In His care 35 part 1

Dec 27, 2008 20:25



“พูดตรงๆเลย ถ้าชั้นต้องไปนอนฟังพยาบาลนั่นน่ะร้องออกมาว่า อ๊า ตุ๊ตี้ อีกครั้งล่ะก็ ชั้นคิดว่าชั้นต้องสติแตกได้แน่ๆ” จินร้องครางออกมาเมื่อได้เอนหลังลงนอนบนเตียงที่เขารู้สึกคุ้นเคยมากกว่าเตียงที่อยู่ในห้องพยาบาล

“อ๊า ตุ๊ตี้เหรอ?” โคคิทวนคำ “นายมีเวลาไปแอบฟังพวกหมอเขากุ๊กกิ๊กกันตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย?”

“ตอนที่ตื่นมาตอนเช้านี้ชั้นก็ได้ยินซะเต็มสองหูเลยล่ะ พวกเขาเริ่มกันตั้งแต่เช้าเชียว” จินบ่นพึมพำ “พอเห็นว่าชั้นตื่นแล้วพวกเขาก็พากันหยุดไปแป๊ปนึง แล้วก็พากันมาตรวจดูอาการชั้น จากนั้นก็เรียกพวกนายมาไงล่ะ แต่หลังจากที่พวกนายไปแล้ว ชั้นก็พยายามจะนอนหลับพักผ่อนหน่อย พวกเขาก็พากันเริ่มกันอีกล่ะ...”

“แล้วทำให้นายตื่นเหรอ?” จุนโนะพูดเดา

“ก็แหม ก็ตอนที่เขาหลับน่ะเขาร้องครางออกมาว่า ‘อ๊าคาซึจัง’ พวกเราก็เลยคิดว่าปลอดภัยแล้วน่ะสิ!” เสียงของคุณหมอนากายันดังก้องจากทางเดิน เสียงนั้นค่อยห่างออกไปและห่างออกไปเมื่อรุ่นพี่โคอิจิได้เดินนำทั้งสองคุณหมอลงไปตามทางเดิน

“แล้วยังจะมาทำบ่นเรื่องที่มานอนฟังพวกเราอีกแน่ะ เขาน่าจะรู้นะว่าตัวเขาเองน่ะครางออกมาเสียงดังซะขนาดไหน..” คุณหมอตุ๊ตี้พูดเสริมพลางบ่นไปพลาง แต่เสียงนั้นก็ดังมากพอที่จะดังก้องเข้ามาในห้องขัง

โชคดีสำหรับสองคุณหมอที่ตอนนี้อคานิชิ จินทำได้เพียงแค่จ้องไปตามเสียง จริงๆเลยพอตอนที่เขาเริ่มจะมีฝันที่ดีๆบ้างหลังจากที่ต้องนอนหลับอยู่ตั้งนาน คาเมะที่อยู่ในความฝันของเขานั้นจู่ๆก็เริ่มครางชื่อผิดออกมาเสียอย่างนั้น มันน่าโมโหจริงๆที่จะคิดว่าคาเมะที่กำลังนอนแผ่หราอยู่นร่างของเขาในชุดพยาบาลนั้นจะกล้าครวญครางเสียงหวานว่า ‘อ๊า ตุ๊ตี้’ ออกมาแทนที่จะร้องครางว่า ‘อ๊า จิน’ เสียอย่างนั้น

“ชั้นไม่รู้ว่าพวกเขาพูดเรื่องอะไรกัน...” จินบ่นงึมงำ พยายามที่จะยกแขนขึ้นมากอดอก แต่เพราะว่าแขนข้างหนึ่งยังคงเจ็บและกำลังรักษาตัวอยู่ เขาจึงทำเช่นนั้นไม่ได้

“ว่าแต่ทำไมเขาถึงชอบใส่ชุดพยาบาลอยู่ตลอดเวลานะ?” จุนโนะถาม

“ใคร คาเมะเหรอ?” จินพูดออกมา เริ่มแรกนั้นชายหนุ่มนึกเกรงว่าความฝันของเขานั้นจะดูออกได้อย่างง่ายดายในสายตาของเพื่อนๆเชียวหรอกเหรอ ต่อเมื่อจุนโนะมองมาด้วยสีหน้าแปลกๆ พร้อมด้วยคาเมะและเพื่อนๆอีกสามคนที่ต่างก็จ้องมองมาที่เขาอยู่เสียนาน

“นากายาม่า” จุนโนะตอบ “ทำไมเขาชอบใส่ชุดนางพยาบาลนักล่ะ?” จุนโนะถามออกมาอีกครั้งเมื่อจู่ๆก็เกิดนึกสงสัยอะไรขึ้นมา “นางพยาบาลคนตะกี้..ไม่ใช่ผู้หญิงใช่เปล่า...ผู้หญิงหรือผู้ชายล่ะเนี่ย? ชั้นคิดว่าเราไม่มีผู้หญิงสักคนในคุกจอห์นนี่นะ ชั้นคิดว่าพวกผู้หญิงไม่ได้รับอนุญาตให้ทำงานที่นี่ซะอีก”

จินนึกอยากที่จะกรอกตาไปมายิ่งนัก “ไม่มีสักคนหรอก นางพยาบาลตะกี้น่ะเป็นผู้ชาย ชั้นคิดว่าตุ๊ตี้คงชอบให้ใส่แบบนั้นน่ะสิ ตัดสินได้จากที่ชั้นแอบได้ยินมาก่อนที่พวกเขาจะเริ่มรู้ตัวว่าชั้นตื่นอยู่อีกห้องอ่ะนะ”

“อ้อ” จุนโนะพึมพำเพราะเริ่มจะเข้าใจ “นากายาม่าน่ารักดีนะ ชั้นก็รู้ว่ายังไงเขาก็ต้องเป็นผู้ชาย ชั้นก็เคยได้เจอเขาบ่อยๆตอนที่ไปผ่าตัดหัวเข่า”

“ตะกี้นายก็เพิ่งจะทำเป็นไม่แน่ใจว่าหมอนั่นเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายไม่ใช่เหรอ..” จินพูดขึ้น ทำให้จุนโนะแทบจะหุบยิ้ม

“ก็ใช่ แต่เขาสวยจริงๆ” จุนโนะยักไหล่พยายามทำทีไม่สน “ก็ดูเหมือนกับ...อุเอดะตอนใส่ชุดนางพยาบาล” จุนโนะรีบพูดแก้เมื่อเห็นอุเอดะหันมามอง

“..หรือไม่ก็คาเมะจัง” จินพูดเสริม รอยยิ้มเริ่มฉายอยู่บนใบหน้า รอยยิ้มกรุ้มกริ่มก็เริ่มแผ่กระจายทั่วหน้าจินอีกครั้ง

“ใช่แล้ว...ชั้นเข้าใจที่นายพูดเลยล่ะ” หัวหน้าแก๊งรีบพูดเห็นด้วย เมื่อจู่ๆก็เริ่มจะหลงอยู่ในความฝันอันล่าสุด

“ยังไงก็เถอะ ชั้นคิดว่าพวกหมอน่ะคงจะพักกันอยู่ที่นี่แหล่ะ...หรือว่ามันจะเป็นแค่ข่าวลือ” ยูอิจิรีบพูดเปลี่ยนหัวข้อเรื่องก่อนที่ใครสักคนจะเริ่มจินตนาการภาพของเขาในชุดนางพยาบาลนั้นด้วยคน “ชั้นหมายถึง ถ้ามีทางเลือกจริงๆแล้วใครอยากจะอยู่ที่นี่ล่ะ?”

“โคอิจิอาจจะอยากอยู่...” โคคิพูดล้อๆ “ชั้นแปลกใจมากนะที่รุ่นพี่ไม่ได้อยู่ที่นี่ เพราะจริงๆถ้าพวกผู้คุมอยากจะได้ ก็สามารถที่จะมีห้องอพาร์ตเมนต์เล็กๆเป็นของตัวเองในนี้ได้อยู่แล้ว”

“เขาก็เหมือนมีน่ะแหล่ะ...” อุเอดะหัวเราะคิกคัก “รุ่นพี่โคอิจิจะอยากได้อพาร์ตเม้นต์ไปทำไมในเมื่อเขามีห้องของซึโยชิ?”

“ตัดสินได้จากที่ชั้นได้พูดคุยกับตุ๊ตี้และนากายาม่ามาน่ะ พวกเขาเหมือนจะเป็นคนที่อุทิศตัวให้กับงาน..แล้วก็กันและกัน” จุนโนะพูดเป็นการนำห้วข้อเรื่องให้กลับมายังสองคุณหมอหนุ่ม รอยยิ้มของจุนโนะก็เหมือนแทบจะเป็นรอยยิ้มที่ชั่วร้ายขึ้นมาทันที

“แล้วก็เทนนิส” คาเมะพูดเสริมออกมาอย่างเงียบๆ ดวงตาทั้งสี่คู่ก็หันมามองที่ร่างบางในทันใด

“นายพูดว่าอะไรนะ?” อุเอดะถาม คาเมะก็เพิ่งจะรู้ตัวว่าได้พูดออกไปเสียงดัง

“ตะ ตุ๊ตี้กับนากายันเล่นเทนนิสในคุกนี้น่ะ พวกเขาถูกเรียกว่าเป็น คู่เอกมือทอง” คาเมะอธิบาย นี่คือสิ่งเดียวที่เขาได้ยินในคุกแต่คนในแก๊งไม่เคยได้ยินเหรอยังไง? ส่วนมากแล้ว ATTUN จะเป็นคนบอกเล่าเรื่องราวต่างๆให้ฟังนี่น่า

“นายรู้เรื่องนี้ได้ยังไงล่ะ?” โคคิถาม ใครกันที่คาเมะชอบไปเตร่ๆด้วย แล้วไปเตร่กันตั้งแต่เมื่อไหร่?

ขณะที่ทุกคนต่างก็พานั่งคิดถึงเรื่องนี้ จินก็ยังคงนั่งอมยิ้มอยู่คนเดียว ดูเหมือนจะกำลังหลงอยู่ในโลกส่วนตัว โลกที่มีนางพยาบาลคาเมะ แล้วตัวเขาที่เป็นคนไข้ อุเอดะขมวดคิ้วเมื่อได้มองจากทางหางตาแล้วเห็นรอยยิ้มอันกรุ้มกริ่มของหัวหน้าแก๊งเริ่มแผ่ขยายทั่วใบหน้า นี่ยังไม่ได้พูดถึงว่ามันดูออกแนวลามกๆยังไงชอบกล แต่เขาก็ไม่อยากจะเตะคนเจ็บให้ต้องกลับมาอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงนัก จินดูจะมีความสุขมากที่ได้กลับมาใส่แหวนวงนี้อีกครั้ง

“แต่ชั้นก็ไม่คิดว่าถ้าเขาได้แหวนนี้กลับมาแล้วเขาจะหายได้เร็วขนาดนี้นี่น่า...” อุเอดะพูดพลางถอนหายใจกับตัว ขณะที่ทั้งสามหนุ่มที่เหลือต่างก็พากันรุมเค้นข้อมูลของตุ๊ตี้กับนากายันจากคาเมะจัง

*~*~*~

“พูดตรงๆเลย อคานิชิ จิน! เด็กในแวดวงของจอห์นนี่นั่นน่ะ! ทำไมพวกนั้นไม่เคยทำอะไรตามที่บอกไปเลยนะ ทั้งๆที่ไอ้ที่เราบอกไปนั่นมันก็เป็นผลดีกับพวกเขาแท้ๆเลย?” นากายันก่นด่าขณะที่กำลังเดินกลับเข้าไปในห้องพยาบาลทั้งๆที่ยังสวมชุดนางพยาบาลอยู่

“ทากาชิ...” ตุ๊ตี้พึมพำพลางปิดประตูตามหลังเพื่อต้องการความเป็นส่วนตัว “ที่รักนายก็รู้จักเด็กพวกนั้นดีนี่น่า ตลอดระยะเวลาที่เราอยู่ในนี้ก็เคยได้เห็น...พวกเขามาตลอด นี่ยังไม่ได้พูดถึงความจริงในข้อที่ว่าเด็กพวกนี้มักจะชอบไปก่อเรื่องมากกว่านักโทษคนอื่นๆเขาอีกด้วย”

“แต่มันยังเร็วไปที่จะปล่อยให้เขากลับไปอยู่ในห้องขังแบบนั้นน่ะ” นากายันถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ก่อนจะหย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้ที่วางอยู่หน้าโต๊ะตัวใหญ่ที่เต็มไปด้วยกองกระดาษ หนังสือ กองเอกสาร แล้วก็ที่อุปกรณ์ทางการแพทย์มากมากหลากชนิด ไม่บ่อยครั้งนักที่ตุ๊ตี้จะแสดงทีท่านิ่งเฉยได้อย่างนี้ แต่ตุ๊ตี้ก็มักจะเป็นคนที่จิตใจมั่นคงหนักแน่นเสมอมาในยามที่นากายันต้องการ แล้วตุ๊ตี้ยังเป็นคนที่นากายันสามารถจะพึ่งพาได้ในตอนที่เล่นเทนนิสด้วยกัน เพราะอีกฝ่ายจะคอยเล่นเป็นกองหนุนอยู่ข้างหลังแล้วปล่อยให้เขาแสดงฝีมือกระโจนเข้าหาลูกเทนนิสเอง

หรือจะพูดอีกอย่างนั่นก็คือว่านากายันเป็นคนนำความสัมพันธ์ไปสู่ทิศทางใดทิศทางหนึ่งนั่นเอง

“ชั้นรู้” คุณหมอตุ๊ตี้ตอบ “แต่จู่ๆเราจะไปลากเขากลับมาไม่ได้หรอก คิดดูสิว่าเขากำลังเจ็บอยู่น่ะ”

“เด็กจอห์นนี่ก็เหมือนๆกันหมด..” นากายันถอนหายใจออกมาอีกเฮือก ก่อนจะใช้มือบีบนวดส่วนหัวที่เริ่มปวดตุ๊บๆ

“พวกเขาไม่ชอบที่จะถูกเรียกแบบนั้นหรอกนะ เพราะชื่อแบบนั้นทำให้คนอื่นเข้าใจผิดได้ง่ายนึกว่าจริงๆแล้วพวกเขาเป็นฝ่ายสนับสนุนจอห์นนี่...หรืออาจทำให้เข้าใจผิดแย่ยิ่งกว่านั้นให้คิดไปว่าพวกเขาทำงานรับใช้จอห์นนี่” ตุ๊ตี้พูดบางหัวเราะหึๆ พร้อมกับเดินไปหยุดอยู่หลังเก้าอี้ “เหมือนพวกเรา”

“ก็แก๊งแรกที่มาจากแวดวงเดียวกับพวกเขาถูกเรียกว่าเด็กของจอห์นนี่นี่น่า...เพราะยังงั้นแล้วพวกเขาก็ต้องเป็นเด็กจอห์นนี่เหมือนกันหมดแหล่ะ” นากายันตอบ “แล้วเราเองก็ไม่ได้ทำงานให้จอห์นนี่แบบนั้นด้วย อย่างน้อยเราก็ไม่ได้ทำงานด้านธุรกิจบันเทิงของเขานี่น้า ชั้นไม่อยากจะคิดไปเลยว่าจอห์นนี่จะทำยังไงกับพวกเด็กๆที่เขาเลือกมาจากตามถนนหนทางต่างๆ”

“นายพูดถูก ถ้าอย่างงั้นเราก็พยายามที่จะหยินยื่นสิทธิมนุษย์ชนให้กับพวกเขาต่อไปแล้วกัน ถึงเราจะทำงานให้เขา แต่อย่างน้อยเราก็ไม่ต้องเป็นเหมือนเขานี่น่า “ ตุ๊ตี้พูดเสริม สองมือวางแตะอยู่ที่ไหล่บาง “ไม่ใช่ว่าชื่อของพวกแก๊งแรกๆนั้นตั้งขึ้นมาเพื่อจะล้อเลียนจอห์นนี่ คิตาวาระหรอกเหรอ?”

“ชั้นคิดว่าเรื่องราวมันเป็นมายังงั้นแหล่ะ” นากายันพึมพำ “แต่พวกเด็กจอห์นนี่ก็คอยดูแลซึ่งกันและกันไม่ใช่เหรอ? ตอนแรกที่ชั้นได้ยินเรื่องเกี่ยวกับแวดวงของพวกเขานั้นน่ะ ชั้นคิดว่าพวกเขาจะเป็นพวกบ้าที่โหดร้ายทารุณ ชั่วช้า ต่างฝ่ายต่างก็แก่งแย่งชิงดีเพื่อเป็นสุดยอดของแก๊ง ...แต่มันไม่ใช่แบบนั้นใช่ไหม? ดูหัวหน้าแก๊งนิวส์เป็นตัวอย่างสิ ตอนนั้นชั้นก็แปลกใจนะที่เห็นเขาเข้ามารับการรักษา แต่ชั้นก็น่าจะรู้ว่าจริงๆว่านั่นมันก็แค่ข้ออ้างที่ใช้มาอ้างเพื่อที่จะได้แอบมาหาอคานิชิ”

“นายรู้ไหมว่าสิ่งแรกที่อคานิชิถามชั้นตอนที่ฟื้นคืออะไร?” ตุ๊ตี้เอ่ยขึ้นพลางนวดไหล่ให้อีกฝ่าย

“อืมม อะไรล่ะ?” นากายันครางออกมาด้วยความสุข

“คาเมะอยู่ที่ไหน?” ตุ๊ตี้ตอบ “คาเมนาชิ คาซึยะ เขาบาดเจ็บหรือเปล่า? เขายังมีชีวิตอยู่ไหม? อคานิชิเอาแต่ถามแบบนั้น แถมยังบอกเลขที่ประจำตัวนักโทษของคาเมนาชิให้เลยนะ ชั้นรู้สึกเหมือนตัวเองน่ารังเกียจมากเลยที่ต้องคอยบอกเขาว่าชั้นจะบอกข้อมูลเกี่ยวกับคนไข้คนอื่นให้เขารู้ไม่ได้หรอก แต่อคานิชิก็ดูจะโล่งใจหน่อยเมื่อรู้ว่าคาเมะจังยังมีชีวิตอยู่”

“หมอนั่นยอมสังเวยชีวิตตัวเองเพื่อช่วยเด็กของเล่น..ไม่ใช่สิต้องอดีตเด็กของเล่นสินะ คาเมนาชิจังไม่ใช่คนในแวดวงของหมอนั่นเลยสักหน่อยด้วย...” นากายันพูดพลางถอนหายใจ

“ชั้นคิดว่าเราอาจจะพูดถูกเกี่ยวกับเรื่องของคาเมะจังและคนที่เรียกได้ว่าเป็นเจ้านายของคาเมะจังก็ได้นะ” ตุ๊ตี้พึมพำพลางนวดเค้นมากจนอีกฝ่ายต้องตัวสั่นอยู่ใต้ร่าง “จำได้ไหม? ตอนนั้นอคานิชิแทบจะบังคับให้คาเมะจังมาตรวจอาการเพื่อให้เราสรุปให้ฟังเลยว่าคาเมะจังน่ะไม่เป็นอันตรายหรือว่าติดเชื้ออะไรสักอย่าง”

“นายคิดว่าอคานิชิ จินจะตกหลุมรักเด็กของเล่นได้เหรอ?” นากายันถาม “มันก็เห็นได้อย่างชัดเจนล่ะนะว่าคาเมะจังพัฒนาความรู้สึกพิเศษให้เขา แต่กับอคานิชิ...นายคิดว่าคนอย่างหมอนั่นจะสามารถมีความสัมพันธ์แบบคนรักได้เหรอ?”

“นายหมายความว่าความรู้สึกที่เขามีกับคาเมะจังจะยั่งยืนยาวนานไหมน่ะเหรอ?” ตุ๊ตี้ถาม อีกฝ่ายก็ยักไหล่อยู่ใต้มือหนา “ชั้นก็ไม่รู้หรอก แต่อย่างน้อยการแสดงออกของอคานิชิเมื่อเช้านี้ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามันมีอะไรบางอย่างลึกๆระหว่างพวกเขาทั้งสอง บางทีอคานิชิอาจจะไม่ได้เล่นๆเหมือนที่เรากลัวกันไปตอนแรกหรอก...”

“โอ๊ะ เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าน่ะมันน่าขายหน้ามากเลยจริงๆ...” นากายันครวญครางขึ้นมาเมื่อความทรงจำได้วาบผ่านเข้ามาในหัว รอยแดงระเรื่อก็เริ่มจะแต่งแต้มแก้มบาง “อย่าลืมนะว่าหมอนั่นจับเราได้ตั้งสองครั้งแน่ะ! เราน่าจะมีเซ็กส์กันแต่ในอพาร์ตเม้นต์เท่านั้นพอ...”

“แต่นายก็ชอบมีอะไรตอนที่ทำงานด้วยไม่ใช่เหรอ?” ตุ๊ตี้กระซิบถามที่ข้างหู “ความตื่นเต้นและอันตรายจากการที่จะถูกจับได้หรือไม่ก็ถูกแอบได้ยิน...”

“ก็ใช่ แต่มันก็ไม่สนุกนักหรอกถ้าจะถูกจับได้แล้วก็แอบได้ยินทั้งสองอย่างเลยเนี่ย” นากายันโต้กลับ

“บางทีคราวหน้ามันอาจจะน่าตื่นเต้นกว่านี้อีกนะ เพราะไหนๆเราก็เคยถูกจับได้แล้วเราก็รู้ถึงผลลัพธ์อันน่าเศร้าของมันแล้วว่ามันจะเป็นยังไง...” ตุ๊ตี้พูดขึ้น

“สองครั้งแล้วนะ” นากายันจำต้องพูดเสริม “เราน่าจะทำอะไรกันแต่ที่บ้านพอ มันก็ไม่ใช่ว่าจะใช้เวลากลับไปบ้านนานเท่าไหร่เลยนี่...”

“นายเครียดเกินไป” ตุ๊ตี้พูดอู้อี้ ก่อนจะเพ่งความสนใจในการนวดไหล่ให้อีกฝ่าย

“ชั้นรู้ ...ชั้นเกลียดไอ้สิ่งที่มันเกิดขึ้นเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมานี้จริงๆ” นากายันถอนหายใจอีกครั้ง พลางเอนหลังไปเพื่อรับสัมผัส “มีนักโทษตั้งหลายคนที่บาดเจ็บ แล้วบางคนเราก็ไม่สามารถช่วยชีวิตพวกเขาไว้ได้ ชั้นพนันได้เลยว่าจอห์นนี่คงจะไม่ยอมให้เราเก็บคนป่วยให้นอนรักษาที่ห้องพยาบาลได้นานแน่ พวกเขาคงจะถูกเตะกลับไปที่ห้องขังอย่างเร็วเลยล่ะ”

คุณหมออีกนายก็เคลื่อนมือจากไหล่บางไปยังลำคอ

“อย่างน้อยก็ไม่มีใครยังอยู่ในโคม่า” นากายันพูดเสริม พยายามข่มเสียงครางไม่ให้เล็ดลอดออกมา เมื่อรู้สึกได้ว่าร่างกายส่วนบนเริ่มจะผ่อนคลายใต้มือหนาคู่นั้น “พวกเขาทั้งสองก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว”

“พยายามคิดถึงนักโทษหลายคนที่เราช่วยไว้สิ” ตุ๊ตี้เอ่ย “นายรู้ไหมว่ามีอะไรที่จะช่วยทำให้นายดีขึ้นได้อีก? เทนนิสดีๆสักแมชท์ไงล่ะ! เราสามารถที่จะออกไปนอกกำแพงคุกได้สักครั้ง”

“หลังๆนี้ชั้นไม่มีอารมณ์จะเล่นเทนนิสเลย...” นากายันพึมพำ

“แต่นายมีอารมณ์กับเรื่องอื่นๆนี่” ตุ๊ตี้พูดพลางขยิบตา นากายันก็ผลักอีกฝ่ายไปนิดๆ

“มันก็ความผิดของนายนั่นแหล่ะ!” คนตัวเล็กกว่าพูดยกความผิดให้

“มันจะเป็นความผิดของชั้นได้ยังไง?” ตุ๊ตี้หัวเราะ ก่อนจะวางมือลงบนผิวนุ่มของอีกฝ่าย

“นายน่ะชอบใจดีกับชั้นเรื่อยเลย” นากายันพึมพำตอบ “ดูแล..ชั้น..อยู่เสมอ..” อีกฝ่ายพูดเสริมพร้อมกับปิดเปลือกตาแน่น ยอมแพ้ให้กับ...ที่มือหนาของตุ๊ตี้มอบให้ “อ๊า ตุ๊ตี้~”

ตุ๊ตี้โน้มตัวเข้าหาคุณหมออีกคน “ชู้วว์ๆๆ ที่รักจ๋า ยังมีนักโทษคนอื่นอยู่ข้างๆห้องนะ”

นากายันเหลือบตาขึ้นมองร่างสูง “ถ้างั้นคืนนี้นายมาหาชั้นที่ห้องนะ?”

“ตกลง” ตุ๊ตี้ยิ้ม “จะไปตอนที่เราเอายาชุดใหม่ไปให้อคานิชิอย่างเร็วที่สุด”

*::::::::::*:::::::::*

TTUN และคาเมะก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะผลจากยาที่คุณหมอให้จินกินเข้าไปหรือเป็นเพราะการที่มีเพื่อนๆมาอยู่เป็นเพื่อนกันแน่ เพราะหลังเที่ยงไปแล้วหัวหน้าแก๊งก็เริ่มจะออกอาการเหนื่อยล้า

ในวันที่เหลืออยู่นั้นสิ่งที่จินทำก็มีแค่นอน... นอน... พยายามที่จะให้คาเมะจังเข้ามานอนด้วยที่เตียง..แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ ..แล้วก็นอน..กิน..นอน..แล้วก็ถูกป้อนด้วยยาแก้ปวดของคู่เอกมือทองอยู่สองสามขวด จากนั้นก็นอน แต่อย่างไรก็ตาม...มันเหมือนกับเป็นโชคร้ายของพวก TTUN เสียจริงๆที่จินยังไม่นอนเมื่อถึงเวลาดับไฟ เพื่อนร่วมแก๊งทั้งสี่คนต่างก็ถูกบังคบให้กลับไปที่ห้องปล่อยให้จินและคาเมะอยู่กันตามลำพัง พวกเขาก็ได้แต่สวดมนต์ภาวนาว่าจินจะเหนื่อยเกินไปที่จะทำอะไรๆได้อีก แต่บางทีนี่อาจจะเป็นการประเมินกำลังของอีกฝ่ายต่ำไปก็ได้

คาเมะดึงประตูห้องปิดเมื่อคนสุดท้ายของ TTUN ได้ออกจากห้องไปแล้ว

“ตรงเวลาประจำเลยนะอคานิ-“ จู่ๆก็มีเสียงดังขึ้นมาจากอีกฟากของซี่ลูกกรง ร่างบางหันกลับไปมองผู้คุมที่มองมาที่เขาด้วยทีท่าแปลกใจพอๆกัน “เอ่อ...ชั้นได้ยินมาว่าอคานิชิกลับมาที่ห้องแล้วนี่”

สองผู้คุมหนุ่มแอบมองเข้ามาให้ห้องเพื่อจะเห็นร่างของจินนอนอยู่บนเตียงล่าง

“ไม่เป็นไรหรอก นายก็พูดราตรีสวัสดิ์กับเขาได้เหมือนกัน” ร่างสูงหัวเราะหึๆ ผู้คุมต่างก็มองกลับมาที่คนตัวเล็กอีกครั้งด้วยทีท่าไม่แน่ใจ

“ตรง..เวลาเสมอนะคาเมนาชิจัง”

มันฟังดูแปลกๆ ร่างบางยกมือขึ้นโบกทักทายพวกผู้คุมด้วยความงุนงง...แบบเดียวกับที่เขาเคยเห็นจินทำมานับครั้งไม่ถ้วนตั้งแต่ตอนที่ได้ย่างเท้าเข้ามาในเรือนจำแห่งนี้

ผู้คุมสองนายก็ยกหัวตอบนิดๆ ก่อนจะเดินกลับไปตามทางเพื่อทำการตรวจยามตามปกติ คาเมะเองก็หันเดินกลับไปที่เตียง

จินดูเหนื่อยมาก มันเหมือนกับว่าอีกฝ่ายแทบจะลืมตาไม่ขึ้นเลยสักนิด

“อืม..จะเป็นไรไหมถ้าคืนนี้ชั้นจะนอนที่เตียงของนายน่ะ?” คาเมะถาม จากนั้นก็เกิดเปลี่ยนใจขึ้นมาปุ๊ปปั๊ป ...เพราะเขาก็ไม่แน่ใจว่าจินจะรู้สึกอย่างไรกับการที่เขาจะขึ้นไปนอนบนนั้น ..แล้วจะยังความจริงที่ว่าเมื่อตอนที่จินไม่อยู่นั้น เขาได้ใช้เตียงบนมากกว่าเตียงของเขาเองเสียอีก แล้วอีกอย่างเขาก็อยากจะเฝ้าดูอาการของจินในคืนนี้ด้วย “จริงๆแล้ว ชั้นไม่ต้องนอนก็ได้ ชั้นจะนั่งอยู่ตรงนี้แล้วเฝ้าดูอาการนายแทนแล้วกันนะ”

ชายหนุ่มร่างสูงตบเบาๆที่เตียง บางทีเขาอาจจะคิดไปเอง แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้ร่างสูงรู้สึกว่าคาเมะคล้ายจะทำตัวเหินห่าง บางทีเขาอาจจะเหนื่อยมากเกินไปที่จะรู้ว่าเรื่องระหว่างพวกเขาเป็นเช่นไร บางทีคาเมะอาจจะไม่พอใจที่เขากลับมาที่ห้องเร็วเกินไปแถมมาด้วยสภาพแบบนี้อีก บางทีคาเมะอาจจะยังรู้สึกผิด..แล้วด้วยเหตุผลนั้นร่างบางก็เลยทำตัวเงียบ ไม่พูดอะไร

“นอนกับชั้นสิ” อีกฝ่ายพึมพำบอก คาเมะก็เบิกตากว้าง

“ไม่นะ นายเจ็บอยู่! ชั้นอาจจะเผลอทำให้นายต้องเจ็บมากกว่าเดิมได้! ชั้นจะอยู่ตรงนี้แหล่ะ” ร่างบางเอ่ยขึ้น จินก็ทำปากจู๋เหมือนจะบอกว่า ‘ชั้นกำลังเจ็บ แล้วชั้นก็ดูเหมือนลูกหมาที่ถูกเตะมา นายก็ยังกล้าพูดปฏิเสธได้ลงคอเหรอ’

“ได้โปรดเถอะนะ? ไหนๆนี่ก็เป็นเตียงของนาย” อีกฝ่ายส่งเสียงงุ้งงิ้ว “แล้วชั้นก็ไม่อยากนอนคนเดียวด้วย~”

คาเมะแน่ใจว่าเขาได้ถูกอีกฝ่ายทำมาเล่นอีกแล้วแน่ๆ แล้วครั้งนี้ก็ไม่มีทางที่จินจะทำไม่สำเร็จ เพราะพวก TTUN ก็ไม่ได้อยู่ที่นี่เพื่อคอยห้ามไม่ให้ร่างบางติดกับในหลุมพรางที่จินวางไว้อย่างดีแน่

คาเมะถอนหายใจออกมาอย่างยอมแพ้ ก่อนจะค่อยๆนั่งลงบนขอบเตียง แล้วก้าวข้ามลำตัวของอีกฝ่ายเพื่อจะได้นอนอยู่ด้านซ้ายมือของจินที่อยู่ติดกับผนังห้อง เขาไม่อยากเสี่ยงทำให้แขนด้านขวาของจินต้องเจ็บมากกว่านี้

ร่างสูงฉีกยิ้มอย่างผู้ชนะออกมาเต็มหน้า แล้วจู่ๆก็ใช้แขนข้างที่ไม่เจ็บนักเข้าไปโอบรอบหลังของคนตัวเล็ก ตามด้วยการรั้งร่างของอีกฝ่ายให้เข้ามาใกล้ คาเมะขืนตัวพยายามที่จะอยู่ให้ห่างจินให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้บนเตียงนี้ แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธใจตัวเองได้เลยว่าการที่ได้กลับเข้าสู่อ้อมกอดของจินอีกครั้งนั้นเป็นสิ่งที่เขาหวังว่าจะได้สัมผัสมันอย่างเร็วที่สุด

“ถ้างั้น..ตอนที่นาย..หลับอยู่น่ะ นายได้ยินสิ่งที่พูดอยู่รอบๆตัวไหม?” คาเมะจำต้องถามคำถามที่รบกวนจิตใจของเขาอยู่ทั้งวันออกมาเสียที ร่างบางได้ยินจินปล่อยลมหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา ก่อนที่จะลืมตาขึ้นมาเพื่อตอบคำถามนี้

“ไม่หรอก ชั้นไม่คิดว่าชั้นฝันอะไรด้วยซ้ำ ชั้นจำอะไรไม่ได้สักอย่าง” จินครุ่นคิดพลางเม้มปากเข้าหากัน

“มะ ไม่เหรอ?” คาเมะถามเพราะอยากจะให้มั่นใจ ..ไม่สิ..เขาอยากจะได้คำตอบที่ทำให้มั่นใจมากๆว่าจินไม่ได้โกหก เพราะจินไม่น่าจะได้ยินคำสารภาพรักที่น่าอายอันนั้น!

“ก็..ชั้นจำทุกเรื่องก่อนหน้านี้ได้ แต่ชั้นจำตอนที่อยู่ในโคม่าไม่ได้” ร่างสูงตอบ คาเมะก็นิ่งคิดในคำพูดของจิน ด้วยเหตุผลแปลกๆบางอย่างเขามักจะเข้าใจความคิดของจินได้อย่างรวดเร็วในขณะที่พวกเพื่อนๆที่เหลือของหัวหน้าแก๊งไม่เคยเข้าใจเลย จริงๆแล้วมันน่าจะกลับกันไม่ใช่เหรอ พวกเพื่อนๆของจินน่าจะรู้จักจินดีมากกว่าเขานี่น่า..สิ่งนี้ก็ขอไม่นับรวมถึงการที่เขารู้จักร่างกายของจินดีอีกด้วยแล้วกัน....

“จะ จริงเหรอ..” คาเมะพึมพำ ด้านจินก็เปิดปากหาวหวอดๆ

“นายมาเยี่ยมชั้นด้วยนี่” อีกฝ่ายอู้อี้บอกเสียงง่วงๆ

“นะ นายรู้ได้ยังไงล่ะ?” ร่างบางตะกุกตะกักถาม จู่ๆเขาก็รู้สึกสงสัยขึ้นมาอีกครั้ง

“พวกนั้นบอกชั้นเอง” จินตอบ

“อ้อ” ร่างบางพูดขึ้น “ใช่แล้ว ชั้นไปที่นั่นมา”

ร่างสูงเปิดตาเพื่อที่จะมองมายังคนตัวเล็ก “นายบอกอะไรชั้นเหรอ?”

คาเมะหน้าตาแดงระเรื่อขึ้นมาโดยทันใด

“ไม่มีอะไร ชั้นไม่ได้อยู่กับนายนานนัก ชั้นก็แค่..พูดพล่ามไปเรื่อย..ชั้น..” ร่างบางหยุดนิ่ง พยายามสั่งใจตัวเองให้สงบลง มันไม่มีทางที่จินจะรู้ได้...นอกจากว่าจินจะฉลาดมากเหมือนจินที่อยู่ในฝันของเขา แต่อย่างไรมันก็เป็นไปไม่ได้นี่น่าเพราะจินที่อยู่ในความฝันของเขาไม่มีตัวตนอยู่จริง แล้วการที่จินในความฝันกลับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับเขาได้มากมายขนาดนั้นก็อาจจะเป็นเพราะนั่นเป็นความฝันของเขานั่นเอง

พูดถึงตอนที่อยู่ในฝันนั่นแล้ว คาเมะก็หวังที่จะบอกแจกแจงบอกตัวเองไปอีกหน่อยว่าตัวเขานั้นไม่ได้หน้าตาแดงก่ำมากสักหน่อย แล้วเขาก็ควรจะรู้ดีว่ามันก็แค่ฝันไปเท่านั้น

“ชั้นบอกไปว่าชั้นหวังอยากให้นายฟื้นขึ้นมา” คาเมะพูดเสริม

จินปิดเปลือกตาลงพร้อมกับโอบร่างคนตัวเล็กไว้อย่างแน่นหนา อีกฝ่ายดูเหมือนจะยังคงขืนตัวอยู่บ้างเพื่อที่จู่ๆจะได้ไม่เผลอเอาตัวไปนอนทับกันและกันอยู่บนเตียงเล็ก “ชั้นแน่ใจว่าส่วนหนึ่งลึกๆในใจของชั้นได้ยินทุกสิ่งทุกอย่างที่นายบอกออกไปแน่”

ชั้นก็หวังว่าจะไม่เป็นเช่นนั้น ..ร่างบางคิดอยู่ในใจ แต่คาเมะก็หวังว่าถ้าไม่นับเรื่องที่เขาได้บอกกับจินในตอนที่อยู่ในห้องพยาบาลแล้ว เขาก็หวังว่าความทรงจำของจินคงจะไม่มีอะไรให้น่าห่วง..

“เพื่อนรักของนายชื่ออะไรเหรอ?”

“ฮืมม?” ร่างสูงอู้อี้ขึ้นเมื่อได้ยินคำถาม “พี”

“ใครเป็นประธานาธิบดี?” คาเมะถามคำถามต่อไป จากนั้นก็เกิดความเงียบขึ้นมาชั่วขณะ

“เราไม่มีสักหน่อย” จินตอบออกมาในที่สุด “นี่นายกำลังทดสอบชั้นเหรอ?”

“เปล่า..” ร่างบางโกหก “ภูเขาไฟฟูจิระเบิดครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่?”

ครั้งนี้ก็เกิดความเงียบเข้ามาปกคลุมอยู่เนิ่นนาน

“นายรู้ใช่ไหมว่าภูเขาไฟฟูจิน่ะเป็นภูเขาไฟ?” คาเมะถาม คล้ายจะสงสัยอยู่ไม่น้อย

“อ่ะ ชั้นรู้น่า!” ร่างสูงพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นเล็กน้อย น้ำเสียงเหมือนจะโน้มน้าวให้อีกฝ่ายเชื่อให้ได้ จากนั้นไม่นานความเงียบก็เข้ามาปกคลุมอีกครั้ง

“นายไม่รู้จริงๆใช่ไหม?” ร่างบางพูดสรุป ก่อนจะได้ยินเสียงจินถอดใจ

“ชั้นก็แค่จำไม่ได้ว่าครั้งสุดท้ายมันระเบิดตอนไหนก็แค่นั้นเอง... นายจำได้ใช่ไหมว่าชั้นเพิ่งจะฟื้นจากโคม่ามา?”ชายหนุ่มพูดปกป้องตัวเอง

“ในสมัยเอดะ” คาเมะตอบ

“นายมันเด็กเนิร์ด”

continue here ยังไม่จบคะ อ่านต่อตรงนี้คะ
Previous post Next post
Up