In His care 33

Dec 07, 2008 22:06



Title: In his Care
Author:blue_orbs
Translated and wrote in Thai by daniellove& windzephyr
Pairing: Akame
Rating: NC-17
Disclaimer:The plot belongs to blue_orbs darling
Summary: For this chapter N/A

Thanks รียา อารียา reeya-areeya to be my lovely
beta ,how could I survive without YOU *kisses*
Special thanks to ก้อย jk_no_koi

Chapter 33

“จิน!!”

“คาเมะจัง! คาเมะ!!”

“จิน! จิน คาเมะจัง!!”

“พวกนายไม่เป็นไรนะ?”

“จิน!!”

คาเมะไม่เข้าใจว่าได้เกิดอะไรขึ้นเพราะเขานั้นเพิ่งจะอยู่บนชั้นสอง ยังได้เห็นจินเดินอยู่ด้านหน้าพร้อมทั้งหันมาส่งยิ้มให้ แล้วเพียงจากนั้นไม่นานจู่ๆเขาก็กลับได้มานั่งอยู่ระหว่างโต๊ะในโรงอาหารของชั้นแรก แถมมีจินอยู่ข้างๆ ..จินยังคงนอนนิ่งไม่ไหวติง ..แล้วก็ไม่ได้แย้มยิ้มให้เขาอีกต่อไป

เสียงที่ดังอยู่รอบตัวเหมือนจะค่อยๆดังห่างออกไป ถ้าเพียงร่างบางจะสามารถถอนสายตาออกจากจินได้แล้วล่ะก็ ..เขาก็จะได้เห็นนักโทษคนอื่นๆก็กำลังนอนกันเกลื่อนบนพื้นอยู่ข้างตัวเขาด้วยเช่นกัน

“ใครก็ได้ไปตามคนมาช่วยทางนี้หน่อย!” โคคิตะโกนบอก ขณะเดียวกันนั้นพวกเขาทั้งสี่ต่างก็พากันวิ่งฝ่าฝูงชนลงบันไดมา

“คาเมะ! คาเมะจัง จินไม่เป็นไรใช่ไหม?” ยูอิจิตะโกนถาม แต่ร่างบางที่นั่งอยู่บนพื้นไม่ตอบคำใดออกมา “คาเมะ!”

อุเอะดะดึงแขนของยูอิจินิดๆ

“คาเมะจังช็อคไปแล้ว” อุเอดะบอกเพื่อนร่วมแก๊ง “มองเขาสิ คาเมะจังดูเหมือนจะไม่รับรู้เลยว่าได้เกิดอะไรขึ้น”

“ชั้นมองไม่เห็นคาเมะจังแล้วสิ!” ยูอิจิบ่นเพราะเกือบจะชนเข้ากับนักโทษที่เดินอยู่รอบๆ โคคิจึงต้องดึงร่างของยูอิจิเข้ามาหาตัว

“เขากำลังร้องไห้...และก็เขย่าตัวจินด้วย!” จุนโนะตะโกนบอกเมื่อพยายามที่จะแหวกทางเดินให้ออกกว้างโดยมีอุเอดะเดินตามหลังอยู่ไม่ห่าง เมื่อความช่วยเหลือได้เข้ามาถึงท้องที่นั้น ชายหนุ่มทั้งสี่คนก็เดินจนใกล้จะถึงในส่วนของชั้นแรกแล้ว

เจ้าหน้าที่สองนายจำต้องดึงคาเมะให้ออกห่างจากจิน หลังจากนั้นร่างของคาเมะก็ทรุดอยู่ในวงแขนของชายทั้งสองคน ...เปลหามถูกนำมาเพื่อจะยกตัวจินขึ้นจากพื้นและอีกอันก็เพื่อคาเมะ พร้อมกับเปลหามอีกหลายๆอันที่เตรียมมาสำหรับนักโทษคนอื่นๆด้วยเช่นกัน

_++_+++_

สิ่งเดียวที่อยู่ในใจของโคอิจิก็คือ มันเกิดอะไรขึ้น แต่เขาก็ยังไม่อยากจะยอมรับอยู่ดีว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนี้มันทำเขายิ่งนึกห่วงความปลอดภัยของนักโทษคนหนึ่งยิ่งนัก

โคอิจิรีบร้อนเปิดประตูลูกกรงบานสุดท้ายที่นำเข้าไปสู่ส่วนที่อยู่ของเหล่านักโทษ แล้วสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวอย่างที่สุดก็คือการได้เห็นนักโทษส่วนหนึ่งนอนแน่นิ่งไม่ไหวติงอยู่บนพื้นโรงอาหาร ผู้คุมหลายคนกำลังยกตัวพวกคนเจ็บเหล่านั้นวางบนเปลหาม พื้นซีเมนต์แดงฉาบไปด้วยสีแดงของเลือด ทุกหนทุกแห่งก็เต็มไปด้วยความวุ่นวายอลหม่าน

ผู้คุมหนุ่มรีบเดินฝ่าฝูงชนขึ้นไปยังบันได เท่าที่ได้เดินผ่านมานั้น เขายังไม่เห็นพวกเพื่อนๆของเขาเลยสักคนเดียว..ก็ได้แต่หวังว่าพวกเขาเหล่านั้นจะไม่เป็นอะไรมากนัก

โคอิจิไม่เคยพบเห็นอะไรเช่นนี้มาก่อน มันได้เกิดอะไรขึ้น? ได้เกิดการจราจลขึ้นหรอกเหรอ? ใครสักคนพยายามที่จะแหกคุกหนีงั้นเหรอ?

โคอิจิสรุปออกมาด้วยความกลัวว่าสิ่งที่เป็นอันตรายคุกคามในขณะนี้คงจะเริ่มแพร่ไปยังฝั่งเหนือด้วยแล้ว เพราะปกติส่วนนี้ของคุกจะดูเงียบสงัด..เงียบอย่างน่าสะพรึงกลัว แต่วันนี้กลับเต็มไปด้วยเสียงดังอึกทรึก เหล่านักโทษก็ดูแตกตื่นกันใหญ่

โคอิจิแทบจะบินไปยังห้องขังที่ตั้งอยู่ช่วงกลางของทางเดิน ในขณะเดียวกันนั้นหัวใจของเขาก็แทบจะหลุดออกมานอกอกเสียให้ได้ ซึโยชิ! ซึโยชินอนแน่นิ่งไร้สติอยู่ที่พื้นห้อง!

โคอิจิรีบเดินเข้าไปหานักโทษหนุ่มอย่างไม่รอช้า ก่อนจะตามด้วยการเข้าไปตรวจดูชีพจร เขายังได้ยินเสียงหัวใจของอีกฝ่ายเต้นอยู่ แต่ซึโยชิเองดูเหมือนจะไม่หายใจเลย

อย่าตื่นตระหนก! ลองคิดทบทวนในสิ่งที่ได้เรียนมาจากโรงเรียนสอนผู้คุมสิ! ทำใจให้สงบเข้าไว้ ผู้คุมหนุ่มร้องสั่งตัวเองเมื่อค่อยๆใช้ปากประกบไปยังริมฝีปากของซึโยชิ มันเหมือนกับเป็นจูบเดียวแห่งชีวิตเลยก็ว่าได้....โดยเฉพาะถ้ากับโดโมโตะ ซึโยชิแล้วล่ะก็

“กลับมาสิ ฟื้นได้แล้วนะ...” เสียงของโคอิจิสั่นไหวเมื่อยามที่ได้ร้องบอกออกไป เขาจำต้องกลั้นน้ำตาไม่ให้เอ่อล้นออกมา ซึโยชิไม่แสดงสัญญาณใดๆให้เห็นว่าอีกฝ่ายจะเริ่มหายใจด้วยตัวเองเลยสักนิด สาเหตุอะไรกันที่ทำให้ซึโยชิต้องบาดเจ็บเหมือนคนอื่นๆล่ะ?

เมื่อกลีบปากที่สั่นไหวของโคอิจิวางประกบอีกฝ่ายเพื่อจะเป่าลมเข้าปอดเป็นครั้งที่สามนั้น จู่ๆผู้คุมหนุ่มก็รับรู้ได้ว่าลิ้นอันอุ่นชื้นของคนที่กำลังนอนสลบอยู่นั้นได้แทรกเข้ามาในโพรงปากของเขาพร้อมทั้งกระหวัดเกี่ยวลิ้นอย่างดูดดื่ม

โคอิจิรีบรั้งตัวกลับอย่างเร็วที่สุด มือบางข้างหนึ่งได้ยกขึ้นปิดที่ริมฝีปาก ก่อนจะมองลงไปเจอกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ฉาบบนใบหน้าของอีกฝ่าย

“ทำไมหยุดล่ะ ชั้นกำลังสนุกอยู่เชียว” ซึโยชิบ่นพึมพำ

“นาย..ไอ้บ้าเอ๊ย มีคนกำลังเจ็บหนักกันอยู่นะ แต่นายกลับมาเล่นเกมซะนี่!” โคอิจิตะคอกใส่ ก่อนจะยันตัวขึ้นยืนอย่างรวดเร็วและรีบร้อนออกจากห้องขังไป มันทำให้เขาหงุดหงิดยิ่งนักที่ซึโยชิมักจะเอาชนะเขาไปได้ โคอิจิรีบผลักความคิดนั้นออกไปเสีย ชายหนุ่มพยายามตั้งใจออกไปเดินตามหาอคานิชิและพวกแก๊ง อีกทั้งนิวส์ คันจานิ 8 และอาราชิ

“โคอิจิ” จากที่กำลังวิ่งพล่านอยู่นั้นโคอิจิก็ได้หยุดอยู่กับที่ แล้วเมื่อได้มองข้ามไหล่มองออกไปนั้นเขาเห็นผู้คุมคนที่สนิทกับเขากำลังวิ่งเข้ามาหา

“ยูคุง!” โคอิจิตะโกนตอบ “ชั้นไม่รู้ว่านายขึ้นกะวันนี้ด้วย!”

“ชั้นก็ไม่รู้ว่านายก็ขึ้นด้วย” ยูตอบเมื่อได้มาหยุดยืนหายใจหอบอยู่ตรงหน้าผู้คุมอีกนาย

“ชั้นรีบมาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ ได้ยินมาว่าเกิดเรื่องกันขึ้น” โคอิจิตอบ

“ตอนนั้นชั้นก็อยู่ที่นี่แล้ว” ยูอธิบาย “กัคคุโตะ ชั้นและก็ผู้คุมอีกสี่คน...เราพอจะรู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ นายก็รู้เรื่องของคาเมะจังใช่ไหม? พอรู้เรื่องนั้นพวกเราก็มั่นใจได้เลยว่าพวกแก๊งรุ่นพี่คงพยายามจะหันเหความสนใจของอคานิชิออกไปนั่นเอง เพื่อที่พวกแก๊งจะได้พุ่งความสนใจไปที่คาเมะจัง ก็อย่างที่รู้ว่าอคานิชิเป็นคนคุมทุกอย่างในนี้ เมื่อคาเมะจังถูกโยนออกจากห้องของอคานิชิ พวกนักโทษก็ได้พากันพูดคุยถึงแต่เรื่องนี้ ไม่มีใครสังเกตความเคลื่อนไหวของพวกรุ่นพี่เลย”

“นายพูดเรื่องอะไร?”

“พวกแก๊งรุ่นพี่หนีไปแล้ว” ยูตอบ “พวกเขาหายตัวไปเรียบร้อยแล้ว เรื่องมันเกิดขึ้นตอนหลังอาหารเที่ยงนี่เอง หลังจากที่เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นที่นี้แล้ว ชั้นก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของพวกเขา เรื่องมันเริ่มขึ้นก็ตอนที่พวกนักโทษวิ่งกรูแตกตื่นกันออกมาทางเดินฝั่งตะวันออกและฝั่งเหนือด้วยความกลัวมากน่ะสิ และตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าความวุ่นวายทั้งหมดจะแพร่ไปยังฝั่งใต้และฝั่งตะวันตกแล้วด้วย ทุกคนต่างก็พากันแตกตื่นมาก ชั้นเดาได้เลยว่าส่วนมากแล้วพวกเขาก็คงไม่รู้หรอกว่าทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้”

“ฝั่งตะวันออกและฝั่งเหนือเป็นคุกฝั่งที่พวกแก๊งรุ่นพี่อยู่ นายกำลังจะบอกว่าพวกเขาเป็นคนก่อเรื่องในครั้งนี้เหรอ? ชั้นเคยได้พูดคุยกับพวกแก๊งรุ่นพี่มาก่อน พวกเขาไม่ใช่พวกประเภทที่จะทำร้ายคนอื่นเพื่อให้ตัวเองได้หลบหนีออกไปแบบนี้แน่!” โคอิจิกล่าวปกป้อง “พวกเขาเป็นแก๊งในแวดวงที่ทำตัวต่อต้านจอห์นนี่มากที่สุด เป็นแก๊งที่แทบจะเรียกได้ว่าทำให้ทุกคนหวาดกลัวได้มากที่สุดเลยก็ว่าได้ และพวกเขาก็คงเป็นเพียงแก๊งเดียวที่มีค่าพอจะต่อสู้เพื่อแย่งชิงตำแหน่งหัวหน้าคุกของที่นี่มาครอบครอง พวกเขาเป็นแก๊งที่มีมโนธรรมมากกว่าหลายๆแก๊งที่เราเคยได้พบเจอเสียอีก พวกแก๊งรุ่นพี่คงไม่ยอมจะทำแบบนี้เพื่อที่ตัวเองจะได้หลบหนีออกไปหรอก”

“นายพูดถูก แก๊งที่ชั้น ไฮด์จัง และ ลาร์ค ออง เซียล จับตามองน่ะไม่ใช่แก๊งรุ่นพี่หรอก “ ยูพูดเสริม “เราเฝ้าติดตามพวก เดอร์ ออง เกรย์ เพราะหลังๆมานี้พวกนั้นชอบทำตัวแปลกๆ แถมไม่ยักขนถ่ายยาเสพย์ติดเข้ามาในคุกนี้อีกเลย แล้วตอนนี้พวกนั้นก็หายไปด้วย นายก็รู้นี่ว่าแค่การแต่งเนื้อแต่งตัวของพวกแก๊งนี้ก็ทำให้นักโทษกลัวหัวหดกันไปหมดแล้ว”

โคอิจิรู้สึกเย็นวาบไปทั่วไขสันหลัง พวกแก๊งที่กำลังกล่าวถึงนั้นไม่เคยได้ย่างเท้าออกจากห้องขังที่อยู่ในฝั่งตะวันออกเลย เพราะส่วนมากพวกนั้นจะพากันเมายากันมากจนออกมาข้างนอกไม่ได้ ถึงจริงๆแล้วแก๊งนี้เป็นแก๊งที่น่าถูกจะจับไปอยู่ที่ฝั่งเหนือมากที่สุด แต่ที่ไม่ได้ไปอยู่ฝั่งนั้นก็เพราะว่าแก๊งที่เป็นแก๊งศัตรูอย่าง ลาร์ค ออง เซียล ได้พากันพำนักอยู่ฝั่งเหนือนั่นเอง แต่ปกติแล้วพวกผู้คุมต่างก็พากันหวาดกลัวฝั่งเหนือมากที่สุดอยู่ดี เพราะถึง เดอร์ ออง เกรย์ จะอยู่ฝั่งตะวันออกแต่พวกแก๊งก็ไม่เคยก่อปัญหาอะไรให้พวกผู้คุมมากนัก แต่อย่างไรเสียฝั่งตะวันออกก็เป็นฝั่งที่เต็มไปด้วยพวกนักโทษที่ถูกขังคุกด้วยคดีที่ร้ายแรงมาก อย่างเช่นต้องโทษจำโทษจำคุกด้วยคดีข่มขืมกระทำชำเรา โคอิจิไม่ชอบที่จะไปคุมคุกฝั่งนั้นเลยสักนิด ถ้าไม่ใช่เพราะพวกนิวส์อยู่กันที่นั่นแล้วล่ะก็ เขาไม่อยากจะเหยียบเท้าเข้าไปแม้แต่ก้าวเดียว

“พวกเดอร์ ออง เกรย์รู้แผนแหกคุกของพวกรุ่นพี่เหรอ?” โคอิจิเดา ยูก็พยักหน้ารับ

“พวกนั้นอยู่ข้างๆห้องพวก V6 ก็คงจะแอบได้ยินอะไรบางอย่าง” อีกฝ่ายตอบ

“แต่นายเพิ่งจะบอกว่านักโทษพากันวิ่งหนีออกมาจากฝั่งเหนือด้วยนี่?” โคอิจิถาม

“ใช่แล้ว ทั้งหมดที่เรารู้ก็มาจากไฮด์จังนั่นแหล่ะ เพราะไฮด์จังอยู่ห้องติดกับพวกรุ่นพี่ ดูเหมือนว่าก่อนที่จะเกิดเรื่องขึ้นมานั้น เคียวคนที่อยู่แถวหน้าของแก๊งน่ะได้มาบอกลาไฮด์จัง จากนั้นเคียวก็ไปพบพวกสแมปแล้วเหมือนจะเกิดการต่อสู้อะไรสักอย่างนี้แหล่ะ สมาชิกที่เหลือของเดอร์ ออง เกรย์ พากันหลบหนีออกไปทางฝั่งตะวันออก หนีไปพร้อมๆกับพวก โทคิโอและ V6 ยกเว้นก็แต่โทชิยะ เพราะหมอนั่นออกมาตามเคียว จากนั้นเคียวกับโทชิยะก็พากันหนีออกไปทางฝั่งเหนือพร้อมๆกับพวกสแมปด้วย” ยูอธิบาย “จริงๆแล้วพวกแก๊งรุ่นพี่ก็คงแค่อยากจะพากันหายไปเฉยๆ ก็เลยสร้างเรื่องคาเมะขึ้นมาทำให้อคานิชิปวดหัวเล่น แต่เดอร์ ออง เกรย์ดันเข้าไปร่วมด้วยในนาทีสุดท้าย มันก็เลยทำให้แผนของพวกรุ่นพี่ยุ่งเหยิงไปหมด พวกรุ่นพี่คงไม่มีทางเลือกนอกจากจะต้องทำตามแผนที่วางเอาไว้ เพราะไม่งั้นพวกเดอร์ ออง เกรย์ก็จะพากันใช้เส้นทางหนีของพวกรุ่นพี่หนีออกไปเองแก๊งเดียว เรายังไม่รู้ว่าพวกนั้นหนีออกไปได้ยังไง แต่รู้สึกว่าหลังจากนั้นไม่นานพวกนักโทษก็เริ่มพากันวิ่งกรูออกมาจากทางเดินชั้นแรกด้วยนะ”

“AT-TUN ก็สงสัยในเรื่องทางลับนั้นเหมือนกัน เพราะตอนที่อคานิชิกับคาเมะจังเกิดเรื่องและค้นพบประตูทางเข้าของจอห์นนี่เข้าโดยบังเอิญพวกเขาเองก็ได้ไปหลงอยู่ที่นั่นด้วย” โคอิจิอธิบาย “ชั้นเพิ่งเจอกับอคานิชิเมื่อคืนก่อนนี้เอง ก็ตอนที่อคานิชิกลับออกมาแล้ว ชั้นว่าจะไปเอาปืนคืนสักหน่อย แต่อคานิชิบอกกับชั้นว่าเขาได้ยินเสียงพวกรุ่นพี่ในทางลับ หลังจากที่ทางเข้าทางเก่าได้ถูกปิดตายไปเมื่อหลายปีก่อน พวกแก๊งรุ่นพี่ก็คงได้ค้นพบประตูทางเข้าทางใหม่ของจอห์นนี่ พวกเขาคงใช้เวลานานหลายปีเหมือนกันนะกว่าจะค้นพบทางเข้า และกว่าจะพากันตรวจสอบว่าเส้นทางเส้นนั่นได้พาตรงไปที่ไหนบ้าง และจะใช้เส้นทางนั้นแอบหนีไปได้ยังไง”

“อคานิชิมองแผนของพวกรุ่นพี่ออกหมดเลยเหรอ” ยูพึมพำ

“โดยบังเอิญมากกว่า เราไม่รู้อยู่ดีว่าพวกเขาจะพากันจู่โจมตอนไหน แล้วพวกเขาจะรู้ไหมว่าคนที่พวกเขาพบในทางลับนั่้นคืออคานิชิกับคาเมะจังนั่นเอง เพราะมันได้มีข่าวลือเรื่องที่อคานิชิกับคาเมะจังได้ไปหลงอยู่ที่นั่นออกไปน่ะสิ เราเองก็กลัวว่าพวกนักโทษจะไปบอกรุ่นพี่เรื่องนี้ด้วย” โคอิจิพูดขึ้น “ไม่ว่าจะทางไหนก็เถอะ เมื่อมีคนบุกเข้าไปในทางลับนั้นแล้ว พวกรุ่นพี่เลยต้องเคลื่อนไหวอย่างทันทีทันใด ... ก่อนที่ที่ตั้งของประตูทางเข้านั้นจะกระจายออกไปทั่วคุก ยังไงก็เถอะ เราไม่มีเวลาจะมายืนคุยตรงนี้อีกแล้ว นักโทษอีกหลายคนต้องการความช่วยเหลือจากเราอยู่”

ยูเอามือแตะไหล่อีกฝ่าย “เดี๋ยวก่อน มีอีกเรื่องที่นายต้องรู้”

“อะไรเหรอ?” โคอิจิถาม

“ตอนนั้นนิวส์ก็อยู่กับพวกสแมปในฝั่งเหนือด้วย” เมื่อยูพูดจนจบ ดวงตาของโคอิจิก็เปิดกว้าง

“นะ นายหมายความว่ายังไง?” โคอิจิเปิดปากถาม “นายคง..นายคงไม่คิดว่านิวส์เกี่ยวอะไรกับเรื่องวุ่นในครั้งนี้หรอกนะ? พวกเขาเป็นอะไรไหม?”

“ชั้นไม่รู้เหมือนกัน ตั้งแต่เกิดเรื่องชั้นก็ยังไม่เห็นสมาชิกของพวกนิวส์เลยสักคน” อีกฝ่ายตอบ

“พวกนั้นก็หนีไปด้วยเหรอ” โคอิจิถาม แต่ก็จำต้องข่มใจตัวเองไม่ให้สนใจกับเรื่องนี้อีกต่อไป “ไปเถอะ ตอนนี้เราต้องไปช่วยนักโทษกันก่อน เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเถอะนะ แล้วค่อยมาหาทางคิดกันทีหลังก็แล้วกัน”

ผู้คุมสองนายต่างก็รีบพากันเข้าไปสู่ห้องโถงของชั้นสอง

ชิ้นส่วนของราวระเบียงได้ตกหายไปบ้าง และในที่นี้ก็ยังคงมีพวกนักโทษที่ตื่นตระหนกกันอยู่ ส่วนมากก็จะพากันตื่นตระหนกเมื่อเห็นคนอื่นๆออกอาการแบบนั้น พวกเขาเองต่างก็ไม่รู้ว่าจะกลัวอะไรกันดี มีเรื่องใหญ่บางอย่างได้เกิดขึ้น และมันก็สามารถจะทำให้พวกเขาตายได้ทุกเมื่อ บางคนก็บาดเจ็บไปเรียบร้อยแล้ว

“โอ้พระเจ้าช่วย ราวระเบียงก็หักไปด้วยเหรอเนี่ย” ยูพึมพำอยู่ข้างโคอิจิ “นักโทษก็ถูกผลักลงไปด้วย”

“ตอนที่ชั้นวิ่งมาถึงตรงนี้มันก็หักและหายไปเรียบร้อยแล้วล่ะ....ถ้าใครตกลงไปจะเจ็บมากไหมเนี่ย?” โคอิจิกลัวที่จะถามยิ่งนัก “ชั้นหมายถึง ถ้าตกลงไปแบบนั้นแล้วนักโทษจะมีโอกาสรอดไหม?”

“ก็ไม่น่าจะรอด” ยูพูดขึ้นเมื่อรีบร้อนเดินผ่านฝูงชนไป

“รุ่นพี่โคอิจิ!” เสียงที่คุ้นหูของจุนโนะลอยล่องมา โคอิจิหันกลับไปแล้วต้องโล่งอกเมื่อเห็นสมาชิกทั้งสี่คนไม่เป็นอะไร

“พวกนายอยู่นี่เอง! ชั้นกำลังมองหาพวกนายอยู่เชียว!” โคอิจิพูดขึ้นก่อนที่รอยยิ้มจะจางไปนิดๆ “แล้วอคานิชิกับคาเมะจังอยู่ไหน?”

ชายหนุ่มทั้งสี่ไม่ได้ตอบคำใดออกมา

“พวกนายเจอเขาไหม? พวกเขาไม่เป็นอะไรใช่ไหม? ตรงนี้เกิดเรื่องวุ่นวายไปหมด!” โคอิจิพูดต่อ

“พวกเขาถูกพาตัวไปที่ห้องพยาบาล พวกเขาตกลงมาจากราวระเบียงน่ะ” เมื่ออุเอดะตอบ ผู้คุมหนุ่มก็เกิดอาการพูดไม่ออกเลยสักคำ ดวงตาของเขาเหลือบมองกลับไปยังตำแหน่งที่ราวระเบียงได้หล่นหายไป เขาได้เห็นเหล่านักโทษนอนเรียงรายกันอยู่ที่โรงอาหารเมื่อตอนที่เขารีบร้อนเข้าไปยังฝั่งเหนือ เขาเห็นเลือดฉาบอยู่ที่พื้นซีเมนต์......

ยูเองมีท่าทีช็อคมากเหมือนกับเขา และสองผู้คุมหนุ่มจำต้องควบคุมตัวเองอีกครั้ง

“ชั้นจะไปพบพวกเขาอย่างเร็วที่สุดถ้าเราจัดการกับสถานการณ์ตรงนี้ได้แล้ว ยูคุง นายสายตาไม่ค่อยดีเท่าไหร่ นายน่าจะกลับไปหากัคคุโตะนะ เขาคงอยากให้นายไปอยู่ที่นั่นเพื่อความปลอดภัยของนายเอง” โคอิจกล่าว ก่อนจะแตะเข้าที่ไหล่ของอีกฝ่าย แต่ยูก็ส่ายหัว

“ชั้นยังไปไม่ได้ ชั้นจะอยู่จนกว่าเรื่องทุกอย่างจะจบสิ้น” ยูค้าน

“เราจะช่วยพาทุกคนกลับเข้าไปที่ห้องขังเอง” อุเอดะเสนอแนะ แต่เขาก็ต้องสังเกตเห็นได้เลยว่ามันเป็นงานที่ยากกว่าที่คิดเอาไว้เสียอีก เมื่อพวกเขาได้พานักโทษที่ไม่ได้บาดเจ็บมากนักกลับเข้าไปยังห้องขังที่พวกเขาอยู่นั่น เวลาก็ได้ผ่านเลยช่วงอาหารเย็นไปเนิ่นนานแล้ว...

“พวกรุ่นพี่น่ะเอง” โคคิพูดทำลายความเงียบในฝั่งตะวันตก “พวกรุ่นพี่น่ะเองที่เป็นคนทำเรื่องวุ่นๆพวกนี้ พวกเขาทำอะไรกันไปนี่?”

“ตลอดเวลาที่เกิดเรื่องมาน่ะชั้นยังไม่เห็นหัวพวกนิวส์กับคันจานิ 8เลยนะ อาราชิเองก็ไม่เห็น” เสียงของจุนโนะลอยมาจากห้องขังข้างๆ “ชั้นก็ได้แต่หวังว่าพวกนั้นจะไม่เป็นอะไร แล้วก็กลับเข้าห้องกันได้เอง”

“พวกนายสองคนเข้านอนเถอะนะ คืนนี้จินกับคาเมะจังคงจะนอนอยู่ที่ห้องพยาบาลน่ะ รุ่นพี่โคอิจิคงจะบอกเราในทุกเรื่องที่ไปสืบมาจนรู้ได้ในวันพรุ่งนี้แหล่ะ” อุเอดะพูดเสริม “วันนี้เราก็เหนื่อยกันมามากแล้ว”

“อุเอดะพูดถูก” ยูอิจิพึมพำข้างหูแฟนหนุ่มพลางสวมกอดอีกฝ่ายทางด้านหลัง “พยายามข่มตานอนสักหน่อยนะ ตอนนี้เราก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี”

โคคิพยักหน้ารับรู้อยู่ครั้งสอง ก่อนที่ลำแขนที่สวมกอดเขาจะคลายตัวออกไป จากนั้นหนุ่มนักแร๊บจึงได้ยินเสียงฝีเท้าของแฟนหนุ่มที่กำลังเดินกลับเข้าไปที่เตียง

เขาจะหลับตาลงไปได้อย่างไร? จินกับคาเมะกำลังบาดเจ็บ คาเมะจังยังพอลุกนั่งได้บ้าง..แต่จิน....ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับหัวหน้าของพวกเขาแล้วล่ะก็ พวกเขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป

เมื่อเหลือบตามองขึ้นด้านบนนัั้น โคคิต้องคอยกระพริบตาอยู่ปริบๆ ก่อนที่เขาจะมองเห็นภาพลางๆของผู้คุมสองนายที่เดินเข้ามาใกล้ พร้อมกับคาเมะจังที่เดินกระโผลกกระเผลกอยู่ด้านหน้าพวกเขา

“คาเมะจัง!” โคคิตะโกนเรียกเมื่อเห็นร่างบางเดินผ่านห้องของพวกเขาเพื่อเข้าไปในห้องของจิน ..ซึ่งก็นับว่าเป็นห้องของคาเมะด้วยเช่นกัน อีกสามหนุ่มที่เหลือต่างก็พากันลุกนั่งด้วยเช่นกัน “คาเมะจัง นายไม่เป็นไรใช่ไหม?”

“คาเมนาชิจังได้กลับมาอยู่ที่ฝั่งนี้อีกแล้วเหรอ? อคานิชิรับเด็กคนเก่ากลับมาด้วยเหรอ?” ผู้คุมนายหนึ่งถามโคคิ “เราขอให้ยูคุงพาเขากลับไปที่ห้องของเขาในฝั่งเหนือ แต่ยูบอกให้พวกเราพาคาเมนาชิจังมาที่นี่แทน”

“ยูจังรู้ได้ยังไงว่าคาเมะจังกลับมาอยู่กับจินแล้ว?” จุนโนะถาม พร้อมกับยันตัวขึ้นจากเตียงและตรงเข้าไปยังลูกกรงประตูห้องขัง

“ก็อาจจะรู้ผ่านทางกัคคุโตะไง” อุเอดะตอบพลางยันตัวลุกขึ้นจากเตียงเช่นกัน ด้วยความที่หวังจะเห็นร่างของคนตัวเล็ก

“แล้วกัคคุโตะรู้ได้ยังไง?” จุนโนะถามต่อ

“แล้วกัคคุโตะรู้หรือทำโน่นทำนี้เหมือนที่เขาเคยทำได้ยังไงล่ะ?” อุเอดะชี้แจง

ประตูห้องขังที่อยู่ด้านในสุดของฝั่งได้ถูกเปิดออกมาแล้วปิดลงทันที

“เขาเป็นยังไงบ้าง? แล้วอคานิชิเป็นไงบ้าง?” ยูอิจิที่ตื่นนอนแล้วได้มายืนอยู่ข้างแฟนหนุ่ม ก่อนจะถามออกไปด้วยความห่วงกังวล จนเมื่อสังเกตเห็นผู้คุมอีกนายที่กำลังเดินอยู่ในทางเดินและกำลังเดินเข้ามาในทิศทางของพวกเขา “รุ่นพี่โคอิจิ!”

“ขอบใจนะ ชั้นจะรับช่วงต่อเอง” โคอิจิพูดกับผู้คุมสองนาย โคอิจิเดินเข้ามาหาทั้งสี่หนุ่มซึ่งตอนนี้ได้มารวมกลุ่มกันอยู่ จะมีก็เพียงแค่ผนังกำแพงและประตูลูกกรงเท่านั้นที่ขวางกั้นพวกเขาเอาไว้ “ว่าไง ทุกอย่างเป็นยังไงบ้าง? พวกนายไม่เป็นไรนะ?”

“คาเมะจังเพิ่งจะกลับมา” โคคิพูดขัดขึ้นมา “พวกเราสบายดี”

“พวกหมอ..ให้สิ่งนี้กับชั้นมา” โคอิจิพึมพำ มือที่สั่นอยู่นิดๆได้ยื่นสายสร้อยที่มีแหวนสีเงินห้อยไว้ให้กับพวกเขา “พวกเขาเจอมันสวมอยู่รอบคอของอคานิชิ”

เพื่อนร่วมแก๊งทั้งสี่คนต่างก็พากันนิ่งเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง

“มะ หมายความว่ายังไง?” สุดท้ายอุเอดะก็ถามออกมา น้ำเสียงสั่นไหวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จุนโนะรีบวางแขนโอบรอบคนรักเมื่ออีกฝ่ายรับสร้อยคอนั้นมา “นี่เขา... ? นี่จิน... ?”

“โอ้พระเจ้าช่วย ไม่ใช่นะ” โคอิจิรีบตอบ “สภาพร่างกายของอคานิชิอยู่ตัวดี เขาไม่เป็นอันตรายแล้วนะ พวกผู้คุมยังไม่ได้บอกนายเหรอ?”

คนทั้งแก๊งต่างก็พากันผ่อนลมหายใจที่กลั้นเอาไว้อยู่นานออกมาเมื่อได้ยินคำตอบ

“ไม่เลย..พวกเขาไม่ได้บอกอะไรเลยสักนิด..” โคคิถอนหายใจด้วยความโล่งอก “เรากำลังคิดหาทางกันอยู่เชียว พวกผู้คุมน่ะต่างก็พากันวิ่งวุ่นอยู่ในโรงอาหาร และให้คนที่อยู่ในฝั่งอื่นๆมาที่นี่เพื่อตอบคำถามด้วย”

“รุ่นพี่โคอิจิ อย่าทำให้เรากลัวแบบนี้อีกนะ!” ยูอิจิพูดขึ้น มือยังกุมแน่นที่หน้าอกของตน

“โทษที ตั้งแต่เป็นผู้คุมมาก็นาน วันนี้ถือว่าเป็นวันที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตการทำงานของชั้นเลยก็ว่าได้ ชั้นก็ว่าชั้นได้พบได้เจออะไรๆมาหลายต่อหลายอย่างแล้วนะ มีตั้งแต่การจราจล เราควบคุมนักโทษไม่ได้ จนผู้คุมเองต้องกระโจนเข้ามาแล้วเริ่มใช้อาวุธ ผลก็คือรอดกันมาได้อย่างสาหัสมาก...” ผู้คุมหนุ่มหยุดพูด “แต่ไม่เคยมีสักครั้งเลยที่คนที่ชั้นคุ้นเคยจะต้องมาเจ็บแบบนี้”

“แต่ก่อนคงจะเคยเกิดเรื่องราวที่โหดร้ายป่าเถื่อนมากเลยสิ.....” อุเอดะพูดออกความคิดเห็น

“อคานิชิยังไม่ได้สติ พูดตามตรงนะ ตกมาแบบนั้นแล้วชั้นก็ยังไม่รู้เลยว่าอคานิชิรอดมาได้ยังไง” โคอิจิบอกกล่าว เปลี่ยนเรื่องวกกลับไปยังหัวข้อเดิม

“นั่นก็คือจินสำหรับนายไงล่ะ” โคคิพยายามที่จะช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น เขารู้สึกโล่งอกมากที่ได้ยินว่าจินยังมีชีวิตรอด “แล้วบาดแผลของจินล่ะ?”

“จากที่ตกมาแบบนั้นทำให้อคานิชิบาดเจ็บที่หัว แขนข้างขวาก็หัก แล้วไหล่ก็เคลื่อน ขาทั้งสองข้างก็ดูจะเจ็บๆด้วย ...นี่อคานิชิใช้แขนขาเพื่อคลุมร่างตอนที่ตกลงมาเหรอ?” โคอิจิพูดต่อ

“ชั้นก็ไม่แน่ใจว่าจินตกลงมายังไง เราไม่ได้เห็นทุกอย่าง” โคคิตอบ

“ชั้นก็เห็นแค่ว่าจู่จินๆก็ไปอยู่ข้างๆคาเมะแล้วก็กระโจนเข้าหาคาเมะ” อุเอดะพูดตอบออกมาจากห้องขังที่อยู่ข้างๆ

“ตัดสินได้จากที่หมอบอกมาน่ะ เห็นบอกว่าที่ทำให้อคานิชิเจ็บมากที่สุดนั่นก็คือการตกลงมากระแทกโต๊ะกินข้าวที่อยู่ในโรงอาหารตอนแรกนั่นเลย ทำให้เจ็บมากที่แขนขวาและก็ขา แต่แขนข้างซ้ายไม่ได้เจ็บมากนักหรอก หมอเดาไปว่าที่อคานิชิเจ็บที่หัวนั่นก็เพราะตกลงมาจากโต๊ะกินข้าวแล้วกลิ้งหัวไปกระแทกกับพื้นซีเมนต์เข้า ตอนที่เจอน่ะอคานิชิได้นอนแผ่อยู่บนพื้นใช่ไหม?” โคอิจิถาม

“ใช่แล้ว” โคคิตอบ

“จินจะไม่เป็นไรใช่ไหม?” ยูอิจิถาม แต่ก็นึกกลัวนิดๆที่จะได้รู้

“หมอยังบอกไม่ได้ อคานิชิไม่ได้เป็นอันตรายแล้วนะ แต่พวกเขาก็ไม่รู้ว่าจากนี้แล้วอคานิชิจะเป็นยังไง ดูเหมือนว่าจะมีเลือดออกอยู่ภายในร่างกายด้วย แต่ชั้นเข้าใจว่าหมอคงหยุดเลือดให้ได้แล้วล่ะ” ผู้คุมหนุ่มตอบ “ต้องขอบคุณพระเจ้าเลยล่ะที่คาเมะกับจินตกลงไปกระแทกกับโต๊ะกินข้าวก่อน เพราะมันช่วยย่นระยะทางที่ตกมาได้บ้าง สำหรับคาเมะจังแล้วนะ หมอเห็นพร้อมต้องกันว่าให้พากลับมาที่ห้องได้ คาเมะจังกระดูกหักสองท่อน และถูกกระแทกบ้างนิดๆ แต่ไม่มีอะไรหนักมาก”

“นายไม่คิดว่า มันเร็วไปเหรอที่จะปล่อยให้คาเมะจังกลับมาแบบนี้?” อุเอดะพูดขึ้น

“เราไม่มีห้องพอที่จะให้เขานอนอยู่ที่นั่นน่ะสิ มีนักโทษมากมายหลายคนที่เจ็บหนักกว่าคาเมะจัง และห้องพยาบาลของคุกก็ไม่ได้ใหญ่อะไรมากเลย” โคอิจิตอบ “นักโทษบางคนก็ถูกพาตัวย้ายไปที่โรงพยาบาลท้องถิ่นที่อยู่ใกล้ๆแล้วล่ะ แต่พวกเขาไม่กล้าที่จะเคลื่อนย้ายอคานิชิไปที่ไหนน่ะสิ เพราะอคานิชิน่ะอาการหนักมาก”

“อีกอย่างจอห์นนี่คงเลือกที่จะฆ่าเราให้ตายในนี้มากกว่าที่จะยอมปล่อยให้เราออกจากคุกน่ะอง” โคคิพูดเสริม ผู้คุมหนุ่มก็รู้สึกเจ็บลึกๆเหมือนกันที่ต้องยอมรับว่ามันเป็นความจริง แต่อย่างน้อยเขาก็พยายามที่จะปฏิบัติกับนักโทษให้ได้ตามสิทธิ์ของความเป็นมนุษย์ที่พวกเขาพึงจะมี แต่ก็มีอยู่บ่อยครั้งที่กลับถูกปฏิเสธผ่านแผนสกปรกในแบบที่พวกเพื่อนผู้คุมของเขาชอบนำมาใช้

สายตาของโคอิจิมองลงไปยังสายสร้อยของจิน “ในวันที่อคานิชิโยนคาเมะจังออกไปนั่นน่ะชั้นเป็นคนพาอคานิชิเข้าไปในห้องของกัคคุโตะเอง อคานิชิเอาแหวนของคาเมะจังไปให้เจ้าตัว แต่ชั้นไม่รู้เลยว่าอคานิชิแอบมีแหวนวงนี้อยู่กับตัวตลอดเวลา”

ยูอิจิยิ้มนิดๆ “ใช่แล้ว หลังจากที่จินเขวี้ยงแหวนนี้ทิ้งไปแล้ว หมอนั่นก็ให้เราไปงมหามาน่ะ”

“ชั้นไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าอคานิชิจะห่วงใยคาเมะจังมากขนาดนี้ ชั้นหมายถึงว่า ชั้นก็พอรู้ล่ะนะว่าเขารู้สึกยังไงกับคาเมะจังบ้าง แต่....” โคอิจิหยุดพูด “เขากระโดดเอาตัวเข้าช่วยคาเมะจังไว้ นั่นไม่ใช่อคานิชิคนที่ชั้นได้รู้จักในตอนแรกๆที่ชั้นเข้ามาเป็นพรรคพวกกับเขาเลย อคานิชิเปลี่ยนไปมาก เขาอาจจะกระโดดเอาตัวเข้าช่วยพวกนายด้วยแหล่ะ แต่กับใครสักคนที่รู้จักกันได้ไม่ถึงสองปีดีนัก.... นี่อคานิชิตกหลุมรักจังเบ่อเริ่มขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”

พวกเขาต้องเปล่งเสียงหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินคำพูดที่ผู้คุมหนุ่มนำมาพูด โคอิจิก็เพิ่งจะตระหนักว่าเขาได้พูดอะไรออกไป

“ชั้นขอโทษ” ผู้คุมหนุ่มหน้าแดงก่ำขึ้นทันที “ชั้นคงพูดอะไรโง่ๆออกไปสิเนี่ย”

“ไม่เป็นไรหรอก” จุนโนะตอบ รู้สึกมีความสุขกับเรื่องขำขันเสมอแม้มันจะไม่เข้ากับบรรยากาศนักก็ตาม ชีวิตคงจะดูง่ายขึ้นมาบ้างถ้าเรารู้จักรู้จักกระตือรือร้นและมีอารมณ์ขันบ้าง “ถ้าจินฟื้นขึ้นมา นายก็น่าจะไปถามเจ้าตัวเองน่ะ...”

“นั่นสิ” โคอิจิเห็นด้วย “เมื่อตอนที่หมอนั่นฟื้นขึ้นมา”

“ชั้นไม่อยากที่จะทำลายบรรยากาศนะ แต่ถึงนายจะถามจินตอนที่ฟื้นมาแล้ว หมอนั่นก็คงไม่ตอบคำถามนี้หรอก” โคคิพูดพลางขยิบตา “เรารู้ดี เราเองก็พยายามจะเค้นมันออกมาจากจินอยู่มาเป็นปีแล้ว แต่จินคงจะหยิ่งในศักดิ์ศรีมากเกินกว่าที่จะยอมรับออกมา ก็ไอ้ศักดิ์ศรีอันเดียวกันนี่แหล่ะที่ทำให้จินเกือบจะเสียคาเมะจังไปตั้งหลายครั้งได้ ..นี่ยังไม่ได้พูดถึงว่าทำให้เกือบจะสูญเสียแม้แต่ชีวิตของตัวเองในตอนนี้เลยนะ”

“แต่คาเมะจังน่ะมีความสำคัญกับจินมาตั้งแต่ต้นแล้ว” ยูอิจิพูดขึ้น “หลังจากที่เพิ่งเจอกับคาเมะจังครั้งแรกในคืนนั้น พอเช้ามาจินก็เปลี่ยนไปเรียบร้อยแล้ว”

“ไม่หรอก ตั้งแต่ตอนที่ได้เฝ้ามองคาเมะจังเดินเข้ามาในคุกนี้ จินก็เปลี่ยนไปแล้วล่ะ ชั้นไม่เคยเห็นแววตาของจินเป็นแบบนั้นมาก่อน” อุเอดะกล่าวแก้ให้เพื่อน “แต่เราไม่เคยเดาว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้ได้เลย”

“นี่คาเมะจังหายช็อคหรือยัง?” จุนโนะถาม พลางส่งสายตามองเข้าไปยังห้องขังที่ดูเงียบสนิทในมุมของฝั่ง “ตอนที่อยู่ในห้องพยาบาลน่ะคาเมะจังฟื้นจากอาการช็อคมาหรือยัง?”

“ชั้นคิดว่าไม่นะ” โคอิจิพูดขึ้น ก่อนจะส่ายหัวนิดๆ “เมื่อตอนที่ชั้นถามถึงอาการของอคานิชิกับคาเมะจัง ก็ไม่เห็นหมอจะบอกเรื่องนั้นกับชั้นเลย”

“แล้วพวกคนอื่นๆที่อยู่แวดวงเดียวกับเรา พวกเขาอยู่ที่ห้องพยาบาลด้วยไหม?” อุเอดะถาม

“เท่าที่มองๆดูก็ยังไม่เห็นนะ ห้องขังฝั่งอื่นก็วุ่นวายกันด้วย” โคอิจิเอ่ยมา “พวกหมอเองก็ต้องขอเครื่องไม้เครื่องมือจากที่อื่นๆด้วย เพราะเครื่องมือที่มีได้หมดไปแล้ว แล้วที่นี่ก็เคยได้เกิดความรุนแรงขึ้นมาบ้าง เราก็เลยพอจะมีตระเตรียมไว้เยอะเหมือนกัน พวกหมอยังต้องการพื้นที่เยอะๆเพื่อใช้เป็นห้องพยาบาลด้วย"

continue here ยังไม่จบคะ อ่านต่อตรงนี้คะ

Previous post Next post
Up