ถึงพอจะรู้ว่าการออกไปในครั้งนี้อาจจะไม่ได้อะไรกลับมา หรืออาจจะไม่ได้พบจินด้วยซ้ำ แต่คาเมะก็ลุกขึ้นจากที่นอนแล้วตัดสินใจที่จะออกไปทานข้าวเช้าในโรงอาหารแทนที่จะทานอยู่ในห้องขัง ในครั้งนี้กัคคุโตะปล่อยให้ร่างบางออกไปข้างนอกได้อย่างง่ายดาย อาจเพราะชายผู้สูงวัยรู้ว่าคาเมะได้รู้ถึงแผนการต่างๆของจินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ..แต่กัคคุโตะก็เตือนคาเมะไม่ให้อยู่ที่โรงอาหารนานแล้วก็ห้ามก่อเรื่อง คนตัวเล็กอดจะรู้สึกไม่ได้ว่ากัคคุโตะนั้นเริ่มถือข้างเขามากกว่าถือข้างจินเสียอีก ...แต่ร่างบางก็รู้ดีว่าในสายตาของกัคคุโตะแล้วลำดับขั้นของเขาก็คงจะต่ำกว่าอุเอดะอยู่ดี
หลังจากที่ได้รู้ว่าซึโยชิก็แค่เข้ามาล้อเล่นกับเขาเหมือนกับคนอื่นๆ ที่ร่วมเล่นไปกับแผนการของจินมาโดยตลอด พอรู้เสียอย่างนี้ร่างบางก็ไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจที่จะเดินออกจากห้องขัง แล้วเดินลงไปตามทางเดินของฝั่งเหนือนั้นด้วย .... เขาเกือบจะไม่รู้สึกอะไรกับการที่ได้ผิดคำสัญญาที่ให้ไว้กับซึโยชิด้วยสิ... ใช่ไหมเนี่ย? คาเมะตกลงใจกับตัวเองแล้วว่าเขาจะไม่รู้สึกผิดอีกต่อไปที่ไม่ได้กักตัวอยู่แต่ในห้องขังตามที่ได้ลั่นปากสัญญาเอาไว้กับซึโยชิ
“นายหลงทางเหรอ?”
...แม้กระทั่งในตอนนี้.....เสียงที่ได้ยินนั้นช่างฟังดูน่าหวั่นสะพรึงกลัวเหลือเกิน...เป็นเสียงที่ไม่อาจจะทำใจให้ลืมได้เลยจริงๆ
“โอ๊ะ..โอ..ไม่...” คาเมะเปล่งเสียงออกมาเมื่อได้หันกลับไปพบเจอกับ โดโมโตะ ซึโยชิ ส่งสายตามองออกมาจากห้องขัง “โอ๊ะตายแล้วสิ...”
“สวัสดีตอนเช้า” ซึโยชิเอ่ยคำทักทาย นับเป็นปาฏิหาริย์เลยก็ว่าได้ที่อีกฝ่ายไม่ได้ยินเสียงร้องครางของเขา
คาเมะกล้ำกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น ความมั่นอกมั่นใจที่เคยมีก่อนหน้านี้ได้บินหายลับไปจากอาคารเรียบร้อยแล้ว ซึโยชิคงจะไม่ยอมรับในเรื่องที่ว่าทำไมเขาถึงผิดคำสัญญาที่ให้ไว้กับอีกฝ่ายแน่ ”สะ สวัสดี ไม่บ่อยเลยนะที่ชั้นจะเห็นนายออกจากห้องขังน่ะ...”
เขาไม่น่าจะพูดเน้นเรื่องที่อีกฝ่ายออกนอกห้องขังเลยจริงๆ
“อืมม ก็ออกบ้างบางครั้งอ่ะนะ ชั้นชอบอยู่แต่ในห้องขังเพราะก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่โคจังจะนึกหาเหตุผลดีๆสักข้อเพื่อมาเจอชั้นในนี้น่ะสิ อีกอย่างถ้าพวกนักโทษเจอชั้นตรงทางเดินก็จะพากันตื่นกลัวซะเปล่าๆ” ซึโยชิตอบ
นั่นอาจจะจริงก็ได้... นักโทษคนอื่นๆดูจะกลัวฝั่งเหนือและนักโทษที่อยู่ในฝั่งนี้มากกว่าฝั่งอื่นเสียอีก คาเมะนึกสงสัยต่อไปว่าถ้านักโทษในฝั่งเหนือพากันเดินว่อนไปมาอยู่รอบคุกจริงๆ มันจะก่อให้เกิดเหตุวุ่นวายขนาดไหนกัน
“ว่าแต่นายกำลังจะไปหาอคานิชิ จินแล้วก็จะพากันไปติดอยู่ในทางลับของจอห์นนี่อีกแล้วล่ะสิ?” เมื่อได้ยินคำถามจากอีกฝ่าย สีหน้าของร่างบางก็ขาวเผือดไม่มีสีเลือดเลยสักนิด ชายคนนี้รู้ได้อย่างไรว่าเขาไปที่ทางลับนั้นมา?!
“นะ นายรู้ได้ยังไง...” คาเมะตะกุกตะกักถามคำถามที่คาอยู่ในใจ ซึโยชิได้แต่ยิ้ม
“โคอิจิ~” ชายสูงวัยกว่าเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง “หมอนั่นรักษาความลับเพื่อที่จะปกป้องชีวิตของตัวเองไม่ได้หรอก ...อืม อย่างน้อย...หมอนั่นก็ไม่เคยปิดบังอะไรชั้นได้หรอก”
“อะ โอ้..” คาเมะพึมพำ ร่างบางได้แต่นึกหวังว่าซึโยชิจะไม่ไปเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ให้คนอื่นฟังด้วย
“แต่อย่างน้อยหมอนั่นก็เป็นคนที่รักษาคำพูดคนหนึ่ง...” ซึโยชิพูดเสริม ร่างบางเบิกตากว้างขึ้นด้วยความกลัวอย่างที่สุด
คาเมะก้มโค้งตัวลงต่ำ “ขอโทษนะที่ชั้นผิดคำสัญญาไปแล้ว!!”
“ชั้นรู้อยู่แล้วว่านายต้องผิดคำสัญญา” นั่นคือคำตอบในแบบที่คาเมะไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะได้ยิน ร่างบางชำเลืองตาขึ้นมองอีกฝ่ายด้วยความแปลกใจ ซึโยชิไม่ได้จะมาฆ่าเขาหรอกเหรอ?
“นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมชั้นถึงให้นายตกปากสัญญากับชั้นซะ” ชายหนุ่มนักโทษจากฝั่งเหนือหัวเราะหึๆเมื่อได้บอกออกไป “ชั้นอยากจะเห็นว่านายจะรักษาคำสัญญานั้นได้นานขนาดไหน ..มันสนุกดีจะตายไป”
“ถ้างั้น...ชั้นก็ยินดีนะ...ที่พอจะทำให้นายสนุกได้บ้างน่ะ...” ร่างบางตอบ ก่อนจะยืดตัวตรงเช่นเดิม “นายรู้เรื่องมาโดยตลอด....”
“เกี่ยวกับแผนของอคานิชิน่ะเหรอ? ใช่แล้วล่ะ”
คาเมะเหมือนอยากจะพูดคำที่เหมือนจะแสดงความไม่เคารพกับอีกฝ่ายยิ่งนัก แต่เขาก็ตัดสินใจที่ไม่เอ่ยออกไป “นายรู้แต่ก็ไม่บอกชั้น”
“ไม่บอก” ซึโยชิเห็นด้วย
“ตอนนั้นที่นายปล่อยชั้นไปน่ะ อคานิชิก็คงไม่อยากจะให้นายปล่อยชั้นไปด้วยใช่ไหม” คาเมะพูดต่อ
“ไม่อยากให้ปล่อยแน่”
“ถ้างั้น...นายอยู่ข้างใครกันแน่?”
“ข้างตัวชั้นเอง”
คาเมะส่งสายตามองดูอีกฝ่ายด้วยทีท่าแปลกๆ ก่อนที่จะรีบกระโจนไปยืนข้างๆเมื่อเห็นซึโยชิขยับตัว
“แต่ถ้านายอยากจะรู้ล่ะก็....ชั้นคิดว่าชั้นชอบนายมากกว่านะ” ชายสูงวัยกว่าพูดแหย่ “นายชอบทำตัวดื้อดึงแต่ก็ซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตัวเอง แล้วก็ชอบทำอะไรงี่เง่าๆหน่อยเพื่อที่จะได้ในสิ่งที่หวัง ชั้นว่าชั้นชอบเด็กหนุ่มแบบนี้แหล่ะ”
เมื่อได้ยินซึโยชิพูดเช่นนี้ ภาพของโคอิจิก็แว่บเข้ามาในหัว “ขอบคุณ...” คาเมะพึมพำ เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าซึโยชิพูดชมหรือว่ากำลังพูดล้อเลียนเขากันแน่
“นายจะไปก็ไปได้แล้วนะ” ซึโยชิโบกไม้โบกมือให้ “อย่ากลัวไปเลย”
คาเมะมั่นใจอย่างมากเลยว่าในครั้งนี้อีกฝ่ายตั้งใจพูดล้อเลียนเขามากกว่าที่จะทำให้เขารู้สึกปลอดภัยเสียอีก ร่างบางค่อยๆเดินเพื่อจะผ่านอีกฝ่ายไปอย่างระมัดระวังตัว....ขณะที่เดินผ่านไปนั้นร่างบางก็แทบจะทำตัวแนบติดกับผนังของอีกฝั่งไปเลยทีเดียว
แบบนี้มันดูน่ากลัวจริงๆ....ร่างบางครุ่นคิดอยู่ในใจขณะที่เดินห่างออกมาจากซึโยชิ คาเมะเดินออกไปจากฝั่งเหนือได้อย่างรวดเร็วมากกว่าที่เคยเดิน แล้วเมื่อได้เดินผ่านนักโทษคนอื่นๆเพื่อจะเดินลงบันไดมานั้น คาเมะคิดว่าเขามองเห็นใบหน้าของจินปะปนไปกับนักโทษที่เดินว่อนไปมาอยู่มากมายหลายคนตรงชั้นสอง ตั้งแต่ตอนเช้าของวันนี้ร่างบางคิดว่าเหมือนได้เห็นร่างของจินยืนอยู่นอกห้องขังในฝั่งเหนือสักสองครั้งได้ แต่คาเมะก็ต้องหาคำมาแย้งกับตัวเอง ถึงจินจะมีธุระปะปังต้องมาที่ฝั่งเหนือจริงๆ อีกฝ่ายก็คงเลี่ยงที่จะไม่มาเป็นแน่
จากที่ไหนสักแห่งในส่วนของชั้นสอง ใครสักคนกำลังยืนอยู่ข้างราวลูกกรงที่ล้อมรอบบริเวณห้องโถงอยู่นั่นเอง.... จินเฝ้ามองร่างเล็กบางที่ก้าวเดินบันไดลงไป
“ดีจริงๆเชียว” ร่างสูงบ่นพึมพำกับตัวเองเมื่อความทรงจำของเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานแว่บเข้ามาในหัว “นายจะปล่อยเขาให้เป็นแบบที่เคยเป็นไม่ได้เลยใช่ไหม? อย่างแรกเลย...นายบอกกับเขาว่าเขากำลังอยู่ในโลกแห่งเทพนิยาย จากนั้นนายก็พยายามตักตวงหากำไรจากเขาในเรื่องนั้น ภายใต้มนต์สะกดที่เจ้าตัวสร้างขึ้นมาแบบนั้นแล้ว .เขาก็คงยินยอมให้นายเอารัดเอาเปรียบเป็นแน่”
ชายหนุ่มรู้สึกผิดหวังในตัวเองอยู่บ้างเล็กน้อยที่ไม่สามารถจะดำเนินชีวิตอยู่ต่อไปโดยปราศจากอีกฝ่ายได้เลย แต่ที่แย่ยิ่งกว่านั้นก็คือการที่เขายังเป็นต้นเหตุทำให้คนตัวเล็กเจ็บปวด..ด้วยการบอกให้อีกฝ่ายไม่ให้เข้ามาหาเขาอีก
ความจริงที่เกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้ก็คือ....มันมีอะไรมากกว่าที่จะสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าเสียอีก ความจริงที่เกี่ยวกับชั้นน่ะเหรอ...นั่นก็คือการที่นายมีความหมายกับชั้นมากกว่าที่ควรจะเป็นน่ะสิ แล้วความจริงที่เกี่ยวกับตัวนายก็คือ...ตัวชั้นไม่ได้มีความหมายอะไรมากสำหรับนายเหมือนที่นายชอบคิดไปเองเลยสักนิด ..เรื่องราวมันก็เป็นแบบนี้แหล่ะ
“ขอให้เชื่อใจชั้น จนกว่าวันนั้นจะมาถึง” จินพูดล้อเลียนตัวเอง “ชั้นมีแต่จะฝืนใจและทำให้นายต้องเกลียดตัวนายเองมากขึ้นในตอนที่นายได้ตื่นจากโลกแห่งเทพนิยายนี้แล้ว ถึงตอนนั้นนายจะได้รู้และเข้าใจเรื่องทุกอย่าง...” จินหยุดนิ่ง ดวงตาคมกล้าไม่เคยละจากร่างของอดีตเพื่อนร่วมห้องที่กำลังหยุดเพื่อต่อแถวรอรับข้าวเช้าเลยสักนิด “นายจะคิดได้เองว่า...นายไม่ควรจะรักชั้นตั้งแต่แรกเลยด้วยซ้ำ”
หลังจากที่ชั้นทำแบบนั้นกับนายแล้ว นายก็ยังกลับมาหาชั้น? นายหาทางออกแบบง่ายที่สุดให้กับความเกลียดชังที่นายเคยเก็บกักไว้กับตัว.... นายหลอกตัวเองให้ติดอยู่กับความรู้สึกจอมปลอมนี้... เพราะว่าร่างกายของนายเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ชอบในสิ่งที่ชั้นทำกับนาย ทำไมก่อนหน้านี้ชั้นถึงไม่สังเกตเห็นได้เร็วกว่านี้ล่ะว่าชั้นได้ทำให้นายเจ็บ? ทำไมชั้นถึงไม่รู้ตัวเร็วก่อนหน้านี้ว่านายจะมีความหมายกับชั้นมากเหลือเกิน? รู้ว่านายจะเป็นคนที่มาเปลี่ยนแปลงตัวชั้น? มันคงเป็นอำนาจของการปฏิเสธใจตัวเองนั่นเอง....เหมือนที่นายกำลังเป็นอยู่ในเวลานี้
“โอ๊ะ คาเมะน่ะทำปากแข็งอยู่ก็จริง แต่ไม่ใช่ในแบบที่นายคิดก็แล้วกันน่า” อยู่ดีๆเสียงของโคคิก็ดังเข้าในหัวของเขาได้อย่างไรกัน? เขาฝันไปอีกแล้วเหรอ?
จินเหลือบมองข้ามไหล่ไปเพื่อจะเห็นเหล่าเพื่อนร่วมแก๊งที่กำลังยืนอยู่รอบตัว เพื่อนพ้องต่างก็มองมาที่เขาด้วยสีหน้าแววตาที่แตกต่างกันออกไป ...มีตั้งแต่สายตาในแบบหดหู่ ท้อแท้ ไปจนถึงรื่นเริงใจเลยเทียว
.....นี่เขาได้พูดออกไปเสียงดังเลยเหรอเนี่ย?
“นายอยู่นี่น่ะเอง เราเริ่มจะนึกสงสัยไปแล้วเชียวว่านายไปไหนกันแน่ เพราะนายไม่ได้อยู่ในฝั่งตะวันตกและก็ไม่ได้ไปทานข้าวเช้าด้วยสิ” ยูอิจิกล่าว “เราออกไปหาที่ฝั่งตะวันออกแล้วก็ไปหาที่ฝั่งเหนือ ....เราไปที่ฝั่งตะวันออกเพราะยามะพีอยู่ที่นั่น เรากำลังเถียงกันอยู่เชียวว่านายคงจะไปอัดหมอนั่นในเรื่องที่เกิดเมื่อวานนี้หรือเปล่า เราไปที่ฝั่งเหนือนั่นก็เพราะ-“ จินได้แต่จ้องไปยังยูอิจิผู้ที่จู่ๆก็ทำเงียบไม่พูดต่อ “เราจะลงไปหาข้าวเช้ากินได้ยัง?”
“ชั้นกำลังจะลงไป” จินตอบ พร้อมเสือกตัวให้ออกมาจากราวระเบียงที่มีแต่สนิมจับเขรอะแล้วเดินลงบันไดไปยังข้างล่าง ร่างสูงรีบร้อนเดินลงไปจนถึงชั้นแรก ก่อนจะรีบพาตัวเองไปยืนใกล้ๆคนที่กำลังยืนรอคิวอาหารเช้าอยู่ตรงปลายแถว เมื่อนักโทษคนที่ยืนอยู่ก่อนหน้าหัวหน้าแก๊งได้หันหลังแล้วมองมาเห็น พวกเขาก็พากันกระโดดออกไปจากแถวแทบจะทันทีทันใดเพื่อเปิดทางให้จินและเพื่อนร่วมแก๊งของจิน จากนั้นพวกเขาจึงได้พากันไปต่อแถวอยู่ข้างหลังพวกของจินแทน ในไม่ช้าร่างสูงก็ได้มายืนอยู่ข้างๆคาเมะอย่างแสนจะง่ายดาย ด้านร่างบางเองก็กำลังยืนอยู่ในแถวที่ใกล้จะถึงโต๊ะที่ตักอาหารอาหารเรียบร้อยแล้ว
ความรู้สึกรุมเร้าภายในที่เหมือนจะบอกคาเมะว่าเขากำลังถูกใครสักคนจับตามองอีกแล้ว ร่างบางค่อยๆหันไปมองด้านข้างเพื่อจะพบว่าเป็นจินนั่นเองที่กำลังยืนอยู่ข้างตัว ..แล้วยังจะคนตั้งกว่าครึ่งที่ยืนอยู่ด้านหลังพวกแก๊ง AT-TUN คาเมะถอยไปยืนข้างๆ เขาก็คงต้องเปิดทางให้พวกแก๊งด้วย ...จากนั้นก็คงจะต้องไปเริ่มเข้าแถวใหม่จากตรงที่ปลายแถว แต่ก่อนที่จะได้ทำตามอย่างที่คิด มือของจินก็มาหยุดร่างบางไม่ให้ถอยไปไหน
“นายมาก่อนชั้นไม่ใช่เหรอ?” ร่างสูงพูดออกมาด้วยรอยยิ้มนิดๆ คาเมะก็จำต้องยืนอยู่ที่เดิมด้วยทีท่ากระอักกระอ่วนใจ รับรู้ได้ถึงสายตาคมที่จ้องมองเขาอยู่อย่างไม่ห่าง สายตาที่เหมือนจะเฝ้ามองทั้งตัวเขาและคอยดูว่าเขาเอาอะไรไปทานในตอนเช้านี้บ้าง
คาเมะพยายามที่จะเลือกอาหารให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ...ร่างบางหยิบข้าวปั้นขึ้นมาสองก้อน ตามด้วยน้ำผลไม้ ก่อนที่จะเดินไปให้พ้นทางของจิน จินเปิดยิ้มให้คาเมะนิดๆเมื่อเขาและพ้องเพื่อนต่างพากันเดินผ่านคนตัวเล็กเพื่อไปนั่งยังโต๊ะทานข้าวที่อยู่ใจกลางโรงอาหาร
“นายจะไม่เลิกก่อกวนเขาเลยใช่ไหมเนี่ย?” โคคิพูดออกความเห็นเมื่อคนทั้งแก๊งต่างก็พากันลงนั่งที่โต๊ะอาหาร
“ชั้นไม่ได้คอยย่องตามเขาสักหน่อย” จินรีบร้อนพูดปกป้องตัวเอง จากตรงหางตานั้นเขามองเห็นร่างบางกำลังนั่งลงยังโต๊ะตัวที่ไม่ห่างจากพวกเขามากนัก
“ชั้นว่าโคคิไม่ได้ถามนายว่ายังงั้นนะ” ยูอิจิพูดแจง
ร่างสูงยักไหล่ทำทีไม่สนใจ “ก็มันถึงคิวคาเมะพอดีนี่น่า แล้วชั้นก็ไม่ได้ขอให้คนอื่นๆโดดออกจากแถวไปเพื่อชั้นด้วย”
“ก็จริง แต่นายก็ไม่ได้ห้ามตอนที่พวกนั้นออกจากแถวด้วยนี่....เห็นจะห้ามก็แต่คาเมะคนเดียว” อุเอดะพูดขึ้น
“ชั้นก็แค่พยายามทำดีกับคาเมะหน่อย ก็หลังๆมานี้พวกเราร้ายต่อเขามากนี่น่า~” จินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้าแหย่
“แล้วเมื่อเช้านี้นายไปไหนมา?” จุนโนะถามขึ้น
“เอ่อ?” ร่างสูงพึมพำทั้งที่ข้าวปั้นยังอยู่เต็มปาก “ตั้งแต่เมื่อไหร่กันฮึ ที่ชั้นต้องคอยมาตอบคำถามพวกนายน่ะ?”
พวกเพื่อนในแก๊งจำต้องทิ้งคำถามข้อนี้ไปเสีย เพราะอย่างไรแล้วจินก็คงไม่เอ่ยปากบอกออกมาแน่ พวกเขาเองก็ไม่อยากจะเล่นเป็นนักสืบที่ต้องคอยมารีดเค้นข้อมูลอะไรต่างๆจากหัวหน้าแก๊งเหมือนที่มาสะจังทำนักหรอก.. จินจะพูดก็เมื่ออยากที่จะพูดออกมาเองเท่านั้น
“อ้ออีกอย่างนะ รุ่นพี่โคอิจิถามหาปืนคืนล่ะ” โคคิเอ่ยขึ้นมา จินเองก็กำลังเคี้ยวข้าวอยู่เสียงดังตุ้ยๆ
“ปืนอะไร?” จินถามระหว่างจัดการกับข้าวปั้น
“ก็ปืนที่นายขโมยมาจากผู้คุมตอนอยู่ทางเดินชั้นแรกไงล่ะ อันเดียวกับที่รุ่นพี่โคอิจิถามนายเมื่อคืนนี้ ตอนที่ยามะพีออกจากห้องนายไปแล้วไง” อุเอดะพูดเตือนความจำของหัวหน้าแก๊ง
“อ้อ อันนั้นเหรอ? ชั้นทำหายตอนอยู่ในทางลับนั่นแล้ว...” ร่างสูงตอบ
“นายโกหกไม่เก่งเหมือนคาเมะจังเลยนะ” ยูอิจิถอนหายใจ
“นายแย่ยิ่งกว่าอีก อย่างน้อยคาเมะจังก็ทำโกหกหน้าตายได้เนียน ขณะที่นายไม่ได้เรื่องเลย” โคคิพูดขึ้น
“โอ๊ะ ไม่จริงสักหน่อย!” จินพูดขึ้นพร้อมกับหยุดอยู่ชั่วขณะเพื่อกลืนข้าวปั้นลงคอ “คาเมะจังเชื่ออยู่ตลอดเวลาในทุกเรื่องที่ชั้นกุขึ้นมาเลยนะ”
“ไม่ เขาไม่ได้เชื่อนายสักนิดเดียว..” จุนโนะบ่นพึมพำ
“จินแสดงเก่งจะตายไป” อุเอดะเริ่มเรื่อง
“น่ะ นั่นไงเห็นไหม” จินยิ้มรับอย่างภาคภูมิใจ
“....แต่พอได้อยู่ต่อหน้าคาเมะจังแล้ว จินแสดงตบตาอะไรไม่เคยสำเร็จเลย” อุเอดะพูดจบประโยค ร่างสูงก็รีบเอี้ยวคอเพื่อมองไปยังอุเอดะ “คาเมะจังอาจจะเชื่อนายอยู่พักหนึ่ง แต่หลังจากนั้นเขาก็เริ่มสงสัย แล้วก็เริ่มมาหานายไง นายอาจจะแสดงหลอกลวงคนอื่นได้ แต่ถ้าคาเมะจังกล้าที่จะมองลึกถึงความรู้สึกจริงๆที่นายมีให้แล้วล่ะก็...ถ้าถึงตอนนั้นนายก็คงไม่สามารถจะตบตาเขาได้อีกต่อไป คาเมะจังเป็นจุดอ่อนของนาย เป็นจุดบกพร่องในการแสดงที่สมบูรณ์แบบของนายยังไงล่ะ”
“เราจะพูดเรื่องนี้กันอีกใช่ไหม?” จินพึมพำ แทบจะทำตัวจมไปกับที่นั่ง
“ถ้าคามะจังทำท่าแสดงความรักอะไรออกมานิดๆหน่อยๆ...ก็แทบจะทำให้หน้ากากที่นายใส่อยู่น่ะหลุดออกมาแทบจะทันทีเลย พวกเราน่ะเห็นมากับตา” โคคิพูดแหย่ “อย่างในตอนที่คาเมะจังกล้ามองสบตานายนานกว่าปกตินั่นน่ะ...มันทำให้นายต้องเผลอยิ้มแบบพิลึกกึกกือออกมาอยู่ตั้งนานสองนาน ถึงคาเมะจังจะมองไปที่อื่นแล้ว นายก็ยังไม่หยุดยิ้มเลยว่ะ”
“ชั้นไม่ได้ยิ้มพิลึกกึกกืออะไรนั่นสักหน่อย!” ร่างสูงพูดค้านเมื่อจู่ๆก็ถูกจู่โจมจากน้ำหนักใดน้ำหนักหนึ่งที่แทบจะทำให้เขาหน้าคว่ำคะมำลงไปในข้าวปั้น..
“ไอ้บ้าจินเอ๊ย นายยังอยู่ถูกฝั่งของคุกอยู่เหรอเนี่ย”
“แล้วจะให้ชั้นไปอยู่ที่ไหนกันว่ะ” จินพึมพำ พยายามขืนตัวให้อยู่สูงขึ้นมาจากจานข้าวเช้า ยามะพีก็เริ่มเอ่ยรายชื่อสถานที่ต่างๆอย่างเช่นทางฝั่งเหนือ ทางลับ แล้วยังจะรวมไปถึงห้องซักรีด หรือแม้แต่ห้องน้ำขึ้นมา
“ก็อย่างที่บอกไปนั่นล่ะว่ารุ่นพี่โคอิจิมาถามหาอาวุธคืน รุ่นพี่ยังบอกมาอีกว่าจอห์นนี่โมโหมากเลยล่ะ” โคคิพูดเพื่อพาวกกลับไปยังหัวข้อก่อนหน้านี้
“โอ๊ะ จริงเหรอ?” จินถามเหมือนกับว่าจะไม่รู้อย่างงั้นแหล่ะว่าสิ่งนั้นจะทำให้จอห์นนี่โกรธขึ้นมาได้
“จอห์นนี่โกรธมากเพราะไม่ใช่แค่ข่าวลือที่ว่าใครบางคนได้บุกเข้าไปยังทางลับของหมอนั่น แต่คนๆนั้นยังบุกเข้าไปออฟฟิศของเขา เอาแฟ้มโน่นไปวางแทนแฟ้มนี่ แล้วยังบุกเข้าไปที่ออฟฟิศของมาสะจังด้วย” อุเอดะพูดต่อ “นายไม่ได้รู้เห็นอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ใช่ไหม?”
“ก็ต้องไม่รู้อยู่แล้วสิ” จินตอบ “อีกอย่างนะ พวกนายรู้เปล่าล่ะว่าแฟ้มของกัคคุโตะหายไปจริงๆ มันไม่ใช่แค่ข่าวลือจริงๆนะ”
อุเอดะพยายามควบคุมอารมณ์โกรธ “บอกมาสิว่านายสองคนไม่ได้ไปทำอะไรกันที่โต๊ะทำงานของหมอนั่นน่ะ”
“ไม่ได้ทำ” จินพึมพำ ท่าทางผิดหวังเล็กน้อย เขาพยายามจะหว่านล้อมให้คาเมะจังมีอะไรด้วยที่โต๊ะทำงานของจอห์นนี่ตั้งสองครั้งได้.....สองครั้ง..ถ้านับในความฝันรวมอยู่ด้วยล่ะนะ....แต่ก็ต้องผิดหวัง ถ้าเขามีโอกาสอีกล่ะก็..เขาจะต้องทำสำเร็จอย่างแน่นอน จินสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะกับตัวเอง “ชั้นจะไปอาบน้ำล่ะนะ~”
“อาบน้ำเย็นแล้วกันเผื่อนายจะได้ช่วยตัวเองไปด้วยไง เพราะไหนๆก็ไม่ได้มีอะไรกับคาเมะจังมานานแล้วนี่น่า” ยามะพีพูดแนะ ทำให้จินต้องยืนตัวแข็งจากจุดที่ยืนอยู่ห่างจากโต๊ะไปมากกว่าครึ่งแล้ว
“เมื่อคืนนี่นายก็เพิ่งจะพูดออกมาเองไม่ใช่เหรอว่าชั้นไปเล่นกุ๊กกิ๊กกับคาเมะจังที่ทางลับของจอห์นนี่มาน่ะ?” จินพูดด้วยความฉุนเฉียว
“ก็ใช่ แต่พอได้เห็นนายมีท่าทีตื่นๆก็พอเดาได้ว่านายคงไม่ได้ทำอะไรๆอย่างที่ต้องการน่ะสิ” ยามะพีพูดขึ้น
“แล้วนายมาทำอะไรที่นี่อีกว่ะ?” จินพูดออกมาด้วยไหวพริบ ชักจะเกลียดกับวิธีการที่เพื่อนรักของเขามักจะอ่านเขาได้อย่างกับอ่านหนังสืออย่างไงอย่างงั้น ยามะพีมักจะเก่งกว่าเขาในเรื่องของการเรียนด้วยสิ เหตุผลเดียวที่อคานิชิ จินสนใจที่จะทำเกรดให้ดีก็เนื่องมาจากการแข่งขันอย่างไม่มีที่สิ้นสุดกับหัวหน้าแก๊งนิวส์นี่แหล่ะ
“ก็ตอนที่นายหายไปตอนนั้นมันทำให้ชั้นเป็นห่วงเพื่อนรักของชั้นมากๆน่ะสิ” ยามะพีแย้ง
“ชั้นไม่ได้หายไปไหนสักหน่อย” จินพูดขัดขึ้น ก่อนจะจ้องเขม็งไปยังยามะพี พวกเขาต่างก็มีเรื่องโกหกอีกเรื่องที่จำต้องช่วยกันเก็บงำ นั่นก็คือเรื่องโกหกที่ว่าจินและคาเมะไม่ได้หายไปอยู่ที่ทางลับของจอห์นนี่ทั้งคืนสักหน่อย ...ยามะพีเองก็ยิ่งทำให้สถานการณ์มันย่ำแย่ยิ่งกว่าเดิม
“อีกอย่างนะ ชั้นสังเกตเห็นว่านายไม่ได้โยนเคย์ตะจังออกจากห้องเหมือนคราวคาเมะจังเลยนี่น่า ว่าไง ชั้นก็นอนกับเคย์ตะจังด้วยนี่ ทำไมนายไม่เปิดฉากแล้วเตะเคย์ตะจังออกมาเหมือนตอนที่ทำกับคา-“ ยามะพีพูดๆอยู่ก็จำต้องกระโดดลงไปยืนแล้วรีบใส่เกียร์หนีเอาชีวิตให้รอดจากจิน
จินแยกเขี้ยว ก่อนจะวางตะเกียบด้ามที่เขาเตรียมจะใช้ยัดลงคอเพื่อนรักเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ลงบนโต๊ะทานข้าว “ชั้นจะกลับไปฝั่งตะวันตก! ถ้าหมอนั่นตามชั้นมา ชั้นจะฆ่าให้ตายซะ!”
ยามะพีไม่ได้ตามจินไปที่ฝั่งตะวันตก แต่เพียงไม่นาน...คนที่ตามไปก็คือคาเมะต่างหาก
คาเมะสูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอดเมื่อได้ย่างเท้าเข้ามาในฝั่งตะวันตกที่รู้สึกคุ้นเคย นึกสงสัยต่อไปว่าถ้าจินเจอเขาอีกครั้งอีกฝ่ายจะทำตัวเช่นไร จินจะทำตัวเหมือนจินคนเดิม คนที่เขารู้จักมาเป็นเวลานานมากกว่าหนึ่งปี คนที่เขาได้พบและเจออีกครั้งเมื่อตอนที่ไปหลงอยู่ในทางลับของจอห์นนี่ หรือว่าจินจะกลับไปเป็นอีกคน ..คนที่เขาไม่สามารถจะเอื้อมมือไขว่คว้าได้เลย
การที่ได้มีโอกาสใกล้ชิดจินในห้องซักรีดอีกครั้ง..มันทำให้รู้สึกดีมากเหลือเกิน จินจูบเขา ...จินต้องการตัวเขา....มันเหมือนเป็นแรงผลักดันลึกๆที่บังคับให้ต้องออกมาจากฝั่งเหนือแล้วเข้ามาในฝั่งตะวันตกอีกครั้ง อีกอย่าง...ในตอนเช้านี้จินยังส่งยิ้มให้เขา...จินไม่ได้พูดจาดูถูกอะไรเขาอีกทั้งๆที่พวกเขาต่างก็ยังต้องเก็บงำเรื่องโกหกที่ว่าเขาได้ทรยศหักหลังเจ้านายแล้วถูกเตะออกมาจากห้องเอาไว้อยู่ สิ่งที่จินทำในตอนเช้าเหมือนเป็นแรงช่วยเสริมให้ความต้องการที่จะพบจินนั้นเพิ่มสูงขึ้น....ถึงแม้จะรู้ดีว่าเขาไม่ควรจะทำเช่นนั้นก็ตาม
แต่เขายังไม่ได้กล่าวขอบคุณจินอย่างเหมาะสมเลยนี่น่า ถ้าไม่ทำเสียในตอนนี้....ก็อาจจะไม่มีโอกาสได้ทำอีกแล้ว ...เพราะจินกำลังจะจากไปในไม่ช้า แล้วเขาก็จะไม่มีโอกาสเจออดีตเจ้านายอีกต่อไป
ร่างบางต้องนึกแปลกใจที่กลับพบว่าพวกอาราชิกำลังทำงานกันอยู่อย่างขมีขมันมากกว่าเดิมเสียอีก...เพราะเห็นมาเฝ้ายามคุมฝั่งอยู่อย่างจริงๆจังๆ ในตอนแรกนั้นชายหนุ่มทั้งห้าไม่ยินยอมแม้แต่จะให้ร่างบางได้ผ่านเข้าไปข้างใน
“ชั้นรู้เรื่องทุกอย่างแล้ว” คาเมะตอบ สีหน้าของร่างบางนั่นเองที่บอกและยืนยันกับชายหนุ่มทั้งห้าว่าเขารู้เรื่องทุกอย่างแล้วจริงๆ
“งั้นนายก็น่าจะรู้ดีว่าควรจะอยู่ให้ห่างๆซะ” โอโนะพูดแนะ
“ชั้นแค่อยากจะเจอเขาอีกแค่ครั้งเดียว” คาเมะพูดขึ้นด้วยความอดกลั้น เขาจะไม่หันหลังแล้วเดินจากไปแน่
ทั้งห้าหนุ่มต่างก็ส่งสายตามองกันและกัน ก่อนที่จะถอนหายใจออกมาอย่างพร้อมเพรียง พร้อมกับถอยออกไปยืนอยู่ข้างๆอย่างลังเลนิดๆ
“รีบไปสิ ก่อนที่พวกชั้นจะให้ใบแดงกับนาย....” มัสสุโมโตะพึมพำเมื่อคาเมะก้าวผ่านพวกเขาไป
เมื่อได้ย่างเท้าเข้ามาในฝั่งตะวันตกนั้น คาเมะก็ได้รับการต้อนรับแบบเดียวกับที่ได้เจอจากแก๊งอาราชิ ร่างบางพบจินอยู่ตรงบันไดที่ไต่ขึ้นสู่เตียงชั้นบน จินดูท่าทางเหมือนคนท้อแท้และสิ้นหวังเหลือเกิน
“นายมาทำอะไรที่นี่?” ร่างสูงถามขึ้นเมื่อสังเกตุเห็นคนตัวเล็ก ก่อนที่น้ำเสียงของอีกฝ่ายจะเปลี่ยนเป็นแฝงด้วยความกังวลเล็กน้อย “มีอะไรเกิดขึ้นกับนายหรือเปล่า?”
ร่างบางส่ายหัวนิดๆ จินก็ถอนใจออกมาด้วยความโล่งอก
“ชั้นบอกไม่ให้นายมาที่นี่ยังไงล่ะ” ร่างสูงพูดขึ้น ก่อนจะทรุดลงนั่งบนเตียงล่าง
“ชั้นรู้” คาเมะตอบพร้อมกับเดินเข้าไปหา “แต่....ชั้นอดไม่ได้นี่ ชั้นเพิ่งคิดได้ว่าชั้นยังไม่มีโอกาสได้พูดขอบคุณนายเลย”
เมื่อคาเมะก้าวมาหยุดอยู่ตรงหน้า จินก็แหงนหน้าขึ้นเพื่อมองสบตากับอีกฝ่าย “ไม่เป็นไร ตอนนี้ก็กลับไปที่ห้องของกัคคุโตะ แล้วก็อยู่ที่นั่นซะ นี่คือคำสั่ง”
“นายสั่งชั้นอย่างกับว่าชั้นยังเป็นของนายอยู่อย่างงั้นแหล่ะ?” ร่างบางถาม จินจึงหรี่ตามอง
“ใช่แล้ว ถ้านายรู้ว่าอะไรที่ดีสำหรับตัวนายและคนที่นายห่วงแล้วล่ะก็ นายหันก้นเล็กๆของนายแล้วเดินออกไปจากห้องได้แล้ว” จินตอบ แต่ก็ต้องประหลาดใจยิ่งที่เห็นคนตัวเล็กกลับเลื่อนตัวมานั่งบนตักของเขาแทน
“แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรล่ะถ้านายต้องเสียเวลามาปกป้องชั้น...ทั้งๆที่ชั้นก็ไม่ได้ให้อะไรตอบแทนนายเลย?” คาเมะถาม
“นายไม่ชอบหรอกเหรอ ?” จินพูดต้อนอีกฝ่าย “คาเมะ เรากำลังเล่นอะไรกันอยู่ล่ะนี่?”
“ชั้นก็แค่อยากจะมาขอบคุณ” ร่างบางตอบ ก่อนที่จะโน้มตัวลงเพื่อประทับจูบไปยังเรียวปากอิ่มของจินอย่างแผ่วเบา ร่างสูงดึงข้อมือบางเอาไว้ แล้วจึงออกแรงผลักคนตัวเล็กให้ออกห่างไปอย่างนุ่มนวล ..
“นายสามารถจะขอบคุณชั้นได้ด้วยการทำตามที่ชั้นบอก” จินดึงดัน
“แต่มันไม่ยุติธรรมเลยนี่” คาเมะยังดันหัวข้อนี้อยู่ ก่อนจะโน้มตัวลงไปด้านหน้าเพื่อประกบจูบนิดๆลงบนซอกคอของจิน “เมื่อวานนี้ชั้นเพิ่งจะรู้ว่านายเองก็ต้องการตัวชั้น แต่นายกลับต้องมาติดแหง่กอยู่กับเด็กของเล่นที่นายไม่ได้ใช้เลยนี่น่า อย่างน้อยที่ชั้นพอจะทำให้นายได้ก็คือแสดงให้นายรู้ว่าชั้นยินดีกับสิ่งที่นายทำเพื่อชั้น ...ชั้นยังเอาไอ้นี่มาด้วยนะ....”
ร่างบางถือของขวัญวันเกิดที่จินให้ระหว่างนิ้วเรียว
“ชั้นไม่เคยอยากให้นายต้องปิดกั้นตัวนายเองแล้วอ้าขาให้แบบนี้หรอกนะ!” ร่างสูงตอบ มือแกร่งยังคงจับแน่นอยู่ที่ร่างของคาเมะจนอีกฝ่ายแทบจะสะดุ้งหนี จินคล้ายจะโมโหอยู่นิดๆเมื่อเห็นคาเมะทำตัวดื้อดึง
“ไม่งั้นเหรอ? แม้แต่ในตอนแรกๆเลยนายก็ไม่อยากให้เป็นแบบนั้นเหรอ? ไม่ใช่ว่าวิธีการในคุกมันเป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอ? มันคือความจริงที่เกี่ยวกับคุกนี้ไม่ใช่เหรอ?” เมื่อคาเมะถามกลับ จินก็จำต้องหยุดเงียบ
“นายไม่เคยเป็นแค่ของเล่นนะ....ชั้นยอมรับว่าในตอนแรกนั้นนายเป็นเหมือนสิ่งที่น่าท้าทายใจชั้นมาก แต่นายไม่ใช่ของเล่นแน่” จินพูดยืนยัน พยายามที่จะปิดเสียงเล็กๆที่ดังอยู่ในหัวของเขาที่คอยจะบอกว่า ‘แม้ในบางครั้งชั้นจะพยายามโน้มน้าวใจให้คิดไปว่านายเป็นก็เถอะ’ ร่างบางค่อยๆรั้งแขนให้เป็นอิสระจากการเกาะกุม
“ได้โปรดเถอะจิน...” คาเมะเอ่ยขึ้นด้วยเสียงกระซิบกระซาบ มือเล็กยกขึ้นไปปลดกระดุมสองสามเม็ดแรกบนเสื้อเชิร์ตของจิน ก่อนจะแยกสาบเสื้อเพื่อเผยให้เห็นสายสร้อยที่มีแหวนสีเงินผูกติด ร่างบางผ่อนน้ำหนักไปยังอีกด้าน แล้วค่อยๆปิดระยะห่างระหว่างสองร่าง “ให้ชั้นอยู่สักพักเถอะนะ...” คนตัวเล็กกระซิบคำหวานแนบใบหูของอดีตเพื่อนร่วมห้อง
ช่วงเวลานั้นเองที่จินปล่อยใจให้เตลิดวาบหวามไปกับรสสัมผัสจากเรียวปากบางที่คอยละเลียดคลอเคลียอยู่บนลำคอของเขา นี่เขาฝันไปหรือเปล่า? ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่คาเมะมาหาเขาด้วยจุดประสงค์เช่นนี้? ร่างสูงพยายามที่จะต่อสู้กับความรู้สึกต่างๆที่เข้ามารุมเร้า
“ชั้นไม่ต้องการแบบนี้” คาเมะหยุดนิ่งเมื่อได้ยินน้ำเสียงจริงจังของอีกฝ่าย มันเหมือนกับว่าจินพยายามที่จะข่มอารมณ์โกรธที่พร้อมจะปะทุออกมาได้ทุกขณะ “ชั้นไม่อยากให้นายต้องจ่ายชั้นแบบนี้อีกต่อไป ชั้นรับคำขอบคุณของนายแล้วกันนะ ตอนนี้ก็ออกไปได้แล้ว”
“ชั้นก็ไม่อยากต้องจ่ายนายแบบนี้เหมือนกัน” คาเมะตอบ รู้สึกไม่มั่นใจอยู่เล็กน้อย แต่ก็ยังปักหลักนั่งอยู่บนตักกว้าง
“ถ้างั้นนายมาทำอะไรที่นี่?” จินเรียกร้องคำตอบ
ร่างบางหยุดนิ่ง..แม้ไม่แน่ใจว่าเขาควรจะตอบออกไปอย่างที่คิดดีหรือไม่ ...แต่ก็เลือกที่จะตอบออกไปอยู่ดี “ชั้นอยากจะสานต่อในสิ่งที่นายทำค้างไว้ในห้องซักรีด....แล้วก็ที่นายเกือบจะทำบนโต๊ะของจอห์นนี่ยังไงล่ะ”
“เราทำแบบนั้นไม่ได้...นายน่าจะไปก่อนที่....” จินเปิดปากพูด แต่ก็ต้องนึกแปลกใจเมื่อรู้สึกว่าคาเมะได้ประทับจูบอย่างแผ่วเบาลงบนผิวที่เปลือยเปล่าของเขาเสียก่อน “นายควรจะไปก่อนที่จะมีใคร...” อีกหนึ่งจูบที่วาบหวามได้เข้ามาขัดอีกครั้ง
จินไม่ชอบที่จะถูกเย้าแหย่แบบนี้เลยจริงๆ ทำไมเมื่อตอนที่คาเมะเป็นฝ่ายรุกและเข้ามาหาเขาก่อน เขากลับถูกห้ามไม่ให้สัมผัสแตะต้องคนตัวเล็กที่กำลังเม้มจูบอยู่บนซอกคอเขากันนะ? ถ้าพวกเขาถูกใครมาพบเขาล่ะ......ถ้ามีใครมาเจอเข้าล่ะก็..... หรือว่าถ้ามีใครได้ยิน....
จุมพิตที่ประทับลงบนส่วนไหปลาร้าของร่างสูง ทำให้ต้องหลงลืมกับความกลัดกลุ้มกังวลที่เคยมีก่อนหน้านี้ ร่างสูงใช้มือช้อนที่ใต้คางของคาเมะ
“พอกันที” จินพึมพำออกมา ก่อนจะประกบเรียวปากอิ่มลงบนเรียวปากของคาเมะผู้พร้อมและยินดีจะเผยอกลีบปากแย้มออกมาเพื่อให้อีกฝ่ายได้ใช้ลิ้นเกี่ยวตระหวัดเข้าไปลิ้มรสภายใน ก่อนจะใช้แขนแกร่งโอบรอบร่างบอบบาง ร่างบางเปล่งเสียงครางด้วยความรัญจวนเมื่อมือหนานุ่มได้แทรกเข้าไปลูบไล้อยู่ใต้ร่มผ้า
นิ้วเรียวยาวของจินได้เข้าไปปลดกระดุมและเปลื้องเสื้อออกมาเพื่อให้พ้นจากไหล่กว้างของตัวเองอย่างเร่งร้อน คนตัวเล็กก็เม้มจูบลงบนส่วนนั้นย้ำอีกครั้ง
continue here ยังไม่จบคะ อ่านต่อตรงนี้คะ