Title: In his Care
Author:
blue_orbsTranslated and wrote in Thai by daniellove& windzephyr
Pairing: Akame
Rating: NC-17
Disclaimer:The plot belongs to
blue_orbs darling
Summary: For this chapter N/A
Thanks รียา อารียา
reeya-areeya to be my lovely
beta ,how could I survive without YOU *kisses*
Special thanks to ก้อย
jk_no_koi Chapter 31
คาเมะเผยอเปลือกตาขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงไขล๊อคประตูห้อง ที่ตามด้วยเสียงเปิดประตูจากที่ตรงไหนสักแห่งท่ามกลางความมืดสนิท ปกติแล้วถ้าใครต้องมาติดอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ....แรกเริ่มก็คงจะเกิดอาการสับสนงุนงงอยู่เล็กน้อยว่าตอนนี้ได้มาติดอยู่ที่ไหนกันแน่ แต่ความรู้สึกตื่นตระหนกก็เข้ามารุมเร้าคาเมะเสียก่อนที่จะได้ฉุกคิดในเรื่องสถานที่เสียอีก
...นี่เขาเผลอหลับไปหรอกเหรอ! มีคนอื่นอยู่ข้างในทางลับแล้วด้วย! พวกเขาพลาดโอกาสที่จะได้ออกไปข้างนอกกันแล้ว..แล้วนั่นก็เป็นความผิดของเขาทั้งหมดเลย!
เมื่อร่างบางเปิดปากที่จะเรียกชื่อจินออกมาอย่างเบาเสียงที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขาก็สังเกตเห็นว่าฝ่ายที่กำลังคร่อมร่างเขาอยู่นั้นได้ตื่นนอนเรียบร้อยแล้ว.. จินกำลังเพ่งมองออกไปตามต้นเสียงด้วยสีหน้าท่าทางที่ดูจะแปลกใจพอๆกัน
คาเมะพยายามที่จะสงบจิตสงบใจให้ได้มากที่สุดจากตรงที่นอนอยู่บนเตียงใต้ร่างของอีกฝ่าย....ว่าแต่..ทำไมเขาถึงได้มาล้มเอนตัวนอนแบบนี้ได้? ..ก่อนหน้าที่จะเผลอหลับไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้..เขาก็เพิ่งจะครึ่งนั่งครึ่งพิงผนังห้องมาไม่ใช่เหรอ ...ถ้าอย่างนั้นก็เป็นไปได้ว่า...ในช่วงวินาที..หรืออาจจะเป็นช่วงชั่วโมงที่ผ่านมานี้...ว่าแต่..ใครจะรู้ได้ว่าเวลามันได้ผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว ..ในช่วงนั้นเองจินก็จะคงเผลอนอนแล้วเอาตัวมากอดก่ายเขาไว้ แล้วปิดท้ายด้วยการเอาร่างหนาอุ่นเข้ามาคลุมร่างของเขาไว้อีกด้วย
“ชะ ชั้นขอโทษนะ ชั้นขอโทษจริงๆ ชั้นเผลอหลับไป ...ชั้นแค่คิดว่าจะให้นายนอนพักสายตาสักหน่อยเพราะเห็นว่านายเหนื่อยมาก... แล้วก็..ชั้นขอโทษนะ ชั้น-“ คาเมะพูดพล่ามต่อ ก่อนที่จินจะเอามือมาปิดปากเอาไว้เพื่อให้ร่างบางได้เงียบเสียงลง เป็นครั้งแรกเลยที่คาเมะเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าเสียงที่ได้ยินนั้นดังใกล้เข้ามาทุกขณะ หัวใจของคนตัวเล็กเริ่มเต้นดังระรัวอยู่ภายในอกเมื่อจินได้ดึงร่างของเขาให้ลงมาจากเตียง เพื่อซ่อนตัวอยู่บนพื้นแบบเดียวกับที่พวกเขาเคยได้ซ่อนตัวกันมาแล้วก่อนหน้านี้
“ปืนชั้นไปไหนนี่?” จินบ่นพึมพำกับตัวเอง มือข้างหนึ่งยังคงวางประกบเพื่อปิดปากของคาเมะเอาไว้...ร่างสูงต้องนึกหงุดหงิดรำคาญใจยิ่งนักเพื่อพบว่าปืนที่กำลังหาอยู่ในขณะนี้กลับไปนอนแอ้งแม้งอยู่บนเตียงนั่นเอง จินปล่อยร่างของคนตัวเล็ก พร้อมกับเอนตัวไปด้านหลังเพื่อจะเอื้อมมือไปยังฟูกที่นอน เมื่อได้ปืนเจ้าปัญหามาอยู่กับตัวแล้ว ร่างสูงจัดการดันนกสับของปืนเพื่อปลดเซฟอาวุธเตรียมพร้อมสู้ คาเมะไม่แน่ใจว่าอาวุธที่มีติดตัวในตอนนี้จะทำให้รู้สึกปลอดภัยยิ่งขึ้น..หรือจะทำให้รู้สึกกลัวมากไปกว่าเดิม ...ในความคิดของเขาแล้วเจ้าสิ่งนี้ก็คงไม่ทำให้สถานการณ์ตรงหน้าดูง่ายขึ้นมาแน่
ร่างสูงเอนตัวกลับมายังที่เดิมได้ทันก่อนที่พื้นที่ในผนังห้องจะเต็มไปด้วยแสงสว่างที่สาดเข้ามากระทบ ครั้งสุดท้ายที่เห็นนั้นคาเมะคิดไปว่าแสงสว่างที่ได้สาดส่องเข้ามา คงจะเป็นลำแสงที่มาจากแสงไฟนั่นเอง... เขาวาดภาพเอาไว้ว่าอาจจะเป็นผู้คุม นักโทษ หรือไม่ก็จอห์นนี่ ที่เดินถือคบเพลิงผ่านมายังหน้าห้องขังที่เขาแอบอยู่... เพราะยังเห็นมีซากคบเพลิงและโคมไฟระย้าหลงเหลืออยู่ในทางลับ แต่ทว่าในตอนนี้....เขากลับสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเหล่าผู้คนที่เดินผ่านไปมาในตอนนี้ถือไฟฉายไว้กับตัวต่างหาก นักโทษจะมีไฟฉายไว้ในครอบครองได้อย่างไร? จะต้องเป็นผู้คุมอย่างแน่นอน แต่จินก็พูดออกมาอย่างมั่นใจเต็มร้อยว่าแม้แต่ผู้คุมคนที่มีสามัญสำนึกน้อยที่สุด..หรือแม้แต่คนที่ไม่รักตัวกลัวตายเสียเท่าไหร่...ก็ยังไม่กล้าที่จะเหยียบเท้าเข้ามาในทางลับแห่งนี้
เงาทะมึนของใครหลายคนสะท้อนเข้ากับผนังในห้องของพวกเขาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ก็ดูเหมือนว่าจะสาดส่องเข้ามาจากอีกทิศทาง ร่างบางพยายามเลี่ยงสายตาให้ห่างจากผนังห้อง แล้วกลับมามองยังใบหน้าของจินที่ยังคงคร่อมอยู่เหนือร่างของเขา ร่างสูงคอยฟังเสียงที่ดังเข้ามาอย่างตั้งอกตั้งใจ ..แต่ก็เหมือนกับคืนล่าสุด..ที่ไม่อาจจะจับถ้อยคำได้ว่ากลุ่มคนที่ผ่านเข้ามากลุ่มนี้กำลังพูดพึมพำอะไรกันแน่
“หก...แปด...สิบ...” จินนับตามจำนวนเงาที่ได้เห็น “มีมากกว่าเมื่อวานนี้ซะอีก” จินพูดเสริมเมื่อกลุ่มชายฉกรรจ์ได้ผ่านไป จากนั้นความมืดมิดก็ได้เข้ามาครอบคลุมพื้นที่บริเวณอีกครั้ง “เห็นได้อย่างชัดเลยว่าคนพวกนี้ก็ไม่อยากให้ใครมาเห็นพวกเขาด้วยเหมือนกัน จะต้องเป็นพวกนักโทษอย่างแน่นอน เพราะพวกผู้คุมคงจะเข้ามารวมกันมากมายแบบนี้ในเวลาเดียวกันโดยที่ไม่ถูกสังเกตเห็นไม่ได้แน่”
“ชั้น ชั้นขอโทษนะ” ร่างบางพูดออกมาอีกครั้ง เมื่อเล็งเห็นแล้วว่าปลอดภัยที่จะพูดออกมาได้ “เป็นความผิดของชั้นเองที่พวกเราพลาดโอกาสที่จะได้ออกไป”
ร่างบางรู้สึกว่าตัวเขานี่ช่างแย่จริงๆ เขาก็อยากจะทำอะไรสักอย่างเพื่อจินบ้างสักครั้ง ...เพื่อพิสูจน์ให้อีกฝ่ายเห็นว่าเขาเองก็มีค่า มีประโยชน์ในบางเรื่องบ้างเช่นกัน...เพื่อให้เห็นว่าตัวเขาเองก็สามารถทำอะไรต่อมิอะไรได้หลายอย่าง....ไม่ใช่ดีแต่กลัวไม่เป็นเรื่องและดีแต่ทำเรื่องให้มันยุ่งเหยิงมากกว่าเดิม เขาอยากที่จะพิสูจน์ให้จินได้เห็นว่า เขาเองก็เป็นคนที่จินจะสามารถพึ่งพาอาศัยได้ แล้วยังทำตัวเป็นประโยชน์ได้บ้างเหมือนกัน...เพื่อที่จินจะไม่ได้เห็นเขาเป็นแค่เด็กที่ให้ความอบอุ่นบนเตียงเท่านั้น ถ้าเขาเก่งในบางเรื่องที่พรรคพวกของจินและจินเก่งแล้วล่ะก็....บางทีอีกฝ่ายก็อาจจะตกหลุมรักเขาขึ้นมาได้บ้าง...
“มันก็เป็นความผิดของชั้นด้วย ชั้นเผลอหลับไป” จินพึมพำ “ชั้นไม่อยากเชื่อเลยว่าในสถานการณ์แบบนี้ ชั้นกลับเผลอเรอไม่ได้ระมัดระวังตัวเลยสักนิด”
“ไม่ใช่นะ นายเหนื่อยมากไปต่างหาก เมื่อคืนนี้นายอยู่ยามเฝ้าชั้นอยู่ทั้งคืนนี่...” คาเมะรีบร้อนพูดปกป้องอีกฝ่ายจากคำพูดของเจ้าตัว “เป็นความผิดของชั้นต่างหากล่ะ”
จินกดล๊อคนกสับแล้วเก็บอาวุธปืนซ่อนเอาไว้ภายใต้เสื้อเชิร์ตที่ผูกติดกับเอวอีกครั้ง “นายหนาวไหม?” หัวหน้าแก๊งถามออกมา “นายตัวสั่นไปหมดเลย”
“มะ ไม่ ชั้นแค่” ร่างบางตอบ ดูเหมือนจะแปลกใจเล็กน้อยที่จินไม่ได้ใส่ใจในคำขอโทษของเขาเลยสักนิด
“ถ้านายอยากได้เสื้อไปใส่คลุมกันหนาว ก็บอกได้เลยนะ” ร่างสูงกระซิบบอก
“ชั้นไม่เป็นไร ชั้นก็แค่...” คาเมะตอบ “กลัวนิดหน่อย”
ถ้าจินกำลังซ่อนตัวจากพวกที่เดาเอาว่าน่าจะเป็นนักโทษเหมือนกับพวกเขา...นั่นก็แสดงว่าสถานการณ์ในตอนนี้มันต้องแย่มากแน่ๆ ถ้าพวกเขาวิ่งไปชนกับพวกนั้นเข้าล่ะ..อะไรมันจะเกิดขึ้น? หรือพวกเขาจะได้แปลกใจไปเองว่าจริงๆแล้วพวกนั้นอาจจะอยากช่วยหัวหน้าคุกอย่างไม่เป็นทางการอย่างจินให้ออกไปจากที่นี้ได้อย่างปลอดภัย....หรือว่าพวกนั้นจะทำให้ทั้งเขาและจินต้องตกอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ยิ่งกว่าเดิมด้วยการไปบอกจอห์นนี่หรือผู้คุมเสียเอง? จากนั้นก็อาจจะเกิดการต่อสู้ขึ้นมาได้ ...ถึงตอนนั้น..พวกคนกลุ่มนั้นจะต้องพยายามทำร้ายจินแน่ ..เพราะอย่างที่รู้ๆกันว่าจินเป็นคนที่กุมอำนาจทั้งหมดเอาไว้กับตัว .... แต่พวกนั้นมีกันอยู่ตั้งมากมายหลายคน ..จินคงไม่สามารถจะสู้ได้หมดทุกคนแน่...แล้วตัวเขาเองแค่จะปล่อยหมัดออกไปก็ยังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
ในท่ามกลางแสงสว่างอันน้อยนิด..จริงๆแล้ว...ถ้าจะพูดให้ถูกหน่อยก็คือ...ในท่ามกลางความมืดที่ไม่มีแสงสว่างอันใดส่องลอดเข้ามาได้เลยสักนิด ..มันทำให้ยากที่จะพูดออกไปอย่างแน่ชัดว่า..เขาได้เห็นสีหน้าที่แฝงไปด้วยความอบอุ่นจากจินตอบรับคำพูดที่เขาได้บอกออกไปไหม มือหนาข้างที่มีกุญแจมือผูกติดกับมือบางนั้น มาขณะนี้ได้แทรกนิ้วเข้าไปกุมเกี่ยวมือเล็กเอาไว้
“ถ้างั้น.....ก็อย่าเสียเวลาอีกเลยนะ” จินพูดแนะ พวกเขาค่อยๆลุกขึ้นยืน ร่างสูงสอดส่ายสายตามองออกไปด้านนอก ก่อนที่จะเปิดประตูห้องขังให้เปิดอ้าอย่างเบามือให้มากที่สุดเท่าที่จะเบาได้ แล้วค่อยเดินนำคนตัวเล็กออกมา จู่ๆร่างสูงก็ดึงตัวคาเมะให้เข้ามาใกล้ แล้วกระซิบถ้อยคำบางอย่าง “ทีนี้นะ ไม่ว่านายจะทำอะไร อย่าส่งเสียงดังออกมาเด็ดขาด ให้จำไว้ว่าตอนนี้ได้มีกลุ่มคนอยู่ตั้งสิบกว่าคนที่กำลังเดินอยู่ในทางลับเหมือนๆกับเรา ไม่ว่าจะเสียงเล็กเสียงน้อยก็อาจจะดึงความสนใจพวกนั้นได้ เคลื่อนตัวให้เงียบเชียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วก็ตามชั้นมา" คาเมะพยักหน้าทำทีรับอยู่ภายในอกกว้าง ไม่กล้าแม้แต่จะพูดตอบรับ จินเดินนำร่างบางให้เดินลงตามทางเดินที่มืดสนิท ทางเดียวกับที่พวกกลุ่มคนเหล่านั้นเพิ่งจะเดินออกมาเมื่อไม่นานมานี้
ร่างบางกระชับแรงเกาะบนมือของอีกฝ่าย ..เขานึกเกลียดกับความจริงที่ว่า ...ตัวเขานั้นไม่ใช่จะเก่งและมีความสามารถในการก่อเรื่องยุ่งยากเพียงอย่างเดียว...แต่ยังเก่งในเรื่องสร้างจินตนาการให้ตัวเองได้เห็นออกมาอย่างชัดเจน ...และชัดมากพอที่จะทำให้ต้องนึกหวาดกลัวไปเองได้อีกด้วย
จินมองฝ่าไปยังทางข้างหน้าให้ได้ไกลมากที่สุด ถ้าพวกเขาสามารถเดินไปจนสุดทางของทางเดินสายนี้ ...จินคิดเอาว่า..พวกเขาก็จะมีโอกาสได้ออกไปจากที่นี่ได้โดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น ทางเดินนี้จะต้องพาพวกเขาเข้าไปยังที่ใดที่หนึ่งของคุกอย่างแน่นอน เห็นได้จากที่พวกคนกลุ่มนี้ได้ออกมาจากทิศทางนี้ ...นั่นก็แสดงว่าตอนนี้ก็คงเป็นเวลาในตอนเช้า ที่พวกเขาต้องทำในขณะนี้ก็คือ..เดินไปตามทางที่ถูกไขล๊อคประตูกรงออกมาเรียบร้อยแล้ว ..ถ้าพวกนั้นเป็นพวกผู้คุมที่ไม่ได้พากันเดินออกมาจากตรงส่วนของคุกที่พวกเขาอยู่แล้วล่ะก็ ..มันก็มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่เขาจะเดินนำคาเมะตรงเข้าไปสู่อ้อมแขนของพวกผู้คุมนับโหลที่รออยู่.. ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ..พวกเขาก็อาจจะถูกจับ..แต่ถึงอย่างไรก็คงต้องขอเสี่ยงดวงดูสักครั้ง
จินนึกเดาต่อไปว่าจอห์นนี่จะยอมปล่อยพวกเขาคนใดคนหนึ่งให้พ้นผิดได้ไหม..ถ้าต้องถูกจับขึ้นมาจริงๆแล้วล่ะก็ ...เขาคงต้องขอยื่นข้อตกลงอะไรบางอย่างกับจอห์นนี่และมาสะจัง เพื่อที่คาเมะจะได้พ้นโทษจากความผิดในครั้งนี้ ถ้าต้องเกิดอะไรขึ้นมาจริงๆล่ะก็...เขาจะทำทุกวิถีทางที่จะสามารถทำได้เพื่อคาเมะ คนตัวเล็กลำบากมามากเกินพอแล้ว...คาเมะไม่ควรจะได้ใช้เวลาอยู่ในสถานที่แห่งนี้มากไปกว่าสิ้นเดือนสิงหาคมนี้อย่างแน่นอน
หัวใจของร่างบางแทบจะเต้นออกมานอกอก เมื่อรับรู้ได้ว่าจินกำลังยืนนิ่งอยู่กับที่เมื่อได้ยินเสียงที่ดังมาจากที่ไหนสักแห่งจากทางด้านหน้า คนตัวเล็กกำลังจะอ้าปากถามว่าได้เกิดอะไรขึ้น ต่อเมื่อจำได้ถึงคำเตือนที่บอกให้เงียบเข้าไว้
จินรีบเดินถอยกลับไปตามทางเดินอย่างรวดเร็ว จวบจนพวกเขาได้มาถึงประตูลูกกรงอีกบานที่มีล๊อคปิดอยู่อย่างแน่นหนา แต่ก็เป็นประตูลูกกรงที่เหมือนจะนำพวกเขาเข้าไปสู่เส้นทางสายใหม่ ร่างสูงรีบร้อนไขล๊อคประตูกรงอย่างเร่งรีบ แต่อุปกรณ์ที่มีติดตัวก็ดูจะไร้ประโยชน์เหมือนเช่นเคย เพียงไม่นานเสียงดังก็ลอยล่องเข้ามาในทิศทางที่พวกเขากำลังยืนอยู่
เมื่อสังเกตเห็นแล้วว่าการไขล๊อคประตูกรงไม่ได้ประโยชน์อันใดขึ้นมา จินพบว่าหนทางเดียวที่จะได้หลุดพ้นจากสถานการณ์ยุ่งยากตรงหน้านี้ ก็คือการใช้ความรุนแรงเข้ามาช่วยนั่นเอง โชคดีที่ว่าเขาเก่งในเรื่องแบบนี้ด้วยสิ ด้ามจับของปืนไม่ได้ทำขึ้นมาจากวัสดุแข็งเหมือนส่วนอื่นๆของกระบอกปืน เมื่อร่างสูงใช้ปืนกระหน่ำทุบไปยังล๊อคประตูที่เต็มไปด้วยสนิมเขรอะกรัง จึงทำให้เกิดเสียงดังไม่มากนัก ท้ายที่สุดก็สามารถเปิดประตูลูกกรงออกมาได้ พวกเขาจึงได้แอบหลบเข้าไปในเส้นทางสายใหม่ ก่อนที่จะไม่ลืมปิดประตูตามหลัง ..ก็ได้แต่หวังว่าคนอื่นๆคงจะไม่สังเกตเห็นว่าประตูลูกกรงที่นำเข้าสู่ทางเดินเส้นใหม่ได้แตกหักไปหรอกนะ
ช่วงขณะที่จินดึงคาเมะให้เข้ามาเดินในทางเส้นใหม่นั้น แสงสว่างอันน้อยนิดก็ได้ส่องลอดเข้ามาในทางเดินเส้นเก่าที่พวกเขาเพิ่งจะผ่านมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มันเหมือนกำลังเดินวนเวียนอยู่ในเขาวงกต....คาเมะรู้สึกเหมือนคนที่กำลังเดินหลงทางยิ่งนัก ในไม่ช้าจินก็หยุดเดิน ...ก่อนจะทำให้คนตัวเล็กต้องนึกแปลกใจด้วยการที่อีกฝ่ายดึงร่างของเขาแนบไปกับผนังห้อง ตามด้วยการใช้ร่างหนาของตนเพื่อบังร่างบางเอาไว้จนมิด
“ชู้ว์..อยู่นิ่งๆนะ ถ้าพวกเราโชคดีล่ะก็..ก็ได้แต่หวังว่าในตอนที่พวกนั้นเดินผ่านมาแถวนี้ก็คงจะไม่สังเกตเห็นว่าประตูกรงได้ถูกเปิดออกมาแล้ว ถ้าพวกนั้นไปแล้ว เราก็จะเดินกลับไปตามทางเดิมได้” ร่างสูงกระซิบบอกที่ใบหูของร่างบาง คาเมะก็พยักหน้ารับรู้
เสียงพูดดังพึมพำดังสะท้อนก้องผ่านเข้ามาในทางเดิน ..พร้อมกับที่ร่างของกลุ่มชายฉกรรจ์ที่ไม่คุ้นหน้าคุ้นตากำลังเดินใกล้เข้ามา คนกลุ่มนั้นได้เดินมาหยุดอยู่หน้าประตูกรงที่ทอดเข้าสู่ทางเส้นใหม่..ตรงเดียวกับที่คาเมะกับจินกำลังแอบอยู่
‘หักอยู่’ คาเมะคิดว่าสามารถจับถ้อยคำที่พวกนั้นพูดออกมาได้ จากนั้นไม่นานเสียงเปิดประตูกรงที่คุ้นหูก็ถูกเปิดอ้าออก
“บ้าเอ๊ย...” จินสบถ..ร่างบางเริ่มตระหนักแล้วว่าคนกลุ่มนั้นเริ่มรู้ตัวแล้วว่ามีใครบางคนอยู่ในที่นี้ด้วย ประตูกรงได้ถูกเดินอ้าเข้ามายังส่วนทางเดินที่พวกเขาใช้ซ่อนตัวอยู่
“ผู้คุมเหรอ?” คาเมะแน่ใจว่าได้ยินใครบางคนพูดคำนี้ออกมา แต่ก็จำไม่ได้ว่าเป็นน้ำเสียงของใคร ...ร่างบางไม่ได้ยินคำพูดที่พูดโต้ตอบในคำถามนี้ แต่ดูเหมือนว่าชายกลุ่มนี้...ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นใครก็ตาม ...ตัดสินใจที่จะพากันเข้ามาเดินสำรวจตรวจตรา เพราะแสงสว่างได้ฉายแสงสาดส่องเข้ามาในทางเดินที่มืดมิดนี้แทน
คนตัวเล็กรู้สึกได้ว่าร่างสูงทำตัวแนบเข้ามาใกล้ยิ่งกว่าเดิม ก่อนที่ริมฝีปากอวบอิ่มแทบจะเคลียเคล้าอยู่ที่ใบหู เมื่ออีกฝ่ายได้พูดขึ้น “พวกเขามาทางนี้แล้ว อย่าพูดอะไรออกมาทั้งนั้น แค่วิ่งให้เร็วที่สุดก็พอ แล้วก็ให้เงียบมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ด้วยนะ”
คาเมะไม่มีเวลาแม้แต่จะพูดตอบรับเมื่อจินได้ดึงแขนเล็กเข้ามาหาตัว แล้วจัดการดึงร่างเล็กให้วิ่งลงไปตามทางเดินในความเร็วที่เหมือนจะเร็วได้เท่ากับครั้งแรกที่พวกเขาได้เข้ามาในทางเดินลับนี้ ร่างบางพยายามจะวิ่งตามใหัทันอีกฝ่าย แต่ก็เกือบจะสะดุดล้มอยู่สักครั้งสองครั้งได้ คาเมะได้ยินเสียงพึมพำที่ดังตามหลังได้เงียบเสียงลง ก่อนที่จะได้ยินเสียงใครสักคนพูดออกมาเสียงดัง แต่คาเมะก็ไม่อาจบอกได้อยู่ดีว่าพวกนั้นพูดว่าอะไร เขาได้แต่เดาว่า..ทั้งเขาและจินยังคงถูกตามล่าอยู่นั่นเอง ขณะที่กำลังทั้งวิ่งทั้งคิดอะไรอยู่ลำพังในใจนั้น...ร่างบางก็ต้องวิ่งชนเข้ากับร่างของจินเข้าอย่างจัง...ร่างสูงดูจะหยุดวิ่งอย่างทันทีทันใด เมื่อพวกเขาได้วิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าของอีกหนึ่งบานประตูที่ถูกปิดล๊อคเอาไว้
ไม่แม้แต่จะคิดไขล๊อคให้มันยุ่งยาก จินหยิบปืนออกมาจ่อยิงเข้าไปในล๊อคนั้น ทำให้เกิดเสียงดังก้องลงไปตามทางเดินที่เพิ่งจะผ่านมา ล๊อคกุญแจได้แตกออกเป็นเสี่ยงๆ จินได้จัดการดึงประตูลูกกรงให้เปิดอ้า ก่อนที่จะดึงร่างบางให้ตามเข้ามา ....พวกเขายังคงออกวิ่งอย่างไม่ยอมหยุดหย่อน ...บางครั้งบางคราวร่างบางก็จะเหลียวมองข้ามไหล่ไปมองอยู่เสมอ... แต่ในครั้งนี้เขากลับไม่เห็นแสงวิบวับที่คอยไล่ตามหลังพวกเขาอีกต่อไป
คาเมะนึกแปลกใจว่าตัวเขาเองที่วิ่งช้าเกินไป..หรือว่าจินเองกันแน่ที่วิ่งเร็วเกินไปจากการที่ได้ฝึกวิ่งหนีตำรวจอยู่บ่อยๆ พื้นผิวทางเดินที่พวกเขาวิ่งผ่านไปเริ่มจะกลายเป็นพื้นผิวขรุขระ คาเมะคิดอยู่ในใจว่าโชคดีเท่าไหร่แล้วที่พวกเขาไม่ได้วิ่งไปชนหลุมชนบ่อแล้วล้มหัวคะมำลงมา แต่เพียงไม่นานสองเท้าที่เหมือนจะติดมั่นอยู่บนพื้นดินเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ กลับถูกยกขึ้นสูง ร่างบางคิดได้ในทันทีว่าพวกเขาวิ่งมาเจอกับขั้นบันไดเข้าให้แล้ว โชคยังดีที่ว่าโซ่จากกุญแจมือที่ผูกข้อมือพวกเขาทั้งสองคนเอาไว้ช่วยไม่ให้ร่างบางต้องล้มลงไปนอนจุ๊มปุ๊ก ส่วนตัวจินเองใช้เวลาอย่างรวดเร็วในการเข้ามาถึงตัวเขาด้วยเช่นกัน
“โอ๊ะ นายเป็นอะไรมากไหม ?” จินกระซิบกระซาบถาม ก่อนจะเข้ามาช้อนคนตัวเล็กขึ้นจากที่ใต้วงแขน แล้วช่วยให้ปีนขึ้นบันไดไปอย่างรวดเร็ว
อุปสรรคขั้นต่อไปที่ได้เจอก็คือทางตัน จินเริ่มสอดส่ายสายตามองหาสวิตช์หรืออะไรสักอย่าง เพราะเชื่อไปแล้วว่าทางตันที่เจอต้องเป็นประตูอย่างไม่ต้องคิดสงสัย การจะเปิดเข้าไปได้นั้นก็คงต้องอาศัยกลไกเข้าช่วย ร่างสูงเอื้อมมือไปหยิบปืนขึ้นมาอีกครั้ง แล้วใช้สองแขนยกปืนขึ้นสูงจนสามารถสัมผัสได้ถึงผนังที่อยู่ตรงหน้าของพวกเขา ..การที่จินได้ยกมือขึ้นสูงเช่นนี้ก็ทำให้คนตัวเล็กที่ข้อมือผูกติดกับอีกฝ่ายต้องเขย่งเท้าตาม จินเหมือนจะพบบางสิ่งบางอย่างที่ได้สอดส่ายค้นหา เพราะจากนั้นไม่นานก็เกิดเสียงดัง คลิ๊ก แล้วประตูก็เปิดอ้าออก..ทำให้พวกเขาต้องล้มคะมำไปตามลำแสงที่ปรากฎอยู่เบื้องหน้า แต่ในครั้งนี้จินกลับเป็นฝ่ายล้มคะมำลงไปนอน ตามด้วยการดึงร่างบางให้ลงไปนอนทับอยู่บนลำตัวหนา
จินมีปฎิกิริยาสนองตอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นได้เร็วกว่าคาเมะ เพราะทันทีที่หลังติดพื้น ชายหนุ่มก็รีบคว้าปืนมาถือไว้อีกครั้ง ก่อนจะถือปืนส่องข้ามหัวออกไป..เป็นการกันไว้ก่อนเผื่อกรณีฉุกเฉิน ร่างสูงหรี่ตาลงเมื่อดวงตาต้องมาเจอกับแสงสว่างจ้า ก่อนที่จะเริ่มมองกวาดไปยังรอบห้องที่ว่างเปล่า แล้วจึงมองข้ามร่างบางที่นอนอยู่บนตัวออกไปยังทางเดินมืดที่เพิ่งผ่านมา
คาเมะยังคงปิดปากเงียบ เพราะไม่อยากจะก่อปัญหาใดๆทั้งสิ้น จินจึงคว้ามือข้อมือบางอย่างทันทีทันใด
“จะว่าอะไรไหม ถ้าชั้นจะขออยู่บนหน่อยนะ?” ร่างสูงพูดอู้อี้ขึ้นมา ก่อนที่คาเมะจะได้มีเวลาเข้าใจกับคำขอนี้..ร่างบางก็กลับพบว่าตัวเขาได้เปลี่ยนตำแหน่งกับจิน จากที่นอนทับอยู่บนร่างสูงกลับมานอนอยู่ด้านล่างเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ร่างสูงเปิดส่วนล่างของกระบอกปืนเพื่อตรวจดูในส่วนที่คาเมะเดาได้ว่าคงเป็นส่วนที่ใช้สำหรับบรรจุลูกกระสุนนั่นเอง
“เหลืออยู่เจ็ดลูก” ชายหนุ่มพึมพำ ก่อนที่จะกระแทกปิดเข้าไปใหม่ ร่างบางมองท่าทีที่อีกฝ่ายจับถือปืนด้วยความยำเกรง นึกสงสัยในใจว่าจินเคยมีประสบการณ์ในการใช้อาวุธแบบนี้มาก่อนหรือเปล่า ...ความคิดนี้ทำให้คนตัวเล็กนึกกลัวขึ้นมาบ้างเล็กน้อย
จินมองไปรอบๆห้อง ..พวกเขาเข้ามาอยู่ในห้องทำงานของใครคนใดคนหนึ่ง ทางด้านขวามือนั้นมีหน้าต่างบานหนึ่ง ติดกับหน้าต่างก็จะเป็นประตูห้องที่ทอดเข้าไปสู่ห้องๆหนึ่งที่ถูกปิดไว้ด้วยมู่ลี่ทึบ ส่วนทางด้านซ้ายมือก็มีโต๊ะทำงานตัวใหญ่ที่เข้าคู่กันกับเก้าอี้นั่งที่ถูกดึงออกมาอยู่ข้างหน้าของพวกเขา แล้วยังมีเก้าอี้อีกสองตัวที่วางอยู่อีกฟากของโต๊ะทำงาน ห้องทั้งห้องเต็มไปด้วยกลุ่มเอกสารต่างๆ แผนที่ แล้วก็หนังสืออยู่มากมายหลายเล่ม
ร่างสูงค่อยๆยันตัวลุกขึ้นยืน พร้อมทั้งดึงตัวร่างบางให้ขึ้นมาด้วย ชายหนุ่มชำเลืองมองไปยังทางเดินที่จะเพิ่งผ่านมาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะใช้เก้าอี้ที่พบในห้องเอาไปวางขวางทางเข้าที่เชื่อมติดกับทางเดินนั้นเอาไว้ เพื่อกันไม่ให้คนจากอีกด้านสามารถที่จะเปิดประตูเข้ามาได้
“พะ พวกเราอยู่ที่ไหนกันนี่?” คาเมะกระซิบกระซาบถาม จินได้แต่ส่งยิ้มนิดๆให้คนตัวเล็ก
“นายจำไม่ได้เหรอ?” จินถามด้วยน้ำเสียงเย้าแหย่ พลางหมุนตัวร่างบางให้มองไปรอบๆห้อง “ห้องทำงานของจอห์นนี่ยังไงล่ะ”
สีหน้าของร่างบางซีดเผือดเมื่อเริ่มตระหนักว่าได้มาอยู่ที่ไหน ...ก่อนจะรีบหันไปมองอีกฝ่ายด้วยท่าทีตื่นกลัว “พวกเรามาอยู่นี่ได้ยังไงล่ะ? พวกเราจะวิ่งมาจบลงตรงนี้ได้ยังไง?”
จากสถานที่หลายแห่งในเรือนจำแห่งนี้...ทำไมต้องเป็นที่นี่ด้วย? ถ้าจอห์นนี่เจอพวกเขาเข้าล่ะ? ในส่วนนี้ของเรือนจำจะต้องมีผู้คุมคอยเฝ้ายามอยู่หนาแน่นแน่นอน!
“ก็ทางเดินพวกนั้นก็เป็นทางเดินที่จอห์นนี่สร้างขึ้นมานี่น่า มันก็ต้องพาตรงเข้ามาสู่ห้องทำงานของหมอนั่นอยู่แล้ว” จินตอบพลางปล่อยมือจากร่างบาง แล้วเดินสำรวจตรวจตราในห้อง คาเมะก็จำต้องเดินตามไปอย่างเลี่ยงไม่ได้
“มีคนบางคนไล่ล่าพวกเราอยู่ในทางเดินนั่นนะ เราต้องออกไปจากที่นี่กันได้แล้ว อีกไม่นานพวกเขาก็คงจะมาถึงนี้แล้ว” ร่างบางกล่าวพลางกระตุกกุญแจมือไปอีกทิศทาง เพื่อเป็นการแสดงความตั้งใจของตน
“ชั้นบอกนายแล้วไง ว่าชั้นแค่เดาไปเท่านั้นว่าเป็นพวกผู้คุม ...พวกที่เราเจอน่ะก็คงเป็นพวกนักโทษเหมือนเรานี่แหล่ะที่บังเอิญไปเจอทางลับเข้า แล้วก็เลยพยายามใช้ทางเส้นนั้นเพื่อเป็นเส้นทางหนีออกไปจากคุก ชั้นว่าพวกนั้นคงเลิกไล่เรามาตั้งแต่ตอนที่ชั้นใช้ปืนยิงเข้าใส่ประตูกรงอันสุดท้ายที่เราเพิ่งจะผ่านมาแล้วล่ะ เพราะพวกนั้นคงคิดไปว่าพวกเราเป็นผู้คุม เพราะถ้าเป็นนักโทษก็คงมีปืนอยู่กับตัวไม่ได้หรอก” จินอธิบาย ยังคงเดินลึกเข้าไปในห้องพร้อมด้วยคาเมะที่ดูจะออกอาการขัดขืนนิดๆให้ต้องตามเข้าไปด้วย “พวกนั้นคงกำลังหาทางทำทุกอย่างอยู่ล่ะนะ ยกเว้นก็แต่หาทางกลับเข้าไปในคุกเหมือนเดิม”
“ถ้าอย่างนั้น พวกเราก็น่าจะหาทางกลับเข้าไปด้วย” คาเมะยังคงค้าน เมื่อร่างสูงได้เดินมาหยุดอยู่ข้างโต๊ะที่มีหน้าต่างบานใหญ่ที่ตั้งอยู่ไม่ห่างจากโต๊ะมากนัก
“วิวดีอะไรอย่างนี้~” จินผิวปากเมื่อได้มองออกไปนอกหน้าต่าง “จอห์นนี่สามารถที่จะมองไปเห็นสวนหย่อมเล็กๆของพวกเรา... แล้วมองดูพวกนักโทษที่อยู่ตรงนั้นได้หมดเลย ...แบบนี้มันเหมือนกวนใจชั้นจริงๆเลยแฮ่ะ...”
“ไปเถอะนะ ไปเถอะนะจิน มาสิ ได้โปรดเถอะ” ร่างบางพูดขึ้น ยังออกแรงดึงกุญแจมือให้แรงขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ทำไม่สำเร็จในการที่จะดึงลากจินไปไหนได้เลย
“อีกเดี๋ยวสิ ชั้นอยากจะเดินดูรอบๆก่อน” จินพูดขึ้นพร้อมกับดึงลิ้นชักจากที่ไหนสักแห่ง เพื่อจะพบกับกองแฟ้มข้อมูลที่วางเรียงกันอยู่ภายใน
“ได้โปรดเถอะ ไปกันได้แล้ว ได้โปรดเถอะนะ ถ้าจอห์นนี่รู้ว่าเราอยู่ที่นี่..... ถ้าเขาจับพวกเราได้ตรงนี้ล่ะก็....” คาเมะพยายามที่จะพูดจาโน้มน้าวอีกฝ่ายที่ดูจะยุ่งอยู่กับการดึงแฟ้มขึ้นมาหนึ่งแฟ้มแล้วใช้สายตามองกวาดไปโดยรอบ
“บะฮาฮ่า!! ฟังนี่นะ หลังจากที่พยายามจะบุกเข้าไปในสถานที่ที่ยากจะเข้าไปได้ถึงในประวัติศาสตร์ของจอห์นนี่ คิตาวาระ แต่ต้องเจอกับความล้มเหลวกลับไปนับครั้งไม่ถ้วน สุดท้ายสมาชิกที่เหลือเจ็ดคนก็ถูกจับได้เมื่อตอนที่พยายามจะปล่อยตัวเพื่อนร่วมแก๊ง อุจี้ ฮิโรกิ ให้ออกมาจากห้องขัง ทางผู้คุมจำต้องขังเพื่อนรวมแก๊ง นิชิกิโด้ เรียว ไว้ในห้องขังเดียวกันกับอุจี้ ฮิโรกิ เพราะอีกฝ่ายไม่ยอมปล่อยมือออกจากลูกกรงแม้จะใช้ผู้คุมถึงสี่นายมาแยกเอาตัวออกไป...แต่ก็ไม่สามารถจะนำตัวนิชิกิโด้ ออกไปได้” จินอ่านเสียงดัง “ไอ้พวกปัญญาอ่อนเอ๊ย”
“ได้โปรดเถอะ จิน” คาเมะร้องขอ รู้ตัวดีว่าได้พูดชื่อของอีกฝ่ายด้วยชื่อแรกอีกครั้ง แต่หัวหน้าแก๊งก็ดูจะไม่สังเกตสังกาอะไรมากนัก เพราะยังคงไล่อ่านแฟ้มถัดไป
“โอ๊ะ จอห์นนี่โยนความผิดไปว่าพวกชั้นเป็นคนทำให้เกิดเพลิงไหม้ตรงส่วนหย่อมนั่นอีกแล้ว ก็เห็นๆอยู่ว่ามันเป็นความผิดของพวกนิวส์นี่หว่า!” จินบ่นพึมพำ ทำให้ร่างบางต้องค่อยๆแอบชำเลืองมองข้ามไหล่จิน...ตอนนี้อีกฝ่ายกำลังยืนอ่านแฟ้มของ AT-TUN อยู่นั่นเอง “พวกนั้นก็ไม่รู้อยู่ดีว่าจริงๆแล้วพวกชั้นก่อเรื่องไปเยอะกว่านี้อีก พวกตำรวจนี่โง่จะตาย ...ไม่เห็นจะหาหลักฐานพวกคดีที่พวกเรากับนิวส์เคยไปก่อเรื่องที่โตเกียวทาวเวอร์นั้นมาได้เลย ..พูดไปแล้วตอนนั้นพวกเราก็เป็นเด็กที่สะเพร่าแล้วก็ขี้เกียจกันมากเลยนะ"
จินปิดแฟ้มเสียงดัง แล้วปล่อยลงไปนอนอยู่บนโต๊ะทำงานที่ตอนนี้เริ่มจะมีแฟ้มต่างๆวางอยู่อย่างกระจัดกระจาย เมื่อร่างสูงหันไปค้นหาแฟ้มเอกสารกองอื่นๆ คนตัวเล็กก็รีบแอบคว้าแฟ้มของจินมาไว้กับตัวแล้วแอบอ่านข้อความข้างใน
ขโมยรถของสารวัตรใหญ่ พร้อมด้วยสิ่งมีค่าราคาแพงของสถานีตำรวจ เข้าปล้นทรัพย์สินในแต่ละร้านแถวย่านชิบุยะ นับจำนวนได้สี่ครั้ง
ไม่ได้มีคดีความอื่นๆเขียนลงไปในแฟ้มข้อมูลมากนัก แต่จินก็เคยบอกว่าพวกเขาได้รับการลดหย่อนโทษเพราะได้ให้ข้อมูลที่เกี่ยวกับพวกนิวส์.....ดูเหมือนว่าพวกของจินจะไปทำข้อตกลงกับมาสะมาจริงๆ
ถูกต้องโทษจำคุกห้าปี
“ตอนที่นายถูกจับมานายยังดูเด็กมากเลยนะ” ร่างบางไม่ได้ตระหนักเลยสักนิดว่าได้พูดออกไปเสียงดัง
“นายก็อายุประมาณชั้นด้วย” จินตอบ “แต่ดูเหมือนว่านายจะดูอ่อนกว่าซะอีก แม้แต่ในรูปถ่าย..นายก็ยังดูใสซื่อไร้เดียงสามากเลยนะ .....ชั้นไม่เคยหยุดที่จะพิศวงในตัวนายได้เลย”
คาเมะมองสำรวจไปยังรูปถ่ายของตนที่อีกฝ่ายยื่นมาให้ “ชั้นไม่รู้ว่านายหมายความว่ายัง...ดะเดี๋ยว อะไรนะ?” ร่างบางมองคนตรงหน้าด้วยสายตาแคลือบแคลง “นายไม่เคยหยุดที่จะพิศวงในตัวชั้นงั้นเหรอ? นายเคยเห็นแฟ้มของชั้นมาก่อนเหรอ?!”
“ก็..ไม่ใช่อันนี้หรอก แต่เป็นสำเนาน่ะ หลังจากที่นายมาเป็นเพื่อนร่วมห้องของชั้น...ชั้นก็ได้สำเนาแผ่นนั้นมาอยู่กับตัวได้ระยะหนึ่งแล้ว...” จินพูดพลางยักไหล่
“นายเอาแฟ้มชั้นไปทำอะไรน่ะ?” คาเมะถาม สีแดงระเรื่อเริ่มแผ่ขยายทั่วแก้มนวล
“ก็เอาไปศึกษาไง” ร่างสูงตอบ “ชั้นยังมีแผ่นสำเนาอยู่ในห้องของเรา-...ชั้นหมายถึงในฝั่งตะวันตกน่ะ”
คนตัวเล็กรู้สึกอายนิดๆที่ได้มารู้ในความจริงข้อนี้ แต่เขากลับรู้สึกทึ่งในอำนาจของจินมากกว่า...
พูดถึงเรื่องอำนาจแล้วล่ะก็...
เขาสามารถที่จะทำอย่างนั้นกลางแจ้งบนโต๊ะของจอห์นนี่ยังได้เลย
เมื่อระลึกได้ถึงข้อความนี้...สีแดงระเรื่อก็เริ่มแผ่กระจายทั่วแก้มนวลอีกครั้ง ในครั้งนั้นเขาไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับจินเลย...ไม่เคยได้รู้เลยสักนิดว่าอีกฝ่ายมีอำนาจมากขนาดไหน สิ่งที่จินเคยแสดงให้เขาเห็น...ที่เคยมาหยอกเล่นกับเขาในช่วงสองคืนแรกที่เขามาอยู่นั้น...มันคงไม่ได้แม้เพียงแค่ปลายนิ้วก้อยของอำนาจที่อคานิชิ จินมีอย่างแน่นอน
“อะ ฮ่า แฟ้มของพวกนิวส์ดูมีสีสันมากกว่าพวกเราซะอีก” เสียงหัวเราะอย่างเย้ยหยันจากอีกฝ่าย เสมือนปลุกร่างบางให้ตื่นจากห้วงภวังค์ความคิด “อ่ะ ต้องโทษเจ็ดปีนี่มันน้อยไปหน่อยน้า ชั้นเขียนอะไรเพิ่มลงไปหน่อยดีไหมเนี่ย?”
คาเมะแอบชำเลืองมองข้ามไหล่จินอีกครั้ง “คุซาโนะอายุน้อยกว่าชั้นอีกเหรอ?!” ร่างบางถามด้วยความช๊อค “ดะเดี๋ยว ถ้าเป็นอย่างนั้น...ก็หมายความว่าตอนที่คุซาโนะถูกจับเข้าขังคุก หมอนี่ก็ยังไม่บรรลุนิติภาวะน่ะสิ”
“อืม หมอนี่ไม่ใช่คนเดียวหรอกที่เจอแบบนี้” จินบ่นพึมพำ “จำอุจี้ จาก คันจานิ 8 ได้ไหม? อุจี้ถูกศาลสั่งจำคุกตอนที่อายุได้สิบแปด ยังไม่ถึงสิบเก้าดีด้วยซ้ำ มาสะจังเป็นคนรับผิดชอบคดีเรื่องนี้เอง เพราะหมอนั่นอยากที่จะจับพวกคันจานิ 8 ยกแก๊งให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ และหมอนั่นก็ทำสำเร็จด้วยสิ หนึ่งเดือนหลังจากที่อุจี้ถูกจับ...พวกคันจาก็ได้มาสั่นลูกกรงอยู่พร้อมเพรียงกันเลยล่ะ”
“แล้วเพียงไม่ถึงหนึ่งปีให้หลังดีนัก...พวกนายก็....” คาเมะพึมพำ ยังคงอ่านแฟ้มที่ถือไว้อยู่ในมือ
“ใช่ ช่วงนั้นเป็นช่วงปีสุดท้ายของอิสระเสรีภาพเลยแหล่ะ ...ชั้นจำมันได้ดี ...หลังจากที่ไปท้าพนันบ้าๆบอๆนั่นแล้ว ชั้นก็ต้องมาจบชีวิตวัยเยาว์อยู่ในนี้...” จินพูดพลางถอนหายใจ ขณะที่กำลังมองกวาดไปยังแฟ้มเอกสารของคาเมะอีกครั้ง
continue here ยังไม่จบคะ อ่านต่อตรงนี้คะ