In His care 32 part 2

Nov 20, 2008 20:44



“พระเจ้าช่วย...นายไม่ควรจะมาที่นี่เลย” จินหายใจติดขัดผสมผสานไปกับเสียงคราญคราง เรียวขาของร่างบางเกี่ยวกระหวัดรัดแน่นบนเอวหนา เหมือนกลัวว่าจู่ๆอีกฝ่ายจะโยนเขาออกไป ..แต่เหมือนว่าจินจะมีแผนอื่นไว้รองรับแล้ว

เมื่อวางคนตัวเล็กนอนราบกับเตียง ..จินต้องแปลกใจที่เห็นร่างบางส่งเสียงค้านงึมงำ

“ไม่..ไม่เอาที่นี่นะ” คนตัวเล็กร้องขอ “มันไม่ใช่เตียงของชั้นอีกต่อไปแล้ว”

จินไม่เห็นประโยชน์อันใดที่จะโต้เถียงกับอีกฝ่าย เพราะมันไม่สำคัญสำหรับเขาอยู่แล้วว่าจะเป็นที่ไหน ขอเพียงแต่ให้พวกเขาได้สานต่อในสิ่งที่กำลังทำอยู่เป็นพอ จินช้อนตัวร่างบางขึ้นมาจากเตียง ..เรียวขาทั้งสองข้างของคาเมะก็ยังคงเกี่ยวแน่นอยู่บนเอวหนา พร้อมทั้งประกบจูบเขาอย่างไม่ยอมหยุด ร่างสูงพาพวกเขาทั้งสองไต่ขึ้นไปยังเตียงบน ก่อนจะทรุดลงนอนบนเตียงข้างบนแทน

“ดีขึ้นไหม?” จินถามด้วยน้ำเสียงเย้าแหย่ คาเมะพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มที่ฉีกออกจนกว้าง

“มากเลยล่ะ” ร่างบางตอบ นิ้วเรียวจิกลงบนผ้าปูที่นอนเมื่อจินจัดการปลดเปลื้องกางเกงออกจากร่างเล็ก แต่ร่างสูงก็กลับหยุดนิ่งมองดูกางเกงของอีกฝ่ายอยู่ชั่วครู่

“...อะไรเหรอ?” คาเมะถาม “ยามะพีฉีกกางเกงชั้นยังไงล่ะ แล้วชั้นก็เย็บผ้าไม่เก่งเหมือนโคคิด้วย”

จินยิ้มนิดๆ ก่อนจะเปลื้องกางเกงออกให้พ้นร่างเล็ก แล้วตรงเข้าไปจู่โจมกลีบปากล่างที่อวบอิ่มของคนตัวเล็ก เขาไม่อาจจะปฏิเสธใจตัวเองได้ว่าการที่ได้มาอยู่กับคาเมะแบบนี้อีกครั้งทำให้รู้สึกตื่นเต้นมากเพียงไร ถ้าพวกเขาถูกจับได้ล่ะก็..พวกเขาทั้งสองก็คงจ่ายให้กับความผิดครั้งนี้ไม่ไหวแน่ เขาเคยอยากจะได้ตัวใครเมื่อไหร่ก็ได้ทุกเมื่อทุกเวลา แต่มันไม่ใช่แบบนั้นอีกต่อไปแล้ว ภายในช่วงสองปีที่ผ่านมา...มีเพียงแค่คนๆเดียวเท่านั้นที่เขาพบว่ามีเสน่ห์ให้นึกเสน่หาอย่างไม่รู้หน่าย คนที่ทำให้เขาหลงลืมไปหมดว่ารอบข้างนั้นยังมีทางเลือกอยู่ตั้งมากมายให้เลือกหา.....เหมือนผืนแผ่นน้ำกว้างที่ยังมีปลามากมายหลากชนิดให้เลือกสรร แต่เขากลับเลือกจะหลงหัวปักหัวปรำอยู่เพียงแค่คนเดียวๆ

คาเมะโอบแขนบางอยู่รอบลำคอของร่างสูงเมื่อจินได้แทรกตัวเข้าภายในร่าง “อ๊า..จิน”

..ขอบคุณที่คนตัวเล็กยังเรียกเขาว่าจิน...ไม่ได้เรียกว่าท่านอคานิชิเหมือนในความฝัน

ดวงหน้าหวานดั่งเทพธิดานั้นเปี่ยมไปด้วยร่องรอยแห่งความสุขสม...ต่อเมื่อจู่ๆเขาได้เห็นสีหน้าท่าทีที่อึดอัดเล็กน้อยของคนใต้ร่าง...นั่นก็แทบจะทำให้จินต้องหยุดชะงักจากสิ่งที่ทำอยู่ คาเมะอยู่ห่างจากเขาไปตั้งเดือนกว่า เขาก็น่าจะค่อยเป็นค่อยไปกับอีกฝ่าย เมื่อจินผ่อนจังหวะลงอย่างช้าๆ คาเมะได้ช้อนตาขึ้นสบตากับเขา เหมือนเป็นการบอกเป็นนัยๆว่าไม่อยากให้เขาต้องหยุด

สายตาของคาเมะจ้องกลับมาที่จิน แล้วเมื่อเด็กหนุ่มที่อยู่ใต้ร่างได้เปล่งเสียงครางชื่อของเขาอีกครั้งนั้น จินอดไม่ได้ที่จะเผยอยิ้มออกมา...อาจจะดูเหมือนยิ้มที่แปลกประหลาดไปหน่อยก็ได้

นายนั่นเองที่เป็นคนที่ชั้นอยากจะร่วมรักไปตลอดชีวิต มีแต่หน้าของนายเท่านั้นที่ชั้นอยากจะเจอ ร่างสูงไม่เคยได้ให้ความสำคัญกับสิ่งเหล่านี้มาก่อนเลยสักนิด ...แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะสำคัญกับเขามาก เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยก็ว่าได้..ที่เขาไม่สามารถจะได้ในสิ่งที่ต้องการ....

จินต้องแอบยอมรับอยู่ในใจว่าเขาไม่จะไม่ว่าอะไรเลยถ้าคาเมะจะมาเยี่ยมเยือนที่ห้องของเขาอยู่บ่อยๆ ..แต่อย่างไรก็คงต้องขอให้ทุกอย่างมันจบลงเสียตรงนี้ ไม่สำคัญหรอกว่าพวกเขาจะอยากให้เรื่องราวทุกอย่างดำเนินไปตลอดกาลเพียงไร

ร่างบางกระชับเรียวขาที่โอบรอบเอวของจิน ก่อนจะตามด้วยการกระชับวงแขนที่โอบรอบคอของจินไว้แน่น ..เสียงภายในคอยร่ำร้องบอกว่าอย่าเพิ่งปล่อยตัวและใจให้แตะบันไดสวรรค์ไปในตอนนี้ นี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่พวกเขาจะได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ ..ร่างบางจึงอยากจะให้ช่วงเวลาแห่งความสุขยืดนานออกไปสักนิดก็ยังดี

คาเมะไม่เข้าใจเลยสักนิด ...ว่าทำไมเมื่อตอนที่เขาชอบที่จะได้อยู่กับจินแบบนี้แล้วพวกเขาจำต้องถูกบังคับให้อยู่ห่างกัน มันดูน่าขันมากเสียจริง ถ้าตัวเขาถูกเตะออกจากห้องนี้ไปตั้งแต่เริ่มแรกของความสัมพันธ์แล้วล่ะก็ ในตอนนั้นเขาคงจะรู้สึกเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข...ร่างบางครุ่นคิดอยู่ในใจ ...ก่อนที่จะรู้สึกได้ว่าร่างของจินได้สั่นไหวอยู่บนตัวเขา อีกฝ่ายได้ทรุดกายลงแนบตัวไปกับอ้อมแขนที่เปิดกว้างของเขา ต่างก็ได้แต่นอนหายใจหอบอยู่ด้วยกัน

แม้เสียงเข้าออกของลมหายใจจะกลับคืนสู่สภาวะปกติแล้ว แต่ก็ไม่มีใครยอมเคลื่อนไหวขยับกายในตอนแรก สุดท้ายแล้วจินก็เป็นฝ่ายที่กลิ้งตัวลงไปนอนข้างๆคาเมะอย่างเงียบเชียบที่สุด มือแกร่งหนาข้างหนึ่งยังคงโอบอยู่รอบเอวบาง

“น่าสงสารจริงๆ..ที่ชั้นต้องคอยปล่อยให้นายไปในเวลานี้....” จินถอดถอนหายใจ ก่อนจะพูดขึ้นทำลายความเงียบที่อยู่ล้อมรอบพวกเขา

“นายหมายความว่ายังไง?” คาเมะถามพลางมองลอดไหล่บางของตัวเอง เพื่อมองไปยังจินที่กำลังเท้าแขนขึ้นข้างหนึ่งแล้วโน้มตัวลงมาหาเขา

“ก็ตอนที่นายชอบที่จะนอนกับชั้นมากจนต้องกลับมาหาชั้นแบบนี้” ร่างสูงตอบพลางใช้มือข้างหนึ่งไล้ละเลียดไปยังเอวเปลือยเปล่าของคาเมะ สีแดงระเรื่อเล็กๆได้แผ่ขยายไปทั่วแก้มบาง “แล้วยังจะตอนนี้ที่นายกล้าที่จะแตะต้องตัวชั้นมากกว่าแต่ก่อนด้วย”

“ชั้นไม่รู้นี่ว่านายจะชอบน่ะ” คาเมะพูดขึ้น

“ชอบที่นายแตะต้องตัวชั้นน่ะเหรอ?” จินถามด้วยความงุนงงนิดๆ และร่างบางก็พยักหน้ารับ

“ก็ชั้นคิดว่านายคงอยากจะให้ชั้นแค่อ้าขาให้แล้วปล่อยให้นายเป็นคนควบคุมเกมทั้งหมดเองนี่น่า” คาเมะตอบ

“แต่ชั้นก็ไม่เคยบ่นตอนที่นายทำอะไรแบบนั้น ไม่ใช่เหรอ?” จินพูดยิ้มๆ

“ก็ไม่...แต่ชั้นก็ไม่แน่ใจนี่ว่าชั้นได้มองข้างความจริงที่ว่าชั้นได้ทำอะไรที่ไม่สมควรทำไปหรือเปล่า” คนตัวเล็กเอ่ยขึ้นมา ร่างสูงจึงปล่อยเสียงหัวเราะหึๆออกมาด้วยความรื่นรมย์ใจ พวกเขาไม่เคยได้พูดจาเปิดอกกันแบบนี้มาก่อนสินะ

“งั้นก็เดาได้เลยว่า นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมตอนแรกๆที่เรามีอะไรกันนายถึงชอบหันหลังให้ชั้นอยู่เสมอ...” จินพึมพำ

“ชะ ชั้นไม่คิดนี่ว่านายจะอยากเห็นหน้าชั้นตอนที่กำลังทำ....อะไรแบบนั้นอ่ะ ชั้นไม่รู้แม้กระทั่งว่าผู้ชายสองคนจะ..อยู่ในท่าแบบนั้นด้วยกันได้นี่” คาเมะตอบพร้อมสีแก้มที่ระเรื่อขึ้นด้วยความเขินอาย จินก็อดที่จะอมยิ้มออกมาไม่ได้ ร่างบางไม่เคยรู้เรื่องเซ็กส์ระหว่างผู้ชายมาก่อนเลยในชีวิต จนเมื่อจินได้เข้ามาในชีวิตของเขานี่แหล่ะ เรื่องเซ็กส์ทั่วไปเขาก็ไม่รู้เลยด้วยซ้ำ ...ก็ในเมื่อเขาไม่เคยมีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อนเลยนี่น่า “พวกเราเข้าใจกันและกันผิดมาตลอดเลยนะ ใช่ไหมเนี่ย? แต่ชั้นว่าพวกเราคงไม่ต้องห่วงเรื่องนี้อีกต่อไปแล้วนะ...”

“ชั้นก็เดาว่าแบบนั้น..” จินถอนหายใจ ก่อนที่รอยยิ้มที่แต้มบนใบหน้าจะจางหายไป เขานึกอยากจะห่วงกับเรื่องนี้อีกแล้วสิ..เพราะอย่างน้อย...มันก็หมายความว่าพวกเขายังได้พบกันอีก แต่จินก็รู้ดีว่าเขาจำต้องทำในสิ่งที่ดีที่สุด เพราะสิ่งที่เขาเคยได้ทำมันก็คือการเอารัดเอาเปรียบร่างบางนั่นเอง คาเมะไม่คิดเรื่องของเขาอย่างถ้วนถี่อีกต่อไปแล้ว ตลอดเวลาเกือบสองปีมานี้คาเมะก็ไม่คิดเรื่องของเขาอย่างถ้วนถี่เลยสักนิด

อีกอย่างไม่ช้าก็เร็วจินก็จำต้องปล่อยคาเมะไปอยู่ดี ตัวเขานั้นไม่เหมาะกับโลกที่คาเมะอยู่และคาเมะก็ไม่เหมาะกับโลกที่เขาอยู่เช่นกัน นั่นเป็นข้อดีของการได้มาอยู่คุกเลยก็ว่าได้ ..เพราะเป็นที่ๆพวกเขาสามารถอยู่ร่วมกันได้ แต่เรือนจำแห่งนี้ก็กลับทำให้ความรักและภักดีกลับกลายเป็นเรื่องที่น่าสับสนงุนงง ถ้าเรื่องราวมันเกิดยุ่งยากขึ้นมาเมื่อไร เมื่อถึงตอนที่พวกเขาเป็นอิสระพวกเขาก็จะสามารถเดินหนีแล้วทิ้งเรื่องราวทุกอย่างไว้แต่เพียงเบื้องหลัง...แต่ไม่ใช่ที่นี่ ..ในที่นี้พวกเขามีแต่จะทำให้ตัวเองรู้สึกสับสน แล้วจมลึกอยู่ในความสัมพันธ์จนแทบจะถอนตัวไม่ขึ้น..จนกว่าจะถึงวันที่พวกเขาคนใดคนหนึ่งได้ถูกปล่อยตัวออกไป

คาเมะค่อยๆลุกขึ้นนั่งแล้วเก็บเสื้อผ้าที่วางเกลื่อนกลาด เขาอยากจะไปก่อนที่จินจะเป็นคนเอ่ยปากบอกให้ออกไปเสีย

จินไม่ได้ลุกจากที่นอนแม้เพียงนิด ดวงตาคมจับจ้องอยู่ที่ร่างเล็กๆที่เพิ่งจะนอนแผ่อยู่ข้างเขาไปเมื่อไม่นาน ...พูดอะไรสักอย่างออกไปสิไอ้บ้าเอ๊ย บอกให้เขาอยู่กับนาย ..บอกให้เขากลับมาหานาย พูดแนะออกไปว่าเราจะติดต่อกันตอนที่อยู่นอกคุกแทน ..วางแผนหนีไปด้วยกันก็ได้ ...ติดสินบนเขาไปสิ! ไม่ก็แบล็คเมล์เขาซะ!

ไม่นานร่างบางก็เดินออกจากห้องขังไป

จินปิดเปลือกตาลงพลางถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ...หรือไม่ก็ไปฆ่าพวกรุ่นพี่ซะ หรือฆ่าใครก็ได้ที่เข้ามาขวางทางเดินของพวกเขา... ร่างสูงพึมพำอย่างคลุ้มคลั่งกับตนเอง

::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::

“นายดูเหมือนคนที่เพิ่งจะมี....” ยูอิจิพูดขึ้นด้วยความแปลกใจอยู่นิดๆเมื่อเห็นจินกำลังเดินตรงมาที่โต๊ะประจำ หัวหน้าแก๊งลงมาทานอาหารเที่ยงสายไปบ้างเล็กน้อย แต่ถึงจะมาช้าหรือมาถึงตอนที่อาหารเที่ยงเลิกเสิร์ฟไปแล้ว จินก็สามารถที่จะหาอะไรมาทานได้เสมอ “โอ้ พระเจ้าช่วย นายเพิ่งจะมี... ไม่ใช่กับเคย์ตะแน่ๆ ใช่ไหม? ชั้นคิดว่าพวกนายสองคนน่าจะอยู่ห่างๆกันไม่ใช่เหรอ!”

“อะไรทำให้นายคิดว่าชั้นเพิ่งจะมีอะไรกับคาเมะจังมา?” จินส่งเสียงลอดไรฟันเมื่อได้ทรุดตัวลงนั่งตรงกลางระหว่างพวกเพื่อนๆ

“แล้วจะเป็นใครไปได้?” โคคิพูดแหย่ ถึงแม้พวกเขาจะเคยตกลงกันเอาไว้ว่าจะเลิกแหย่จิน เพราะชายหนุ่มหัวหน้าแก๊งนั้นเริ่มจะดูเหมือนคนที่ท้อแท้และสิ้นหวัง เพราะตั้งแต่ที่สูญเสียคาเมะไปในเวลาไม่นาน ความเศร้าสร้อยหม่นหมองเหมือนจะเข้ามาครอบคลุมหัวหน้าแก๊งยังไงยังงั้น

“เรียกว่าสัมผัสที่หกนั่นเอง” อุเอดะถอนหายใจ “มีใครเห็นพวกนายไหม?”

จินทำเพียงแค่ยักไหล่นิดๆพร้อมกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะซุกหัวลงกับฝ่ามือ คนอื่นๆก็พากันใช้ตะเกียบคุ้ยหาอะไรกินในจานของจิน “ชั้นก็หวังว่าจะไม่มีใครเห็น แต่ถ้ามีใครถามก็ให้ยืนยันไปว่าชั้นอยู่กับเคย์ตะจังแล้วกัน... ว่าแต่หมอนั่นไปไหนกันนี่?”

“ก็คงจะอยู่กับเรียวเฮและเรียวอิจิ” จุนโนะตอบ

“เคย์ตะไม่ควรจะไปเตร่อยู่กับพวกนั้นอีกต่อไปแล้ว หลังอาหารเที่ยงพวกเราจะออกไปหาหมอนั่นแล้วก็ลากตัวมาที่ห้องชั้นซะ” จินพูดขึ้นพลางจัดการหยิบข้าวปั้นเข้าปาก

“อคานิชิ”

เมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อของเขา ร่างสูงจึงส่งสายตามองขึ้นไปพบกับเด็กหนุ่มผมสีดำสนิท ผู้ซึ่งร่างกายเต็มไปด้วยรอยสักอยู่หลายแห่ง ...กำลังมองมาที่เขาด้วยทีท่าแปลกๆ

“มิยาบิ” สุดท้ายจินก็เรียกชื่ออีกฝ่ายออกมา เมื่อได้กลืนข้าวปั้นลงคอหอยไปแล้ว “อะไรกันล่ะ? นายจะไม่ลงมานั่งบนตักชั้นแล้วก็บอกชั้นว่าพวกรุ่นพี่น่ะรู้แล้วว่าปู่ย่าตาทวดของคาเมะคือใคร แล้วพวกนั้นก็เลยจะเข้าไปทำร้ายพวกเขาด้วยการโยนออกมาจากหน้าต่างซะ จากนั้นก็เป็นครอบครัวของคาเมะ จากนั้นก็ตัวคาเมะเองแล้วก็ชั้นเหรอ?”

มิยาบิทำเพียงแค่ใช้สายตามองจินขึ้นลงไปมา น้ำเสียงพูดกระแหนะกระแหนของจินในเวลานี้ไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับเด็กหนุ่มแสนสวยคนนี้เลย

“มีอะไร?” ร่างสูงถามขึ้น ค่อนข้างจะปกป้องตัวเองอยู่นิดๆเมื่อเห็นมิยาบิไม่ยอมพูดเข้าเรื่องเสียที อีกฝ่ายได้แต่มองเขาด้วยแววตาแบบเดียวกับที่เพื่อนร่วมแก๊งของเขากำลังมองอยู่ในขณะนี้

“เอ่อ ชั้นมาไม่ถูกเวลาเหรอ?” มิยาบิถามออกมาในที่สุด จินก็ได้แต่กอดอกมองตรงมา

“จริงๆแล้วมันหมายความว่ายังไงล่ะ?” ชายหนุ่มหัวหน้าแก๊งเรียกร้องคำตอบ มิยาบิจึงตัดสินใจที่จะไม่พูดถึงเรื่องที่ถามไปเมื่อกี้ดีกว่า

“งั้นไม่เป็นไร” เด็กหนุ่มหน้าสวยตอบ ก่อนจะส่งสายตามองมาที่จินอีกครั้ง “ชั้นมาที่นี่เพื่อจะสารภาพผิด”

**==**==**==**==**

อีกด้านของเรือนจำที่เรียกขานกันว่าฝั่งเหนือนั่นเอง คาเมะตกลงใจแล้วว่าเขาจะไม่ทนอีกต่อไป

มันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับชีวิตของเขาและครอบครัวของเขาที่ตกอยู่ในอันตราย มันถึงเวลาแล้วที่ควรจะทำอะไรสักอย่าง ร่างบางรู้เกี่ยวกับพวกรุ่นพี่อยู่น้อยมาก แต่มิยาบิเคยบอกมาว่าพวกรุ่นพี่อยู่กันที่ไหน ตัวเขาเองก็พอจะเดาได้ว่าห้องขังของพวกสแมปน่าจะอยู่ตรงส่วนไหน เพราะเขาเองก็อยู่ในฝั่งเหนือด้วยเช่นกัน ร่างบางย่างเท้าเดินไปตามทิศทางที่คิดว่ารุ่นพี่จะอยู่ แต่ก็ต้องเดินไปด้วยอาการกระโผลกกระเผลกเพราะก่อนหน้านี้เขาก็เพิ่งจะมีอะไรกับจินมา

นับว่าคนตัวเล็กโชคดีอยู่บ้างเหมือนกัน เพราะพวกแก๊งเพิ่งจะทานอาหารเที่ยงเสร็จแล้วก็เลยพากันมานั่งรวมกันที่ห้องขังห้องหนึ่ง ชายหนุ่มทั้งห้ากำลังพูดคุยกันอยู่อย่างออกรส แล้วไม่ว่าพวกเขาเหล่านั้นจะพูดคุยกันด้วยเรื่องอะไรก็ตาม หัวข้อนั้นก็ดูจะทำให้พวกเขายุ่งมากเสียจนไม่สังเกตเห็นร่างบางเลยสักนิด

“ชินโง ชั้นไม่อยากจะเชื่อเลยว่านายจะคิดว่ากลลวงแบบนั้นจะเอามาใช้กับที่นี่ได้” ใครบางคนกำลังพูดจาสั่งสอนชายหนุ่มผมสีทองที่กำลังถืออะไรบางอย่างที่คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นชุดเดรสยาว “แถวคุกจอห์นนี่ไม่มีผู้หญิงคนไหนอยู่ใกล้รัศมีเลยสักคน ไอ้ชุดนี้ก็มีแต่จะดึงความสนใจมาให้แบบไม่ตั้งใจมากกว่าที่จะได้ใช้ประโยชน์อะไรจากมัน”

ชินโงออกจะผิดหวังบ้างเล็กน้อย ก่อนที่จะจัดการพับชุดนั้นวางไว้บนตัก “ชั้นก็แค่คิดว่ามันอาจจะใช้ประโยชน์อะไรได้บ้างถ้าพวกเราต้องวิ่งไปจ๊ะเอ๋กับพวกผู้คุมในระหว่างทาง”

“ถ้าพวกเราวิ่งไปเจอกับปัญหาแบบนั้น เราก็จะจัดการในแบบของเราเอง” ชายหนุ่มอีกคนพูดต่อ แล้วใครสักคนก็วางมือไว้บนไหล่ของตัวคนพูด

“โกโร่ ...อย่าถือสาเลยน้า ชินโงก็แค่อยากจะช่วยในแบบที่ตัวเองถนัดเท่านั้นแหล่ะ” ชายหนุ่มพูดขึ้น ก่อนที่จะปล่อยมือจากไหล่ของโกโร่

“ช่วยแบบไหนล่ะ? ช่วยด้วยการเต้นระบำหน้าท้องยั่วพวกผู้คุมในระหว่างที่เราจะจัดการกับพวกนั้นน่ะเหรอ? หมอนี่น่าจะเอาทักษะจริงๆมาใช้ให้เป็นประโยชน์ในวันนี้ได้แล้ว” โกโร่พึมพำเข้าใส่ชายหนุ่มคนที่นั่งข้างๆ

“ชินโงน่าจะไปดูดๆอมๆให้พวกผู้คุมในตอนที่เราไปจัดการกับพวกเขาน่ะ?” ชายอีกคนถามขึ้น ชินโงจึงส่งสายตาจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตาในแบบเดียวกับที่จินชอบใช้เมื่อคิดได้ว่าไอ้เรื่องโจ๊กที่ชอบเอามาเล่นกับเขาน่ะมันเอามาเล่นบ่อยไปแล้ว และอีกอย่างมุกพวกนี้มันก็เก๋ากึ๊กจะตายไป

“ไม่นะ” โกโร่ตอบ

“เพราะนายก็รู้ใช่ไหมว่าชินโงน่ะสามารถที่จะอมกำปั้นทั้งกำปั้นเข้าไปในปากได้เลยนี่น่า...” อีกคนยังพูดต่อ

โกโร่เลือกที่จะทำเมินไม่สนใจ ก่อนที่จะหันไปหาชายคนที่นั่งอยู่ข้างตัวแทน “บางครั้งนายก็ปล่อยหมอนั่นไปง่ายเกินไปนะ คุซานางิ ซึโยชิ”

ชื่อที่ได้ยินทำให้คาเมะผู้ที่กำลังยืนอยู่ตรงบานประตูห้องขังเปิดอ้ากระตุกนิดๆ... แล้วนั่นก็เหมือนเรียกความสนใจจากคนในแก๊งมาที่เขาได้ทันที คนในแก๊งดูจะแปลกใจที่ได้เห็นร่างบอบบางมายืนอยู่ที่หน้าห้องขังของพวกเขา

“สะ สแมปใช่ไหม?” คาเมะถาม พยายามที่จะแสดงท่าทีไม่ตื่นตกใจ ชายทั้งห้าต่างก็จ้องมาที่เขาด้วยความสงสัย

“ถูกต้อง...” หัวหน้าแก๊งเป็นคนพูดขึ้นมาเป็นคนแรก คาเมะจำชายคนนี้ได้ทันที เพราะเคยได้เจอในตอนอยู่ในทางเดินของฝั่งตะวันตกกับจินในวันนั้น ครั้งนั้นพวกรุ่นพี่ได้เข้ามาข่มขู่จินเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ แต่อีกหลายคนนี่สิไม่คุ้นหน้าเอาเสียเลย

คาเมะค่อยๆย่างเท้าเข้ามาข้างใน ก่อนจะตามด้วยอีกก้าว พยายามอยู่ให้ห่างจากสมาชิกทั้งห้าในระยะที่ปลอดภัยที่สุด ชายหนุ่มคนที่มักจะถูกขนานนามว่าปาฏิหาริย์ก็คงจะเป็นสมาชิกของสแมปด้วยใช่ไหม? ร่างบางเฝ้าสังเกตชายหนุ่มอีกสี่คนที่เขาไม่คุ้นหน้าคุ้นตา แล้วใครกันล่ะที่ชื่อว่าคิมูระ ทาคุยะ?

“คนอื่นอยู่กันที่ไหนเหรอ?” คาเมะถาม ได้แต่หวังว่าท่าทางของเขาจะดูเหมือนคนที่พกความมั่นใจมาเต็มกระเป๋า

“คนอื่น?” ชายผมทองถามขึ้น “เราไม่ได้มีสมาชิกมากกว่าห้าคนมาเป็นปีๆแล้ว สมาชิกคนที่หกของพวกเราได้ออกจากแก๊งไปนานแล้ว หมอนั่นสนใจเรื่องที่จะไปลักขโมยมอเตอร์ไซต์แล้วขึ้นแข่งมากกว่า”

“มะ ไม่ใช่ ผมหมายถึง...ผมหมายถึง V6 โทคิโอ แล้วก็ใครก็ได้ที่เป็นพรรคพวกกับแก๊ง?” คาเมะถามขึ้น

“V6 กับ โทคิโอน่ะพบได้ที่ฝั่งตะวันออก แต่เห็นไปทานข้าวเที่ยงอยู่แป๊ปๆ” หัวหน้าแก๊งตอบออกมาอีกครั้ง

“ฟังนะฮะ ผมมาที่นี่เพื่อที่จะพูดให้ชัดเจนไปเลย ผมเข้าใจว่าการที่ผมเป็นเด็กของเล่นของอคานิชิทำให้ผมเป็นเป้าที่ดีที่สุดในการที่จะทำร้ายเพื่อเป็นการแก้แค้นเจ้านายของผม แต่..” คาเมะเริ่มเรื่องก่อนที่ชายอีกคนจะพูดขัดขึ้นมา

“ชั้นได้ยินมาว่าอคานิชิโยนนายออกมาแล้วนี่... เหตุการณ์แปรเปลี่ยนไปอย่างน่าสนจริงๆนะ คาดไม่ถึงเลยทีเดียว” อีกคนพูดขึ้น ก่อนจะใช้สายตามองคาเมะตั้งแต่หัวจรดเท้า “บางทีแล้วนายก็อาจจะไม่ดีอะไรมากขนาดนั้นสินะ หรือบางทีนายอาจจะไม่ได้สำคัญกับอคานิชิมากพอ เพราะเมื่อเราเข้าไปกดดันหมอนั่นเรื่องของนายแล้ว หมอนั่นก็ยอมที่จะปล่อยนายไปมากกว่าที่จะพยายามดูแลปกป้องนายสินะ”

ถ้าถามคาเมะแล้วล่ะก็...หนุ่มนักโทษคนนี้ดูดีที่สุดในชุดของนักโทษเลยทีเดียว ถ้าอย่างนั้นชายคนนี้ก็น่าจะคือคนที่มีชื่อว่าคิมูระหรือเปล่า?

“ถ้าถามชั้นล่ะก็...เรื่องทุกอย่างมันดูน่าสงสัยเกินไป...” อีกคนที่ชื่อว่าซึโยชิ คุซานางิเป็นฝ่ายพูดต่อ “ชั้นหมายถึงว่าอคานิชิเอาหมอนี่มาอยู่ด้วยเป็นปีๆแล้วจู่ๆก็เขี่ยกระเด็นออกมาแบบนี้อ่ะนะ? เวลามันดูเหมาะเจาะกันเกินไป”

“อย่างแรกเลยก็คือนายเป็นเด็กของเล่นในตำนานผู้ที่กลายมาเป็นคนรักของเจ้านายคนที่มีอำนาจมาก- “ เมื่อหัวหน้าแก๊งได้พูดขึ้น คาเมะก็รีบพูดขัดเสียก่อน

“ผมไม่ใช่คนรักของจิน และก็ไม่เคยเป็นด้วย”

“นายดูเหมือนเพิ่งจะถูกทำรักมานี่น่า.....”ชายผมทองที่ชื่อว่าชินโงพูดออกความเห็น ร่างบางก็เพิ่งจะตระหนักในตอนนี้เองว่าเขาควรจะไปอาบน้ำให้สดชื่นก่อนที่จะมาที่นี่สักนิดก็ยังดี ...

“นายได้ไปเตร่กับพวกแก๊ง นายพูดคุยกับพวกเขาแล้วก็พรรคพวกของเขายังกับคนที่อยู่ในระดับเดียวกัน นายสองคนสวมแหวนคู่กัน นายเรียกชื่อของเจ้านายตัวเองด้วยชื่อแรก..” ชายหนุ่มคนที่ร่างบางเดาเอาว่าน่าจะเป็นคิมูระได้เริ่มแจงเหตุผลออกมาเป็นข้อๆ คาเมะรู้เป็นอย่างดีว่าสิ่งนั้นอาจจะทำให้แผนการณ์ของพวกเขาตกอยู่ในอันตรายได้

“เขาบอกให้ผมเรียกเองเพราะผมมักจะจำนามสกุลของเขาตอนที่อยู่บนเตียงไม่ได้” คาเมะตอกกลับ “แล้วเราก็ไม่ได้ใส่แหวนคู่กันอีกต่อไปแล้ว แหวนพวกนั้นก็เป็นแค่สิ่งที่คอยเตือนให้ผมระลึกอยู่เสมอว่าใครคือคนที่ผมต้องรับคำสั่ง พวกนักโทษน่ะเองที่เป็นคนกุเรื่องแล้วลือไปเองว่ามันน่าจะมีอะไรมากกว่านั้น”

“นี่ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องที่ว่านายถูกปล่อยตัวไปอย่างง่ายดายหลังจากที่ไปดูหมิ่นพรรคพวกของหมอนั่น แล้วยังจะความจริงที่จะบอกปัดไม่ได้เลยว่าอคานิชิ จินได้เอาตัวเด็กของเล่นไว้อยู่ตั้งเดือน แล้วในกรณีของนายแล้วล่ะก็เป็นปีเลยไม่ใช่เหรอ” อีกคนพูดขึ้นเหมือนไม่แยแสต่อคำแก้ต่างที่คาเมะพยายามยกขึ้นมาอ้างเลยสักนิด

“นายเพิ่งจะไปหาและนอนกับหมอนั่นมาใช่ไหมเนี่ย?” ชินโงพูดเสริม

“ไม่จริงสักหน่อย” คาเมะค้าน “พวกเขาไม่ยอมให้ผมไปใกล้เขาเลยสักนิด”

“แต่นายเหมือนคนที่เพิ่งจะมีเซ็กส์มา แล้วนายก็ดูไม่เหมือนคนที่เพิ่งจะถูกข่มขืนมาเลยนี่น่า ชั้นเองก็คิดไม่ออกเลยว่าจะมีใครที่นายจะยอมตกเป็นเหยื่อให้ล่า จากที่ได้ยินมานายซื่อสัตย์กับเจ้านายของตัวเองมากนี่น่า” โกโร่ยืนกราน

“ผมอยู่กับยามะพีแล้ว” ร่างบางเอ่ยขึ้น แต่สีหน้าท่าทางจากอีกฝ่ายที่ได้รับนั้น มันดูเหมือนว่าเขาโน้มน้าวให้พวกรุ่นพี่เชื่อไม่ได้เลย ดังนั้นคาเมะจึงพูดต่อ “ผมทรยศเจ้านายไปหาเพื่อนรักของเขา มันเป็นความผิดพลาดที่งี่เง่าที่สุดที่ทำให้ผมต้องสูญเสียตำแหน่งของตัวเองไป แต่อคานิชิไม่เคยบอกปัดเด็กหนุ่มคนที่กราบคลานเข้าไปร้องขอเซ็กส์จากเขาอีกสักครั้ง ผมก็ไม่คิดว่ามันจะจริงหรอกนะจนเมื่อได้มาลองเองนี่แหล่ะ ถ้าพวกคุณมาเป็นผม พวกคุณก็จะทำด้วย”

“แต่อคานิชิไม่เคยรับเด็กที่เคยโยนออกไปคืนมานี่น่า” หัวหน้าแก๊งพูดแจกแจง

“ถูกต้อง” คาเมะตอบ

“งั้นจุดมุ่งหมายของนายก็คือนายอยากจะไปนอนกับหมอนั่นอีกครั้ง ทั้งๆที่มีข่าวลือออกมาว่านายมีอะไรกับยามะพีแล้วนี่นะ?” ชายคนที่ดูโดดเด่นที่สุดในชุดของนักโทษถามขึ้น แม้คำถามที่ถามออกไปจะไม่ดูเหมือนคำถามมากนัก มันเหมือนจะเป็นแค่ความคิดเห็นที่ชี้ออกมาว่าเรื่องเล่าของคาเมะนั้นมีช่องโหว่มากขนาดไหน

ร่างบางพยายามที่จะรวบรวมกายใจ เขาจะปล่อยให้พวกแก๊งมองทะลุเข้าไปถึงบทบาทที่เขากำลังเล่นอยู่ไม่ได้ “จินคงไม่สนผมอีกต่อไปแล้ว และมันก็คือความผิดของผมเองเพราะผมได้ทรยศเขา”

“กับชั้นน่ะเหรอ?” ยามะพีพูดเสริม ร่างบางก็แทบจะกระโดดตัวลอยด้วยความตกใจ การที่เขาได้มายืนอยู่ต่อหน้าพวกแก๊งที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในประวัติศาสตร์ก็ทำให้อะไรๆมันแย่มากพออยู่แล้ว..แต่นี่ยังจะมีนิวส์โผล่มาร่วมด้วย? คาเมะอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกลัวยิ่งกว่าเดิม แต่ร่างบางก็ฝืนไม่ยอมที่จะแสดงความกลัวใดๆออกมาให้คนอื่นได้เห็น

“วันนี้เป็นยังไงบ้างล่ะ ชูจิคุงของชั้น?” ยามะพีพูดงุงงิ้วๆ ก่อนจะมองกวาดไปที่คนตัวเล็กอีกครั้ง “ตอนนี้นายก็ไม่ซื่อสัตย์กับชั้นด้วยใช่ไหมเนี่ย?”

ร่างบางพยายามที่จะละสายจากยามะพีแล้วมองตรงไปยังกลุ่มคนที่อยู่เบื้องหน้าของเขาแทน แอบนึกหวังอยากให้ยามะพีอยู่ข้างเขาบ้างสักครั้งแล้วสิ!

“ฟังนะฮะ ผมไม่สนหรอกว่าพวกคุณจะขู่ทำอะไรผม แต่ขอให้ปล่อยครอบครัวของผมไป” คาเมะพูดต่อ ไม่ว่าจะอย่างไรก็จะต้องจัดการพูดเรื่องนี้ออกมาเสีย ถ้าเขาสามารถสะสางเรื่องครอบครัวของเขาไม่ให้ต้องมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ จากนั้นเขาก็จะสามารถอยู่กับจินได้... แม้เพียงชั่วระยะหนึ่งก็ยังดี “พวกเขาไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้เลยนะฮะ!”

“จริงด้วย...” ยามะพีเอ่ยปากพูดเป็นคนต่อไป ชายหนุ่มพูดจาถือข้างคาเมะพร้อมกับใช้แขนโอบไหล่บางไว้ด้วย “การที่เข้าไปข่มขู่ครอบครัวของคนอื่นแบบนี้...พวกรุ่นพี่ก็น่าจะรู้ดีนี่ว่ามันถือเป็นการกระทำที่ขี้ขลาดที่สุดในแวดวงของพวกเรา นั่นคือทางเดียวที่พวกรุ่นพี่จะทำร้ายจินเหรอ? โดยการเข้าไปทำร้ายผ่านครอบครัวของเด็กของเล่นแบบนี้นี่นะ? เหมือนพวกสมัครเล่นชะมัดเลย ชั้นสามารถที่จะทำให้จินปวดกระบาลได้ทุกเมื่อโดยที่ไม่ต้องอาศัยวิธีแบบนั้น...”

คำพูดที่ได้ยินทำให้เกิดอากัปกิริยาโต้ตอบมากมายหลายอย่าง แต่หัวหน้าแก๊งดูจะออกอาการมากที่สุด “เข้าขู่ครอบครัวของคาเมนาชิจังเหรอ? ใครในที่นี่เข้าไปขู่ทำร้ายครอบครัวของเด็กของเล่นล่ะว่ะ? นั่นถือว่าเป็นการกระทำที่ขี้ขลาดมาก มันไม่ใช่วิธีที่เราจะใช้แน่ นรกแตกเอ๊ย พวกเราเป็นคนตั้งกฎนี้มา อุบ๊ะ นายเข้ามาดูพูดจาดูหมิ่นพวกเราพอๆกับที่ไอ้อคานิชิมันทำเลยว่ะ”

ยามะพีหันกลับไปมองยังคาเมะ ความรู้สึกงุนงงแต่งแต้มไปทั่วใบหน้า “จินบอกชั้นเอง...” หัวหน้าแก๊งนิวส์เริ่มเรื่อง

“จินก็บอกผมแบบนี้เหมือนกัน” คาเมะตอบ ดูเหมือนจะสับสนงุนงงไปด้วย

“ใครเป็นคนพูดหมาๆแบบนี้กับรุ่นพี่อย่างพวกเราว่ะ? โธ่โว้ย แน่นอนว่าเรื่องแบบนี้มันต้องเกิดขึ้นแน่ถ้าทักกี้และซึบาสะอยู่นอกคุกน่ะ” ชินโงถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง

“นรกเอ๊ย เหตุผลเดียวที่เราจะทำร้ายเด็กที่เรียกว่าเด็กของเล่นในตอนแรกนั้นก็เพราะว่าคาเมะจังอยู่มาได้ตั้งนาน งั้นก็เป็นได้ว่าหมอนี่น่าจะเก่งบนเตียงหรือไม่ก็เป็นอะไรที่มากกว่านั้น เราจะไม่เข้าไปทำอะไรคาเมะจังแน่ถ้าเราคิดว่าคาเมะจังไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับอคานิชิ!” ชายหนุ่มหน้าตาดีกล่าวขึ้น ..คนที่คาเมะยังไม่รู้อยู่ดีว่าเป็นใคร

“คาเมะอาจจะเป็นทั้งสองแบบก็ได้นะรุ่นพี่คิมูระ” คุซาโนะพูดแนะ ก่อนจะมองตรงไปยังร่างของคาเมะ แต่คนตัวเล็กดูจะพุ่งความสนใจไปยังที่อื่นอยู่แล้ว

เขาว่าแล้วเชียว! ชายคนนี้คือคิมูระ ทาคุยะ คนที่ถูกโหวตว่าดูฮอทมากที่สุดในชุดของนักโทษ!

คิมูระทำเมินกับคำพูดของคุซาโนะอย่างเต็มที่ ก่อนจะพุ่งตรงไปยังคาเมะและยามะพี “นี่จินเที่ยวไปบอกคนอื่นๆว่าพวกเราจะเข้าจู่โจมครอบครัวของเด็กของเล่นหรอกเหรอ?!”

“ไม่ฮะ มีคนไปบอกจิน แล้วจินก็มาบอกผม...เอ่อ บอกพวกเรา” คาเมะรีบพูดปกป้องจิน

“บางทีอาจจะเป็นเด็กส่งสารของรุ่นพี่ก็ได้น้า หมอนั่นคงอยากจะเขี่ยคาเมนาชิจังไปให้พ้นทางเผื่อว่าจะมีตำแหน่งว่างในห้องของจินก็ได้” คุซาโนะพูดแนะ

“เด็กของเล่นของโทคิโอนี่น่าที่เป็นคนไปส่งสารข้อความสุดท้ายให้กับอคานิชิ” หัวหน้วแก๊งสแมปพูดขึ้น “ชั้นว่าแล้วเชียวว่าไม่น่าจะปล่อยให้หัวหน้าแก๊งโทคิโอส่งมิยาบิเป็นคนไปส่งสารให้อคานิชิเลย มันเหมือนเรากำลังร้องขอให้เกิดเรื่องยังไงยังงั้นแหล่ะ มิยาบิเองก็แทบจะไม่เคยทำตามที่สั่งเลยสักนิดอยู่แล้ว”

“ชั้นเห็นด้วยกับนากาอิ จากนี้ไป เราจะไปส่งสารข้อความต่างๆด้วยตัวเอง..” ชินโงถอนหายใจ พร้อมกับใช้มือแทรกผ่านเข้าไปยังปอยผมสีทอง

“ชั้นก็คิดว่าอคานิชิจะตั้งใจฟังมากกว่านี่น่าถ้าเราส่งเด็กหน้าสวยไปบอก ชั้นก็เลยให้โจชิม่าคุงส่งเด็กของเล่นของเขาไปแทน...” คุซานางิ ซึโยชิพูดพลางยักไหล่

“งั้นก็หมายความว่าพวกรุ่นพี่ไม่ได้ขู่ทำร้ายครอบครัวของผมใช่ไหมฮะ?” คาเมะถามอย่างระมัดระวังถ้อยคำ ชายหนุ่มหลายคนที่อยู่ในแก๊งก็พยายามที่จะไม่ระเบิดอารมณ์โกรธออกมา

“ขอพูดอีกเป็นครั้งสุดท้ายแล้วกัน ...เราไม่ได้ขู่จะทำร้าย ไม่มีใครในหมู่พวกเราที่อ้าปากพูดเกี่ยวกับเรื่องจะทำร้ายครอบครัวออกมาสักคำเดียว! นายต่างหากล่ะที่พวกเราพุ่งเป้าโจมตีน่ะ” หัวหน้าแก๊งเริ่มเรื่อง

ชายหนุ่มทั้งห้าก็แทบจะอ้าปากค้างเมื่อได้เห็นว่าคำตอบของนากาอิทำให้ดวงหน้าของคาเมะสว่างไสวขึ้นมาทันตา ในความคิดของพวกเขาแล้ว ร่างบางไม่ควรจะดูมีความสุขเมื่อได้ยินนี่น่า

“จริงเหรอฮะ? ขอบคุณมากฮะ! ปาฏิหาริย์ของคิมุทาคุมีอยู่จริงๆ!” คาเมะอุทานออกมา ก่อนจะก้มโค้งลงต่ำ แล้ววิ่งปร๋อออกไปจากที่นี่ ชายหนุ่มรุ่นพี่ทั้งห้าคนต่างก็อ้าปากหวอ มองตามหลังคนตัวเล็กออกไปด้วยความงุนงงสับสน

“ความรักน่ะเอง..” ยามะพีพูดขึ้นพร้อมกรอกตาไปมา ต่อเมื่อจะหันหลังแล้วเดินจากไปก็ได้ยินเสียงร้องเรียกตามหลัง

“โอ๊ะ นายน่ะ!”

ยามะพีหันกลับไปมองยังแก๊งรุ่นพี่ “ฮึ?”

“นายพูดว่านายรู้วิธีดัดหลังอคานิชิ จินใช่ไหม” คิมูระถามขึ้น

“...ใช่”

“จริงเหรอ” นากาอิยิ้ม “นั่งลงก่อนสิ คุยกันสักหน่อยนะ เราน่าจะพอมีเวลาพูดแลกเปลี่ยนอะไรกันบ้าง”

+::*+::*+::*+::*+::*+::*+::*+::*

continue here ยังไม่จบคะ อ่านต่อตรงนี้คะ
Previous post Next post
Up