สุดท้ายจินก็ตอบมา

“นายบอกชั้นแล้วเมื่อคืนนี้..”

“ชั้นไม่ได้แตะทาจิบานะ เคย์ตะด้วย...ก็เอ่อ..ชั้นไม่ได้นอนกับหมอนั่นเลย” จินพูดเสริม เขาอยากจะลดบรรยากาศที่ตึงเครียดนี้ลงบ้าง

“ชั้นรู้ ชั้นพอเดาได้” คาเมะตอบ จินเองก็ดูจะหงุดหงิดใจอีกรอบที่ไม่สามารถจะบอกได้ว่าอีกฝ่ายพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแบบไหน

“สิ่งที่ชั้นเคยพูดไปทุกอย่าง...ชั้นไม่ได้หมายความอย่างที่พูดออกไปเลยนะ”

“นายไม่ต้องมาอธิบายตัวเองกับชั้นหรอก ..นายไม่เคยต้องทำอยู่แล้ว” เมื่อร่างบางตอบออกมา จินก็รู้สึกเหมือนตัวเองได้ตกเป็นเป้าขึ้นมาทันที “ถ้านายต้องการอะไรจากชั้น ก็แค่บอกออกมา..ชั้นก็แค่หวังว่า...นายจะสามารถบอกทุกอย่างกับชั้นได้ตลอดเวลา...”

ร่างสูงถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง “ชั้นกลัวว่าถ้านายได้รู้ความจริงแล้ว นายจะทำท่ายังไงน่ะสิ โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับครอบครัวของนาย..มันดูโหดร้ายเกินไป”

“ชั้นเองก็รู้สึกขอบคุณในทุกสิ่งทุกอย่างที่นายทำเพื่อชั้น”

“แต่?” จินถาม “ทำยอมแพ้แบบนี้....มันเหมือนไม่ใช่นายเลยนะ”

“จู่ๆนายก็ไม่อยากให้ชั้นยอมแพ้เลิกหวังไปเหรอ?”

“ชั้นคิดว่า...ชั้นคงจะคิดถึงนายน่ะเอง” ร่างสูงตอบ ก่อนที่จะพูดเสริมไปอีกว่า “และคิดถึงตอนที่นายชอบทำตัวดื้อดึงด้วย...”

“ชั้นรู้ว่าชั้นมันก็แค่ตัวตลกที่คอยวิ่งอยู่ไปมา”

“ชั้นไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นสักหน่อย” จินขัดขึ้น และเมื่อไม่ได้คำตอบจินจึงเอ่ยคำพูดต่อพร้อมกับทำน้ำเสียงให้เหมือนเฉยชากับอีกฝ่ายให้มากที่สุด “ชั้นคิดถึงนาย”

continue here ยังไม่จบคะ อ่านต่อตรงนี้คะ
Previous post Next post
Up