In His care 34 part 1

Dec 13, 2008 23:18



ร่างบางรู้สึกได้ถึงสายตาคมกริบของจินที่จ้องมองมา คาเมะเองก็แอบลอบมองจินผ่านปอยผมหน้าม้าที่ช่วยซ่อนใบหน้าของเขาเอาไว้อย่างดีที่สุด “งั้นนายก็รักชั้นนะสิ?”

คาเมะไม่สามารถจะมองสบตากับอีกฝ่ายได้อีกต่อไป เขาจะสามารถตอบคำถามนั้นได้อย่างไร? นึกหวังว่าจินจะหยุดถามคำถามที่เป็นส่วนตัวพวกนั้นเสียที แต่เหมือนว่าร่างสูงต้องการให้เขาพูดอย่างตรงไปตรงมานั่นเอง

“งั้นชั้นขอพูดแก้ที่ถามไปแล้วกันนะ ..ชั้นรู้เรื่องนั้นด้วยหรือเปล่า?” จินพูดพลางหัวเราะหึๆ ดวงตาของร่างบางก็เบิกกว้างขึ้นมาทันใด จินคิดเดาเรื่องออกไปแบบนั้นได้อย่างไร? หรือว่าทุกอย่างจะเห็นได้อย่างง่ายดายในตอนนี้... จากการที่จินได้มองมาจากอีกมุมมองของคนภายนอก หรือว่าจินก็รู้อยู่ตลอดเวลาเวลาว่าเขารู้สึกกับจินเช่นไร?

คาเมะตัดสินใจที่จะส่ายหัวตอบออกไปอย่างช้าๆ “ชั้นเอ่อ ..ชั้นไม่รู้” ร่างบางพูดเสียงอู้อี้ เขามีความรู้สึกได้ในทันทีว่าไม่ว่าเขาจะพูดคำไหนออกไปในเวลานี้ คำนั้นก็คงจะกลายเป็นคำพูดที่ฟังเข้าไม่เข้าใจเลยสักนิด แต่ก็..ไม่ใช่ว่าสิ่งนั้นมันก็เกิดขึ้นบ่อยๆระหว่างเขากับจินในตอนที่ใช้เวลาอยู่ด้วยกันบนเตียงไม่ใช่เหรอ

“นายไม่ได้บอกชั้นใช่ไหม?” ร่างสูงพูดสรุป “ทำไมล่ะ?”

“เพราะว่า” คาเมะเริ่มเรื่อง “เพราะว่านายเป็นเจ้านายของชั้น และชั้นก็ไม่ควรที่จะมีความรู้สึกแบบนั้นกับนาย ความรักแบบนั้นไม่ใช่อย่างที่ชั้นตกลงกับนายเอาไว้”

“นายกลัวว่าชั้นจะเตะนายออกจากห้องล่ะสิ” จินพูดเดา คาเมะเองก็อยากที่จะร้องไห้คร่ำครวญยิ่งนัก แต่ตอนนี้เขารู้สึกท้อแท้มากกว่า เขาเริ่มแน่ใจแล้วว่าการกระทำที่เป็นเหมือนการทรมานเขาในตอนนี้คงจะช่วยทำให้จินจำเรื่องราวของตัวเองขึ้นมาได้บ้าง... ไม่ใช่จำเรื่องของเขาได้เพียงเท่านั้น

“นายรู้เกี่ยวกับชั้นมากขนาดนั้นได้ยังไง?” คาเมะตัดสินใจที่จะถามออกไป พยายามที่จะเก็บกั้นเสียงไม่ให้ฟังดูสิ้นหวังท้อแท้ นี่จินจำทุกอย่างไม่ได้จริงๆเหรอ? หรือว่าความทรงจำทุกอย่างเริ่มจะกลับคืนมาหาอีกฝ่ายแล้ว?

“ร่างกายของนายมันบอกชั้นยังไงล่ะ” จินกระซิบตอบ “แล้วยังจะใบหน้าและดวงตาของนายที่บอกชั้นด้วย” อีกฝ่ายพูดเสริม ก่อนจะมองสบตาร่างบาง จู่ๆคาเมะก็ไม่อาจจะผละสายตาออกห่างจากจินได้เลย มันเหมือนกับว่าจินจะหยุดนิ่งเพื่อมองสบตาเขาอยู่อย่างยาวนาน ก่อนที่อีกฝ่ายจะเริ่มรู้ตัว “อีกอย่าง นายเรียกชั้นด้วยชื่อแรก ถ้าชั้นเป็นเจ้านายของนายจริงๆแล้วล่ะก็ การที่เรียกแบบนั้นมันก็ฟังดูไม่เหมาะสมนี่น่า..”

“ชั้นขอโทษ” คาเมะรู้สึกเหมือนว่ายังไงเขาก็ต้องกล่าวคำขอโทษ จินคนใหม่อาจจะไม่ชอบที่เขาเรียกเจ้านายของตัวเองด้วยชื่อแรกอีกต่อไป ถ้าจินคนเดิมจะไม่มีวันคืนกลับมาแล้วล่ะก็...เขาคงต้องเริ่มเรียกจินว่า ‘ท่านอคานิชิ’ ใช่ไหม?

“นายน่ารักเกินไปแล้ว ชั้นชอบนายแล้วสิ” ร่างสูงเปล่งเสียงหัวเราะลงลูกคอในแบบที่คุ้นเคย ดูเหมือนว่าจินจะค้นพบความเป็นนักรักในตัวเองได้อย่างรวดเร็ว ก่อนที่ร่างบางจะมีเวลาได้ทำความเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นนั้น จินก็ประกบริมฝีปากลงมายังกลีบปากบางของเขาอย่างทันที ร่างสูงดูดดุนดันอยู่ที่ริมฝีปากบางอยู่มากพอที่จะให้ร่างบางได้เปิดปากออกเพื่อให้อีกฝ่ายได้สอดลิ้นที่อุ่นชื้นไปเกี่ยวกระหวัด

จูบในครั้งนี้เหมือนจะกลืนกินเขาเสียให้ได้...เป็นจูบที่เรียกร้องและค่อนข้างจะบุ่มบ่าม...เหมือนกับจูบของจิน เมื่อริมฝีปากของพวกเขาได้ผละจากกันนั้น..จินยังคงนั่งนิ่งอยู่ห่างจากใบหน้าหวานเพียงแค่นิ้วดียว ร่างสูงเป่าลมหายใจผะแผ่วต้านกับเรียวปากบาง “คาซึจัง”

คาเมะเริ่มที่จะตื่นกลัว มันเป็นแค่ความบังเอิญหรืออย่างไร? ไม่เคยมีใครเรียกเขาแบบนั้นต่อหน้าจินมาก่อน แต่ว่า..ก่อนที่เขาจะเข้าไปหาจินในวันนี้ พวก TTUN อาจจะเรียกเขาแบบนั้นออกมาก่อนก็ได้นี่น่า ..คาเมะได้แต่นึกเดา

ดวงตาของจินจ้องมาประสบกับดวงตาของเขาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ใช่สายตาที่จ้องมาอย่างคมกริบเช่นเดิม ดวงตาของจินเหมือนคนที่กำลังเดินหลงทางอยู่ที่ไหนสักแห่ง “เกิดอะไรขึ้นกับชั้นคาซึจัง?”

คาเมะจ้องมองอีกฝ่ายด้วยความงุนงง ไม่แน่ใจว่าจินหมายถึงอะไรกันแน่ แต่บางสิ่งบางอย่างคอยบอกกับเขาว่าอีกฝ่ายคงกำลังพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในโรงอาหารนั่นเอง เขารู้สึกเหมือนกับว่านี่คือตัวตนจริงๆของจิน จินเริ่มจะจำอะไรได้บางอย่างแล้ว

“จะ จิน?” ร่างบางกล้าที่จะเรียก ก่อนที่จะเคลื่อนกายไปใกล้และเอื้อมมือขึ้นไปวางบนใบหน้าของร่างสูง “จิน นั่นนายใช่ไหม?” เขาก็ไม่แน่ใจนักหรอกว่าคำถามนี่จะเป็นคำถามที่ดูฉลาดที่สุด ร่างบางเพ่งสายตามองจ้องลึกเข้าไปยังใบหน้าของอีกฝ่าย

สายตาของจินก้มต่ำลงไปมองที่เสื้อของตัวเอง เหมือนเป็นการหยุดการมองประสานสายตากันอย่างทันทีทันใด “นายทำอะไรกับชั้นคาซึจัง?”

มันเหมือนเป็นคำที่ฟังคล้ายคำกล่าวหาอยู่นิดๆ แต่น้ำเสียงของจินดูจะผิดหวังในตัวเขาเสียมากกว่า จินผิดหวังในตัวเขาที่คอยแต่จะทำให้จินต้องเจ็บตัว เมื่อสายตาของคาเมะเลื่อนลงไปมองตรงส่วนที่จินกำลังมองอยู่นั้น รอยแดงๆเริ่มจะปรากฏขึ้นบนเนื้อผ้าที่จินสวมใส่ รอยนั้นเริ่มจะใหญ่ขึ้นและใหญ่ขึ้น

คาเมะรู้สึกตกใจความกลัวยิ่งนัก เลือด จินเลือดไหล! จินกดดันตัวเองมากเกินไปหรือเปล่า? จินน่าจะได้รับอนุญาตให้อยู่ที่ห้องพยาบาล ..และไม่ควรที่จะเดินกลับมายังฝั่งตะวันตกเลย หรืออย่างน้อยอีกฝ่ายก็น่าจะนอนพักในทันทีที่มาถึง

“จิน นายเลือด-“ คาเมะพูดเมื่อมองสังเกตไปยังมือของตัวเอง ซึ่งก่อนหน้านี้เขายังใช้ลูบไล้ยังผมของจิน แต่ตอนนี้มือข้างนั้นกลับเต็มไปด้วยสีแดงฉานเหมือนกับสีที่ปรากฏอยู่บนเสื้อของจิน ร่างบางเกรงที่จะเลื่อนสายตาเพื่อมองไปที่ผมดำสนิทของจินยิ่งนัก ผมสีดำสนิทซึ่งตอนนี้คงจะไม่ได้เป็นสีเดิมอีกต่อไป เรียวปากบางเผยอออกกว้าง แต่ก็ไม่รู้จะเอยถ้อยคำใดออกมาดี เลือดของจินกำลังรินไหลออกมาจากส่วนไหนสักแห่งบนอกกว้าง

“ชะ ช่วยด้วย” ร่างบางอดจะสงสัยไม่ได้ว่าเสียงของเขายังคงร้องออกไปให้ได้ยินหรือไม่ เขาแน่ใจว่าแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่ได้ยินเสียงที่เปล่งออกไปเลย

สุดท้ายดวงตาคมกริบของจินก็มองกลับมาสบดวงตาที่หวาดหวั่นของเขาอีกครั้ง “นายไม่ควรจะกลับมาหาชั้นเลย”

……

คาเมะลุกขึ้นนั่งพลางหายใจหอบออกมาอย่างหนักหน่วงจนเกือบจะพลัดตกลงมาจากราวที่ขึงอยู่บนเตียงบน ร่างบางเหงื่อท่วมจนเนื้อตัวเปียกปอนไปหมด และเขาก็ยังหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหอบและสิ้นหวัง เขาอยู่ที่ไหน? ฝั่งตะวันตกเหรอ?

สายตาเริ่มมองกวาดไปรอบห้องขังที่มืดมิดด้วยความตื่นตกใจ ห้องของจิน นี่คือห้องของจิน เขามาอยู่ที่ห้องของจินได้อย่างไร? จินอยู่ที่ไหน? มันเกิดอะไรขึ้น?

คนตัวเล็กดึงมือออกมาวางไว้ข้างหน้า ก่อนจะใช้สายตามองสำรวจส่วนแขนที่สั่นเทา มือข้างนั้นไม่ได้แดงฉานไปด้วยเลือด ...มืออีกข้างก็ไม่มีรอยเลือดเช่นกัน หรือแม้แต่เสื้อผ้าของเขาก็ไม่มี... ที่ผ้าปูก็ไม่มี...

นี่เขาฝันไปหรอกเหรอ? ถ้าอย่างนั้นได้เกิดอะไรขึ้นกับจินจริงๆล่ะ? จินอยู่ในโคม่าหรือว่านี่ก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งในความฝันของเขาด้วย? ช่วงนาทีนั้นเองที่ร่างบางรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเขาคือคนที่ฟื้นขึ้นมาจากอาการโคม่าเสียเอง

คาเมะนอนแผ่กลับไปเช่นเดิม ปล่อยให้เสียงของลมหายใจค่อยๆกลับเข้าสู่สภาวะปกติ

“คาเมะจัง?”

มีใครสักคนกำลังร้องเรียกชื่อเขาอยู่?

“คาเมะจัง นายตื่นแล้วเหรอ?”

นากามารุ?

“อะไรเหรอ?” ร่างบางคิดว่าเขาได้ยินน้ำเสียงงัวเงียของโคคิดังแว่วมาจากห้องข้างๆ

“ชั้นคิดว่าชั้นได้ยินเสียงอะไรสักอย่างดังออกมาจากห้องของจินกับคาเมะจัง...” ยูอิจิตอบคำถามเพื่อนร่วมห้อง

“คาเมะจัง?” โคคิร้องถาม แต่เสียงนั้นก็ไม่ได้ดังมากนัก ..คาเมะนึกเดาว่าหนุ่มนักแร๊บคงจะส่งคำถามโดยตรงให้อีกฝ่ายมากกว่าที่จะส่งตรงมาที่เขา

“ชั้นคิดว่า ชั้นได้ยินคาเมะจังร้องออกมาว่า ‘ช่วยด้วย’ ไปเมื่อตะกี้นี้เอง” ยูอิจิบอก จากนั้นก็เกิดเอี๊ยดอ๊าดของเตียง ตามด้วยเสียงฝีเท้าของคนทั้งคู่ที่ได้ลากผ่านพื้นห้องเข้ามาใกล้ยังห้องของร่างบาง

“คาเมะจัง?” น้ำเสียงของโคคิดังขึ้นเล็กน้อย “คาเมะจัง นายไม่เป็นไรนะ? มีอะไรเกิดขึ้นเหรอ?”

คาเมะยังนอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่บนเตียง นึกกลัวว่าเสียงลมหายใจของเขาจะได้ยินไปถึงห้องข้างๆได้ ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงไม่ชัดแจ้งอยู่ในใจของร่างบาง เขาไม่มีอารมณ์ที่จะมานั่งอธิบายอะไรทั้งสิ้น เพราะว่าไม่มีอะไรที่ฟังดูเข้าท่าในตอนนี้เลยสักนิด อีกอย่างร่างบางเองก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะสามารถหาเสียงตัวเองเพื่อจะตอบออกไปได้ไหม

“คาเมะจังคงจะฝันไปน่ะเอง” หลังจากที่เงียบไปนาน....เสียงของโคคิก็ดังขึ้นมาพร้อมกับการถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง “ถ้าคาเมะจังฝันร้ายไปจริงๆ มันก็ดูเหมือนจะมีอะไรคืบหน้าบ้างแล้วนะ คาเมะน่ะเงียบอยู่มาทั้งอาทิตย์เลย หลังจากคืนนั้นที่คาเมะตื่นจากอาการช็อค ชั้นก็ไม่ได้ยินคาเมะทำเสียงอะไรออกมาอีกเลย”

คืนที่เขาตื่นจากอาการช็อค ? คาเมะตั้งใจฟังสิ่งที่สองหนุ่มกระซิบกระซาบเล่าสู่กันฟัง

“หลังจากตื่นมาคืนแรกแล้ว ...บางทีคาเมะจังอาจจะกลับเข้าไปสู่อาการช็อคอีกน่ะสิ” ยูอิจิพูดขึ้น

เสียงฝีเท้าได้ดังลากผ่านเข้าไปยังที่เดิมอีกครั้ง

“ก็อาจจะเป็นสภาวะแปลกๆของจิตใจน่ะสิ คาเมะคงจะโอบล้อมตัวเองให้อยู่ในภาวะนั้น” โคคิตอบ “ไม่มีอคานิชิอยู่ที่นี่แล้ว ...ชั้นก็ไม่รู้ว่าเราจะสามารถพาคาเมะจังกลับออกมาได้ไหม เราต้องการอะไรบางอย่างที่จะไปกระตุ้นให้คาเมะจังกลับมามีชีวิตชีวาเหมือนเดิม”

หัวใจของร่างบางแข็งนิ่งเมื่อได้ยินคำนั้น โลกที่อยู่รอบตัวยังทำให้รู้สึกแปลกประหลาดใจอยู่มาก

“ชั้นรู้สึกสิ้นหวังเหลือเกิน” ยูอิจิถอนหายใจ แล้วในตอนนี้เสียงดังเอี๊ยดอ๊าดของเตียงก็ดังมากกว่าเดิม “จินยังอยู่ในอาการโคม่า แล้วอาการของคาเมะก็ไม่ได้ดีไปกว่าจินเลยสักนิด ถ้าเพียงแต่พวกเราจะอยู่รอนานกว่านี้สักหน่อย ก่อนที่จะพากันลุกเดินออกไปจากโต๊ะอาหารในตอนนั้น”

“โต๊ะประจำของพวกเราถูกแยกออกเป็นชิ้นๆเลยนะ” โคคิพูดขึ้น “ชิ้นส่วนของราวระเบียงอันหนึ่งได้หล่นลงไปที่โต๊ะ แล้วก็มีนักโทษบางส่วนหล่นลงไปที่นั่นด้วย” เสียงเงียบไปเพียงครู่หนึ่ง จากนั้นเสียงของโคคิก็ดังขึ้นมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงอู้อี้อยู่ในลำคอ “จินจะต้องไม่เป็นอะไร คอยดูนะ ถ้าเราทำให้คาเมะจังกลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้ ...จินก็จะทำให้คาเมะจังกลับมามีชีวิตชีวาเหมือนเดิมเอง”

“ชั้นหวังว่า มันน่าจะมีอะไรที่ชั้นพอจะทำได้บ้าง” ยูอิจิพึมพำ

“ทำได้สิ” โคคิตอบ “ขอให้นายคงอารมณ์ที่สงบแบบนี้ไว้ตลอด ชั้นต้องการนายนะ”

“ชั้นก็ต้องการนายด้วย” ครั้งนี้น้ำเสียงของยูอิจิฟังดูสิ้นหวังเพียงเล็กน้อย

“นอนกันเถอะ” โคคิพึมพำบอก “ถ้าเราอยากจะสามารถจัดการเรื่องทุกอย่างให้ได้ดีที่สุดในวันพรุ่งนี้ แล้วอีกอย่างเราเองก็ต้องนอนเพื่อรวบรวมพลังเอาไว้บ้าง....”

“นายพูดถูก” ยูอิจิตอบ ตามด้วยเสียงเคลื่อนไหวนิดๆ “บางทีชั้นก็อาจจะแค่ฝันไป...” หนุ่มนักบีท บ๊อกซิ่งพูดอู้อึ้ขึ้นมา

“อืมมม ในหลายคืนที่ผ่านมานี้ นายละเมอเรียกชื่อจินออกมาบ่อยเลยนะ” โคคิบอก จากนั้นเสียงดังของเตียงก็ดังขึ้นอีกครั้ง

“หมายความว่ายังไงล่ะเนี่ย?” ยูอิจิถาม คล้ายจะกล่าวหาอยู่บ้าง

เสียงหัวเราะหึๆดังมาจากโคคิ “ขอโทษที” หนุ่มนักแร๊บกล่าวขอโทษขอโพย “ชั้นหมายถึงว่านายฝันร้ายเกี่ยวกับจินด้วยน่ะ”

“ชั้นห้ามมันไม่ได้นี่” ยูอิจิเอ่ยขึ้น ค่อนข้างจะปกป้องตัวนิดๆ

“ก็ไม่มีใครห้ามได้อ่ะนะ” โคคิตอบ “เอาล่ะ เข้านอนได้แล้ว”

ห้องขังที่อยู่ข้างๆ ได้ตกอยู่ในความเงียบงันอยู่ตลอดคืน คาเมะเฝ้ารออยู่สักครู่ก่อนที่จะเริ่มผ่อนคลายตัวให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ร่างบางฝ่าสายตามองไปยังเพดานห้องแทนที่จะมองไปยังผนังห้องที่แยกห้องของเขาและจินออกจากห้องของโคคิและยูอิจิ

ความเป็นจริงของสภาพแวดล้อมรอบตัวเริ่มจะค่อยๆฉายชัดอยู่ในใจระหว่างที่แอบได้ยินบทสนทนาจากห้องข้างๆ เขาจำต้องยอมรับความทรงจำเมื่อหลายวันที่ผ่านมา..หรือว่าอาทิตย์หนึ่งได้แล้ว...เขาไม่แน่ใจแล้วสิ...แต่ความทรงจำเหล่านั้นเริ่มจะฝืนตัวเพื่อกลับเข้ามาอยู่ในใจเขาแล้ว

น้ำตาเริ่มก่อตัวอยู่รอบดวงตา ร่างบางนึกหวังว่าเขาจะสามารถบอกใจตัวเองได้ว่าจินจะต้องไม่เป็นอะไร แล้วทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมานั้นก็เป็นแค่ฝันร้ายอันยาวนานเท่านั้น แต่เมื่อได้เหลียวมองไปรอบๆตัว ...สิ่งที่ได้พบเจอก็มีแต่เพียงเตียงที่ว่างเปล่า มันคือความฝันอันแท้จริงที่เขาเพิ่งจะปลุกตัวเองให้ตื่นมาจาก 'สภาวะแปลกๆของจิตใจ' เพื่อมาเจอกับความจริงที่แสนจะโหดร้ายและหนาวเหน็บ

คาเมะจำไม่ได้เลยว่าในช่วงหลายวันที่ผ่านมานั้นเขาได้ฝันถึงอะไรบ้าง เขาแทบจะจำไม่ได้เสียด้วยซ้ำว่าครั้งสุดท้ายที่เขาได้นอนหลับไปบ้างนั้นคือเมื่อไหร่กัน จำไม่ได้แม้กระทั่งว่าวันคืนได้ผ่านมาเนิ่นนานเท่าไหร่แล้วตั้งแต่วันที่เกิดเรื่อง มันเหมือนกับว่าตัวเขาเองได้ตกอยู่ในอาการโคม่าเสียเอง

ร่างบางก็ไม่แน่ใจว่าเขาควรจะดีใจดีหรือไม่ที่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในคืนนี้มันก็เป็นเพียงแค่ความฝัน ในเมื่อความจริงที่โหดร้ายนั่นก็คือจินยังไม่ฟื้นขึ้นมาเลย บางทีจินอาจจะไม่มีวันตื่นขึ้นมาเลยก็ได้...

หยาดหยดน้ำตาที่เฝ้ากล้ำกลืนไว้อยู่นานได้ไหลรินอาบอยู่ข้างแก้ม

เมื่อได้เห็นจินฟื้นขึ้นมานั้นมันทำให้เขารู้สึกดีใจมากเหลือเกิน ร่างบางรู้สึกโล่งใจที่รู้ว่าจินยังมีชีวิตอยู่ แต่สิ่งนั้นกลับไม่ใช่ความจริง เขาเพียงแค่นอนหลับไปเท่านั้นเอง เหมือนที่จินเป็นอยู่ในตอนนี้

คาเมะทำตัวจมอยู่ใต้ผืนผ้าปูที่เปียกโชกบนเตียงของจิน เขายังพบว่าบนที่นอนนั้นยังมีกลิ่นกายของจินหลงเหลืออยู่บ้าง ..ถึงแม้จะเริ่มถูกกลบกลืนไปด้วยกลิ่นกายของเขาเองบ้างแล้ว ถ้าวันใดวันหนึ่งใครสักคนตัดสินใจที่จะดึงปลั๊กที่ติดกับเครื่องช่วยหายใจของจินออกไปล่ะ? หรือพวกเขาจะตัดสินใจเก็บจินไว้ให้นอนอยู่ในอาการโคม่าไปอย่างนั้น จนกว่าจะถึงวันที่ร่างกายของร่างสูงจะยอมแพ้ไปแล้วจริงๆ

หยาดหยดน้ำตาได้หลั่งรินอาบแก้มบาง คาเมะไม่ต้องการให้สิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นเลย

จินจะสูญเสียความทรงจำได้ไหม? หัวของจินตกลงไปกระแทกพื้นในตอนที่ตกมาจากชั้นสองนี่น่า .... ในความฝันของเขานั้นเลือดของจินได้ไหลออกมาจากตรงช่วงอก แต่ร่างบางจำได้ว่าเลือดของจินที่พวก TTUN พากันล้างออกจากเสื้อของเขานั้นมาจากด้านหลังของหัวจินอย่างแน่นอน

เมื่อจินตื่นขึ้นมา อีกฝ่ายจะยังจำเขาได้ไหม? หรือว่าเขาจะเป็นเพียงคนเดียวที่จินจำไม่ได้? ตัวเขายังมีค่าพอให้อีกฝ่ายจดจำได้ด้วยเหรอ?

ร่างบางพยายามผลักความคิดร้ายๆออกไปจากหัว แล้วพยายามเติมเต็มความคิดในแง่บวกเข้าไปแทนที่

ตื่นเถอะนะ อคานิชิ จิน ตื่นขึ้นมาเถอะ! คาเมะได้แต่หวังว่าถ้าเขาตั้งใจเพ่งส่งกำลังใจไปให้จินอย่างมากแล้วล่ะก็ อีกฝ่ายก็อาจจะรับรู้แล้วลืมตาขึ้นมาเสียที ร่างบางยังคงพยายามที่จะเพ่งส่งกำลังใจให้จินอยู่ทั้งคืน ..หรือตอนนี้จะเป็นตอนเช้าแล้ว...เขาเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ยังไงแล้วก็ไม่สามารถจะหลับตาลงได้อยู่ดี ร่างบางจึงได้แต่นอนลืมตาตื่น จมลึกอยู่ในความคิดของตน ได้แต่รอให้เพื่อนข้างห้องจากทั้งสองห้องขังที่อยู่ถัดไปได้เข้ามาแล้วก็ป้อนข้าวป้อนน้ำเขาบ้างนิดๆหน่อยๆ คาเมะแน่ใจว่านี่คือสิ่งที่พวก TTUN ทำในช่วงหลายวันที่ผ่านมา

เพียงไม่นานการคาดเดาของคาเมะก็สัมฤทธิ์ผล

“สวัสดีตอนเช้านะคาเมะจัง~” เมื่อโคอิจิได้เปิดประตูห้องขังให้พวกแก๊งนั้น...ทั้งสี่สหายก็พร้อมใจกันร้องทักขึ้นมา ยูอิจิและโคคิรีบไปดึงร่างบางลงมาจากเตียงจินให้ลงมานั่งอยู่ด้านล่าง

“เรามีข้าวปั้นที่เขียนชื่อนายลงไปด้วยนะ” จุนโนะร้องบอกพลางโบกถาดอาหารอยู่ด้านหน้าร่างบาง

“แล้วนายก็ต้องกินมันด้วย” เด็กหนุ่มผมสีดำสนิทพูดเสริม ก่อนจะพาตัวลงนั่งข้างๆคนตัวเล็ก อุเอดะดูดีในผมสีดำจริงๆ..ร่างบางนั่งนึกสรุปอยู่ในใจเมื่อรับก้อนข้าวปั้นจากอีกฝ่าย อุเอดะก็ดูจะแปลกใจที่เห็นคาเมะทำเช่นนั้น

“โคคิกับชั้นจะร่วมกันแสดงอะไรให้นายดูด้วยนะ คาเมะจัง ดูนะ” ยูอิจิพูดพลางตั้งท่าทำบีท บ๊อก ขณะเดียวกับที่โคคิกระโดดเข้าไปร่วมร้องด้วย ...

“Up, down, up, down… Kiss you, inside of you, na… Kiss me, come here… You ridin’on me? Feel good. Feel good, baby-”

อุเอดะตบฉาดลงไปที่หัวของทั้งสองคนเพื่อขัดการแสดงนั้นเสีย “เนื้อเพลงอะไรของนายล่ะเนี่ย?!”

“โอ๊ย!” สองหนุ่มพากันร้องโอดครวญ พร้อมทั้งยกมือลูบหัวป้อยๆ

“แล้วมันผิดอะไรตรงไหนล่ะ?” โคคิถาม

“โคคิคิดขึ้นมาได้ตอนที่อยู่บนเตียงเมื่อคืนนี้น่ะ เราก็เลยเริ่มแต่งกันขึ้นมาเพื่อแสดงให้คาเมะจังดู” ยูอิจิพูดขึ้นเหมือนเป็นการปกป้องผลงานของแฟนหนุ่ม

“ชั้นเรียกมันว่า ‘Make U Wet’” เมื่อโคคิพูดจบ อุเอดะก็ได้แต่กรอกตาไปมา

“ชู้ว์ๆพวกนายนี่แย่พอๆกับจินเลยนะ” เด็กหนุ่มหน้าสวยผู้มีผมสีดำสนิทเอ่ยขึ้น

“จริงด้วย ชั้นจำได้ว่าตอนที่จินเมาแอ๋อยู่ในงานปาร์ตี้ครั้งนั้นน่ะ หมอนั่นได้เข้าไปหาคนที่ไม่รู้จักแล้วก็เริ่มร้องอะไรออกมาสักอย่างประมาณว่า ‘Go club, get drunk, you stupid shit’?" จุนโนะหัวเราะขึ้นมาเมื่อพูดจบ

“พระเจ้าช่วย ชั้นไม่อยากจะนึกถึงเรื่องนั้นเลย มันน่าขายหน้าจริงๆ” อุเอดะยังคงพึมพำต่อพลางยกมือขึ้นมาประสานกันที่อกเพื่อที่จะได้ไม่ยกมือขึ้นกุมขมับเสีย

“นี่ยังไม่ได้พูดถึงที่ว่า ‘Would you like some sweet BITCH?’” โคคิร่วมด้วย “ในคืนนั้นจินเกือบจะได้เข้าไปชกต่อยกับพวกคนตั้งหลายคนแน่ะ เพราะพวกนั้นไม่ชอบน่ะสิที่จินไปร้องเพลงทำนองนั้นเกี่ยวกับแฟนของพวกเขา จินเหมือนจะร้องตะโกนว่า ‘BITCH’ ต่อหน้าพวกนั้นเลยแหล่ะ”

“อย่าพูดถึงเรื่องนั้นกันอีกเลยนะ” อุเอดะพยายามที่จะเปลี่ยนเรื่อง ทำไมเขาถึงยินยอมตกลงให้จินเป็นหัวหน้าแก๊งกันนะ?

“ชั้นไม่เคยจะลืมตอนที่ชั้นอยู่กับจินในคลับวันนั้นเลยว่ะ ตอนนั้นหมอนั่นลงไปเต้นกระแด่วๆอยู่บนพื้นเหมือนกับพวกสาวเปลื้องผ้า แล้วก็ร้องครางอะไรออกมาประมาณว่า ‘Oh, tell me what’s your secret~” ยูอิจิพูดขึ้น เพราะค่อนข้างจะเข้าถึงบทสนทนาจริงๆ ค้านกับความพยายามของอุเอดะ ที่จะให้อีกฝ่ายเลิกพูดเสีย “จินน่ะถูกแปดหนุ่มเข้าไปเต้นล้อมรอบตัวเลยเชียว พวกนั้นทำเต้นรอบๆเหมือนบูชาจินยังไงยังงั้นเลย”

“ถ้านายเรียกไอ้แบบนั้นว่าเป็นการเต้นอ่ะนะ” อุเอดะพึมพำ

“ชั้นกล้าลงพนันได้เลยว่าจินน่ะคงฟาดพวกเด็กที่มาเต้นเป็นแบล็คอัพซะหมดทุกคนหลังจากที่-“ โคคิพูดพลางเปิดยิ้มกว้าง เมื่อจู่ๆก็ถูกยูอิจิกระทุ้งศอกเข้าที่สีข้าง ส่งสายตาเหมือนจะบอกอะไรเป็นนัยๆ แล้วจึงเบี่ยงสายตาไปมองคาเมะเป็นลำดับต่อไป

“อะ เอ่อ แต่ไม่ใช่ว่าตอนนั้นเราอับอายขายขี้หน้ามากซะจนต้องลากจินออกไปทันทีหลังจากที่แสดงโชว์เสร็จแล้วนี่ จินเลยชวดนี่น้า แล้วอีกอย่างถึงเราไม่ลากจินออกไป จินก็คงไม่อยากจะทำอะไรพวกนั้นอยู่ดี ก็อ่ะนะเราจะไปกับคนที่เราเพิ่งจะรู้จักแค่ตอนที่เต้นด้วยกันได้ยังไงล่ะ ใช่ไหม?” จุนโนะรีบร้อนพูดแก้ให้โคคิ

“อ่ะใช่ แบบนั้นนั่นแหล่ะ!” โคคิรีบเห็นด้วย “ใช่แล้ว ใช่แล้ว ชั้นจำได้แล้ว คนที่ฟาดพวกนักเต้นแบล็คอัพนั่นก็คือยามะพีนี่น่า! ชั้นจำได้ว่าหมอนั่นเข้าไปในคลับด้วยแล้วก็เห็น ‘บากะนาชิ’ เต้นแบบนั้นอยู่บนฟอร์ล ยามะพีก็เลยมาร่วมด้วย แต่เล่นแสดงโชว์ของตัวเองนี่ แล้วก็ขโมยนักเต้นของจินไปอยู่ข้างตัวเองซะเลย”

“ใช่แล้ว ที่เป็นยังงั้นก็เพราะว่ายามะพีร้องอะไรประมาณว่า ‘uh, ah, let me, let me’ แล้วพวกนั้นก็เลยยอมให้ซะเลย” ยูอิจิแจกแจง

“พวกลูกน้องของยามะพีแล้วก็พวกเรารู้สึกขายขี้หน้าชาวบ้านเขามากเลยได้แต่แอบอยู่มุมๆห้องซะ..” จุนโนะเริ่มจะจำได้ “มันก็นานๆครั้งนะที่ชั้นจะรู้สึกว่าพวกเรากับสมาชิกนิวส์มีอะไรที่เหมือนๆกัน นอกจากเรื่องที่เราต่างก็พากันทำตัวต่อต้านจอห์นนี่ คิตะวาระอยู่แล้ว”

“ว่าแต่สองคนนั้นมาเป็นหัวหน้าตั้งแต่ตอนแรกได้ยังไงเนี่ย?” โคคิดูจะเหมือนคนสิ้นหวังเมื่อหนุ่มนักแร๊บได้ถามออกไป

“ยังไงก็เถอะ อุเอดะ ตะกี้นายอยากจะพูดอะไรเหรอ?” ยูอิจิถามขึ้น

จู่ๆสามหนุ่มในแก๊งที่เหลือก็พากันสนใจในหัวข้อก่อนหน้านี้ของอุเอดะที่พยายามจะหาเรื่องมาเปลี่ยนหัวข้อ แต่ตอนนี้ก็ดูเหมือนจะสายไปแล้วสิ เพราะทั้งสามหนุ่มได้พากันพูดแฉชีวิตเจ้าสำราญก่อนหน้านี้ของจินให้คาเมะฟังไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

อุเอดะถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ทำไมต้องเป็นเขาด้วยนะที่เป็นคนคอยกู้สถานการณ์ต่างๆ? เด็กหนุ่มหน้าสวยผมสีดำสนิทกำลังเปิดปากที่จะพูดอะไรออกมาสักอย่าง เมื่อจู่ๆคาเมะก็ชิงพูดออกมาเสียก่อน

“เป็นความผิดของชั้นเอง”

ทั้งสี่หนุ่มต่างก็จ้องมองคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ระหว่างพวกเขาด้วยสีหน้าตกใจ เมื่อไม่มีจินอยู่ที่นี่ด้วย...พวกเขาก็เกือบจะเลิกหวังในการที่จะได้รับอาการสนองตอบใดๆจากอีกฝ่ายไปแล้ว แต่จู่ๆคาเมะก็เป็นฝ่ายพูดออกมาเอง

“ที่จินต้องเจ็บตัวนั้นก็เป็นความผิดของชั้นเอง” ร่างบางทวนคำ หยดน้ำตาเริ่มก่อตัวขึ้น “ถ้าชั้นไม่โง่ไปยืนอยู่ตรงนั้นแล้วล่ะก็....ถ้าชั้นไม่ไปพบพวกรุ่นพี่....แล้วถ้าชั้นไม่ลงไปหาพวกนายตอนเที่ยง...ถ้าชั้น...ถ้าชั้นไม่เข้ามาอยู่ในคุกนี้ตั้งแต่แรกแล้ว- “

คาเมะไม่มีโอกาสที่จะได้พูดสิ่งในที่ตั้งใจจะพูดออกมาจนจบประโยค แขนทั้งสี่คู่ก็ปรี่เข้ามารุมโอบรอบตัวเสียก่อน

“บ้าเอ๊ย” ใครคนหนึ่งพึมพำออกมา ก่อนที่พวกเขาจะพากันปล่อยมือออกไป

....นี่เขาเพิ่งจะถูกโอบกอดจากคนทั้งแก๊งของเจ้านายมาเหรอเนี่ย? เจ้านายของเขาคนที่ยังอยู่ในอาการโคม่า...เจ้านายของเขาคนที่เพิ่งจะเจ็บหนัก....

“ทำไม...พวกนายถึงไม่เกลียดชั้นล่ะ?” สุดท้ายร่างบางก็ถามขึ้นมา ก่อนจะใช้มือป้ายน้ำตาป้อยๆ คนในแก๊งต่างก็มองมาที่เขาด้วยทีท่าตกใจ “ชั้นเป็นคนทำให้จินต้องเจ็บ มันเป็นความผิดของชั้น-“

อุเอดะวางนิ้วลงบนกลีบปากบางของคนตัวเล็ก ยูอิจิก็วางแขนโอบรอบไหล่บางทันที

“มันไม่ใช่ความผิดของนายเลย” เด็กหนุ่มหน้าสวยที่อยู่ตรงหน้าของเขาตอบออกมา “อย่าพูดแบบนี้อีกนะ”

“คาเมะจัง มันไม่มีทางที่เราจะรู้ว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นมาได้หรอก” จุนโนะพูดปลอบประโลม “แล้วการที่จินเอาตัวกระโดดเข้าไปช่วยนาย ก็เป็นการตัดสินใจของจินเองด้วย”

“ชั้นก็หวังว่าจินจะไม่ทำแบบนั้น” คาเมะพึมพำ เมื่ออุเอดะได้เคลื่อนนิ้วออกห่างจากเรียวปากบาง

“ถ้าจินไม่ทำแบบนั้นนายก็อาจจะไม่รอด ชั้นว่า สำหรับจินแล้วล่ะ มันไม่ใช่ครั้งแรกที่จินตกลงมาแล้วหัวกระแทกแบบนั้นหรอกนะ ชั้นแน่ใจเลยล่ะว่าหมอนั่นคงพลัดตกหัวกระแทกตั้งแต่ตอนเป็นทารกไปแล้วล่ะ หมอนั่นก็คงจะชินแล้วนะ....” โคคิพูดขึ้น พยายามที่จะทำให้บรรยากาศดีขึ้นบ้างเล็กน้อย

แววตาของคาเมะสั่นไหวระริก “ชั้นน่าจะเป็นคนที่เจ็บตัวและอยู่ในโคม่า ไม่ใช่จิน”

continue here ยังไม่จบคะ อ่านต่อตรงนี้คะ
Previous post Next post
Up