“เอาล่ะ นายบังคับให้ฉันต้องเล่นแรงเองนะ” จินเปล่งเสียงขู่ เมื่อได้ยันตัวลุกขึ้นยืน คนตัวเล็กเบิกตากว้างด้วยความกลัว ถึงแม้เหตุการณ์ครั้งนั้นจะผ่านมาเป็นอาทิตย์แล้ว แต่ในทุกครั้งที่จินลุกขึ้นยืนโดยที่ไม่มีอะไรให้จับหรือยึดไว้ ร่างบางก็จะนึกห่วงอยู่ตลอด
คาเมะไม่พยายามหนีมากนัก เพราะเห็นว่าถ้าจับตัวเขาไม่ได้ อีกฝ่ายก็คงไม่หยุดอย่างแน่นอน ร่างบางถอยหลังติดลูกกรงแล้วรออยู่ตรงนั้น
“นายลืมที่ของตัวเองไปเสียสนิทหรือ” จินถาม พลางเอื้อมมือไปคว้าแขนข้างซ้ายของร่างบาง ยกขึ้นสัมผัสใบหน้า “ที่ของนายก็คือการอยู่เคียงข้างฉันยังไงล่ะ” ร่างสูงพูดต่อก่อนจะใช้นิ้วไล้สัมผัสไปยังวัตถุเงินที่สวมใส่อยู่บนเรียวนิ้วของคาเมะ “นายจะทำตัวดูหมิ่นหรือต่อว่าใครๆที่นายอยากว่า หรือนายจะทำตัวไม่ดีกับฉันมากแค่ไหน หรือนายจะเอาเรื่องพวกนี้ไปร้องเรียนใครก็ช่าง... แม้กับตัวจอห์นนี่เองก็เถอะ หมอนั่นยังไงก็ไม่กล้าแตะต้องนายอยู่ดีเพราะรู้ว่านายเป็นของชั้น นายอยากจะลองทำอะไรที่นายอยากทำก็ได้ แต่มันก็จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงแน่ นายเอาชนะชั้นไม่ได้หรอก นายจะเสียเวลาไปเปล่าๆเท่านั้นเอง”
ร่างบางไม่ได้ตอบ ทำได้แค่มองตอบอีกฝ่าย จินกุมแล้วใช้มือคลึงมือบางของคนตัวเล็ก ก่อนจะเคลื่อนตัวเข้าใกล้ “ตราบใดที่ชั้นยังให้ความสนใจนายอยู่ ชั้นจะเป็นคนตัดสินเองว่าเมื่อไหร่ที่ชั้นจะบอกว่าพอ”
นั่นมันไม่ใช่กฏตายตัวข้อไหน กฏเดียวที่ร่างบางเรียนรู้จากจินนั่นก็คือ กฏที่จินบอกเอาไว้ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ที่นี่ ..อย่างน้อยในตอนนั้นจินมีกฏไว้ว่าจะไม่บังคับขืนใจใคร มาตอนนี้..อีกฝ่ายเพิ่งจะบอกเขาว่าตัวเขาไม่มีแม้แต่สิทธิ์เลือกว่าอยากจะเป็นเด็กของเล่นหรือไม่ นี่เขาสูญสิ้นแม้แต่เสรีภาพอย่างสุดท้ายที่มีไปแล้วหรือ
“ชั้นสามารถที่จะเก็บนายไว้ที่นี่ นายไม่มีทางได้ออกจากห้องขังนี้ก่อนสิ้นเดือนมิถุนายนแน่นอน ชั้นจะมอบหมายให้แต่ผู้คุมที่เป็นพรรคพวกของชั้นเท่านั้นมาเดินตรวจยามแถวนี้ นายไม่มีทางจะติดต่อกับมาสะจังลับหลังชั้นได้หรอก” จินพูดต่อ “เพราะถ้านายแอบหลบจากพวกชั้นไปได้สำเร็จ แล้วถ้านายหนีไปจากชั้นได้ นายก็คงจะเอาเพื่อนๆชั้นไปสังเวยทีละคนแน่ๆ ซึ่งชั้นจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้น”
เมื่อคนตัวเล็กไม่ได้ตอบออกมา จินก็โน้มตัวลงไปหาพร้อมรอยยิ้มนิดๆ “นายคิดว่าจะหนีจากชั้นไปได้หรือ ไม่ว่านายจะทำอะไรไป ชั้นก็จะไม่ยอมปล่อยนายแน่ นายเป็นของชั้น ชั้นจะใช้อำนาจทุกอย่างที่มีในมือ เพื่อหยุดนายไม่ให้ทำแบบนั้น”
เมื่อจินหยุดพูดนั้น ความเงียบได้เข้ามาปกคลุมทั่วห้องขังอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ตาเรียวรีของร่างบางหลุบต่ำลงพื้น เพราะนึกอยากหลบหนีจากสายตาคมกริบของจินที่ส่งตรงมาให้เขา สายตาเรียกร้องอย่างกับน้ำเสียงที่เปล่งออกมา
“เข้าใจไหม” จินถาม แล้วเมื่อไม่ได้คำตอบ อีกฝ่ายจึงช้อนคางของคนตัวเล็กขึ้นมาสบตากับเขา “ว่าไง”
“ได้สิ อคานิชิซัง” คาเมะปล่อยให้เสียงถอนใจที่กลั้นไว้เพียงครึ่งได้เปล่งออกมา
“งั้นก็ดี” น้ำเสียงของจินเปลี่ยนจากน้ำเสียงทุ้มลึก เรียกร้อง แล้วติดจะข่มขู่อยู่นิดๆ มาเป็นรื่นเริง คาเมะได้แต่ยืนมองจากที่ตรงนั้น “อ่อ แล้วก็อย่าเรียกชั้นว่าอคานิชิซังล่ะ นายอยากให้ชั้นทำให้ตัวนายร้องครางชื่อชั้นออกมาอีกหรือไง”
โคคิกระแอมไอเสียงดังขัดขึ้น จินก็รีบเหลือบมองไปที่หนุ่มนักแร๊บ “ชั้นหมายถึงหลังจากที่ชั้นหายดีแล้ว.....” หัวหน้าแก๊งรีบขยายความ
“คงใช่ล่ะน้า” โคคิพูดตอบ เขาไม่ได้เชื่อในคำพูดนั้นเลยสักนิด แต่เสียงที่ดังมาจากทางประตูห้องช่วยเข้ามาทำลายบรรยากาศอันน่าอึดอัดในห้องให้หายไปได้ในทันที จากนั้นไม่นานร่างของโคอิจิก็เดินเข้ามา
“ว่าไงทุกคน ชั้นคิดว่าพวกนายคงอยากจะหาอะไรทำสักหน่อย ชั้นก็เลยเอาของกินเล่นแล้วก็พวกเกมเพื่อทำให้เวลาของพวกนายผ่านไปเร็วหน่อย” โคอิจิร้องทัก
“เย้ๆ” จินร้องเป็นเพลงด้วยความดีอกดีใจ ก่อนจะหันเหความสนใจไปยังกองสิ่งของที่โคอิจิวางกระจายทั่วพื้น
“นี่นายเล่นลุกขึ้นยืนและเดินไปเดินมาแบบนี้จะดีหรือ” โคอิจิถามด้วยน้ำเสียงกังวลนิดๆ
“ไม่ดีเลยสักนิด” ทั้งห้าหนุ่มรีบตอบเป็นเสียงเดียวกัน
คนตัวเล็กรู้สึกได้ทันทีว่าสายตาของผู้คุมหนุ่มกำลังส่งตรงมาที่เขา ก่อนที่จะมองยังชุดที่เขาสวมใส่เป็นอันดับต่อไป อาจจะนึกสงสัยว่าทำไมร่างบางถึงสวมใส่ชุดนางพยาบาล แต่โชคดีที่ว่าโคอิจิไม่ได้ถามอะไรออกมา
“พวกนายหุบปากไปเลย มันตั้งสองอาทิตย์มาแล้วนะ ถ้านับรวมไอ้ตอนที่ชั้นนอนพักแล้วก็นอนพักฟื้นจากอาการโคม่าอย่างดีแล้วล่ะก็ ชั้นว่าชั้นสามารถที่จะเดินไปไหนมาไหนได้ตามที่ต้องการ อ่ะว่าแต่รุ่นพี่เอาอะไรมาให้ซึโยชิหรือเปล่าล่ะ” จินอดไม่ได้ที่จะแซวออกไป โคอิจิเหลือบมองอีกฝ่ายแว่บหนึ่ง ก่อนที่จะก้มหัวซ่อนแก้มที่แดงปลั่ง
“ไม่ ก็ต้องไม่สิ” โคอิจิตอบ “หมอนั่นไม่ได้ทำอะไรที่ควรจะได้ของพวกนี้” ผู้คุมหนุ่มเอ่ยขึ้น แล้วลุกขึ้นเดินออกจากห้องไป
“งั้นหรือ ขอบคุณมากนะ บาย รุ่นพี่โคอิจิซัง” จุนโนะโบกมือไล่หลังผู้คุมหนุ่มผู้ซึ่งเหมือนกลายมาเป็นรุ่นพี่ของพวกเขาจริงๆ ถึงแม้อีกฝ่ายจะไม่ได้อยู่ในแวดวงเดียวกับพวกเขาก็เถอะ
“รุ่นพี่เอาซูโดกุมาให้” จินทำหน้าบึ้งนิดๆเมื่อได้จัดการสำรวจตรวจตราข้าวของ “แล้วก็ควิซ”
“มีเกมเศรษฐีด้วย ใครอยากเล่นบ้าง” จุนโนะถามขึ้น ก่อนจะพบสายตาขรึมๆที่ส่งตรงมาจากเพื่อนๆ
“นี่ คาซึจัง มานี่หน่อยสิ” จินขยิบตาบอกให้ร่างบางเดินไปหา คาเมะลังเลนิดหน่อย ก่อนจะทำตามที่อีกฝ่ายบอก “นายอยากทำอะไรล่ะ”
“ชั้นอยากให้นายนอนลงให้สบายตัว” คาเมะตอบ จินก็ส่งยิ้มแบบสบายใจเฉิบมาให้
“ก็ได้ ถ้านายเรียกชั้นว่าจินอีกน่ะ” เมื่อจินตอบเสร็จ คาเมะก็ได้แต่จ้องอีกฝ่ายอยู่เพียงครู่ ซึ่งจินก็คิดว่ามันดูตื่นเต้นดี เพราะตลอดระยะเวลาที่อยู่ด้วยกันมาคาเมะไม่ได้จ้องเขาแบบนี้มาตั้งนานแล้ว จะมีก็แต่ตอนก่อนหน้าที่เขาจะได้ตัวคาเมะแล้วนั่นแหล่ะ
“ได้โปรดเถอะนะ จิน กลับไปที่เตียงเถอะ” คาเมะยอมแพ้จึงได้พูดข้อร้องไป
“เมื่อนายขอชั้นขนาดนี้ ไม่ทำตามไม่ได้แล้วน้า” จินแสยะยิ้มนิดๆ แล้วปล่อยให้คนตัวเล็กช่วยพยุงไปที่เตียง
“อ่ะจิน อยู่กับคาเมะจังแล้วอย่าเตลิดไปล่ะ” โคคิพูดเตือน
“ก็ได้ ก็ได้” จินโบกมือไล่
“เล่นนี้ไปแทนแล้วกันนะจิน” ยูอิจิพูดต่อโคคิ พร้อมกับโยนหนังสือเล่มเล็กเข้าใส่หัวหน้าแก๊ง
“ซูโดกุเหรอ” จินร้องคราง ก่อนจะใช้มือหยิบหนังสือเล่มเล็กที่ถูกโยนใส่หน้าตัวเองออกมา “ชั้นก็หวังว่าจะมีทางอื่นที่จะทำให้ชั้นดีขึ้นหน่อย!”
สมาชิกที่เหลือในแก๊งต่างก็ถือโอกาสนี้พากันหลบออกไปจากห้องขัง ในขณะที่คาเมะยังคงหาท่วงท่าสบายให้จินได้นอนพิง
“นี่ อย่าเศร้าไปเลย” ร่างสูงพูดพร้อมกับช้อนคางขึ้นสบตากับเขา “นายทำยังไงก็ชนะชั้นไม่ได้หรอก แต่ชั้นก็ดีใจนะที่นายเป็นห่วงชั้น มันดูน่ารักมากเลยล่ะ นายนี่น่ารักจริงๆ”
คาเมะไม่ได้ตอบคำใด จินจึงใช้นิ้วไล้ไปตามเรียวปากบางนั่นอีกครั้ง
“ตอนนี้ก็ไม่ต้องห่วงชั้นมากหรอกนะ คนสวย” เขาจะบอกความจริงกับคาเมะ เมื่อได้รู้อย่างแน่นอนว่าอีกฝ่ายไม่คิดจะหนีไปไหนอีกแล้ว
“นอกจากเป็นเด็กของเล่นของนายแล้ว ชั้นคงเป็นอย่างอื่นไม่ได้หรอก” ร่างบางตอบพลางลุกขึ้นยืน แล้วเดินลงไปนั่งพิงผนังที่อยู่ตรงข้าม
“ว้าว จู่ๆนายก็ยอมจำนนให้ชั้นเลยเหรอ” จินพูดแหย่
“หลังจากที่นายพูดขู่ชั้นแล้ว มันดูเหมือนว่าชั้นจะมีทางเลือกอื่นอีกไหมล่ะ” คาเมะตอกกลับ พร้อมยกเข่าชันขึ้นในท่านั่ง แต่ก็ต้องนึกเสียใจกับท่วงท่านี้เพราะกระโปรงที่ใส่นั้นสั้นเกินไป ร่างบางหน้ามุ่ยขึ้นมาทันที ก่อนจะรีบยกขาขึ้นซ้อนลำตัวแทนแล้ววางมือประสานกันที่หน้าอก
คาเมะดื้อดึงยิ่งนัก แต่จินดื้อมากกว่าอีก เขาจะต้องแสดงให้เพื่อนร่วมห้องตัวเล็กเห็นล่ะว่าตัวเขานั้นสามารถจะใช้เสน่ห์ต่างๆหลอกล่อคาเมะได้ก็แล้วกัน
“งั้นก็ได้ ว่าแต่ทำไมนายไม่เข้ามานอนกอดกับชั้นสักหน่อยล่ะ ชั้นสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรเลย....”
จินส่งสายตาแป๋วเหมือนตาลูกหมาบริสุทธิ์ใสซื่อมาให้เขาอีกแล้ว ไม่สิ มันแย่ยิ่งกว่านั้นอีก มันเป็นแววตาใสซื่อของจินนั่นเอง ปกติแล้วในทุกครั้งที่จินใช้อาวุธลับนี้กับร่างบางเมื่อไร จินก็มักจะได้ในสิ่งที่ต้องการอยู่เสมอ ถึงจะรู้ดีว่ายังไงตัวเขาก็จะยอมทำตามความต้องการของจินไม่ช้าก็เร็ว แต่คาเมะก็เลือกที่จะทอดเวลาไปสักหน่อยก็ยังดี
“ชั้นว่า ชั้นนั่งตรงนี้ดีกว่า ชั้นไม่อยากจะกวนนาย” ร่างบางตอบ จินก็ต้องยอมรับในใจว่า ..คาเมะเองคงไม่อยากจะลองเล่นบททดสอบที่ว่าจินจะสามารถควบคุมตัวได้ดีขนาดไหนถ้าพวกเขาได้นอนกกกอดกันยังงั้นแน่ ร่างสูงยังรู้อีกว่าในตอนนี้คาเมะคงไม่มีอารมณ์อยากจะมานอนกอดกันเล่นอีกด้วย
“ฮึ” จินเปิดหนังสือเล่มเล็กที่อยู่ตรงหน้าด้วยอาการฉุนเฉียว
เมื่อมีความสุข...วันทั้งวันก็ดูจะผ่านไปอย่างรวดเร็วได้
“บ้าเอ๊ย ทำไมชั้นเล่นแล้วได้เลขหกสองตัวอยู่แถวเดียวกันแหล่ะเนี่ย!” ในระยะเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงที่ผ่านมานี้จินเอาแต่บ่นงึมงำไม่ยอมหยุด ร่างสูงเขวี้ยงดินสอให้มันกลิ้งไปหล่นที่เตียง ตามด้วยการโบกหนังสือเล่มเล็กไปมากลางอากาศ คาเมะนึกสรุปเอาว่านั่นคงเป็นวิธีช่วยลดอารมณ์หงุดหงิดของจินนั่นเอง
ร่างบางค่อยๆฝืนตัวเองให้ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหาจิน หัวหน้าแก๊งนั่งสบถบ่นโน่นนี่อยู่ทั้งวัน ดูเหมือนจะเล่นไอ้เกมซูโดกุจนมันมั่วไปหมด แถมยังแก้ไม่ได้เลยสักเกมเดียว
“ให้ชั้นดูสิ” ร่างบางพูดเสนอ
“ไม่ล่ะ ชั้นจะแก้อันนี้ด้วยตัวเอง” อีกฝ่ายตอบออกมาอย่างดื้อดึงแล้วรีบคว้าแท่งดินสอไว้กับมือ ก่อนจะนั่งจ้องหนังสือเกมนั้นอย่างตั้งใจ
คาเมะพยักหน้านิดๆ แล้วเดินถอยกลับไปที่เดิม
“เกมนี้มันงี่เง่าจริงๆ...” จินบ่นพึมพำ
“แต่นายก็นั่งเล่นเกมนี้อยู่ทั้งวัน ไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่นเลยนี่” คาเมะพูดพลางทรุดตัวลงนั่งที่เดิม
"มันเป็นเกมที่งี่เง่า แต่ก็ทำให้ติดนี่" จินคำรามลั่น ก่อนจะซุกหน้าลงไปยังหนังสือเกมอีกครั้ง
สิบนาทีต่อมา...แท่งดินสอกลับลอยลอดซี่ลูกกรงออกไปด้านนอก
“ชั้นยอมแพ้~” ตามด้วยเสียงถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วงจากบนเตียง คาเมะเดินไปหยิบดินสอที่ถูกทิ้งลงบนพื้นขึ้นมา จินเขวี้ยงได้ดีทีเดียว อีกฝ่ายตั้งใจเขวี้ยงไม่ให้โดนผ้าสักหลาดที่ใช้ปิดซี่ลูกกรง แต่ตั้งใจเขวี้ยงดินสอให้มันลอยลอดซี่ลูกกรงออกไป คาเมะนึกสังสัยว่านั่นอาจจะป็นสัญชาติญาณของจินมากกว่าที่จะเป็นการทำไปอย่างไตร่ตรอง
ร่างบางค่อยๆเดินกลับไปหาคนที่กำลังนอนท้อแท้อยู่บนเตียง
“มันคงไม่ยากขนาดนั้นหรอก ให้ชั้นช่วยแล้วกัน” ร่างบางร้องบอกอีกครั้ง ในครั้งนี้จินก็มองกลับมาที่คาเมะ ร่างบางดึงชายกระโปรงขึ้นเพียงเล็กน้อย ก่อนที่จะนั่งลงเคียงข้างร่างใหญ่ที่กำลังนอนแผ่หลา
“เอาล่ะ ให้เวลาชั้นสิบวินาทีแล้วกัน...” คาเมะพูดขึ้น พยายามเพ่งสายตามองไปที่หนังสือเกม แทนการมองเพ่งไปยังมือของจินที่วางอยู่บนตักของเขา ร่างสูงกำลังใช้นิ้วพันเล่นกับชายกระโปรงของเขาไปด้วย หลายนาทีต่อมา จินก็เริ่มจะหมดความอดทน
“ว่าไงล่ะ” ร่างสูงถาม คาเมะก็เหลือบมองอีกฝ่ายเพียงแว่บเดียว
“อืม ชั้นว่านายทำผิดตรง...เอ่อ แค่บางส่วนน่ะ” คาเมะพูดด้วยน้ำเสียงที่พยายามให้ช้ำใจคนฟังน้อยที่สุด “เห็นไหมว่านายมีเลขหกอยู่สามตัวตรงนี้ แล้วก็เลขสี่สองตัว นายขาดเลขเก้าไป”
“อะไรนะ” จินร้องเสียงแหลม ก่อนจะโน้มไปมองที่สมุดเกม “ชั้นเพิ่งจะเอาไอ้เลขหกบ้านี้ออกไป!”
“นายอาจจะเผลอใส่เพิ่มไปอีกสามตัวไง” คาเมะบอก “เอางี้ไหม ...ลบออกให้หมด แล้วค่อยเริ่มใหม่” ร่างบางพูดแนะ ได้แต่หวังว่าจินจะไม่คิดไปว่าเกมซูโดกุในตอนนี้ดูยากเกินจะแก้ไขอะไรทั้งสิ้น
“นายคิดว่าชั้นห่วยใช่มั้ยล่ะ” ร่างสูงถามขึ้น คาเมะได้แต่พยักหน้ารับอย่างลังเลนิดๆ แล้วเริ่มลงมือลบทุกอย่างที่เขียนลงในนั้น
“ชั้นว่ามันจะง่ายกว่ามั้ยถ้าเราเริ่มเล่นใหม่ไปเลย ดีกว่ามานั่งคิดว่าทำผิดตรงไหน ว่าแต่นาย..เอ่อ.. ไม่คิดจะเริ่มเล่นตรงที่มันง่ายๆก่อนหรือ แล้วค่อยเลื่อนขั้นไปเล่นไอ้ตรงที่มันยากขึ้นน่ะ” ร่างบางถาม ออกจะไม่เข้าอยู่นิดๆ ในเมื่อจินไม่เคยเล่นเกมซูโดกุมาก่อนเลยในชีวิต ....แล้วทำไมถึงดึงดันที่จะกระโดดไปเล่นตรงหน้าสุดท้ายของสมุดเกมที่เป็นส่วนที่ยากที่สุด ..
อีกฝ่ายเหลือบมองมาเป็นคำตอบ
คาเมะกระแอมไอนิดๆ “นายรู้เปล่าว่า อย่างน้อยชั้นก็ชื่นชมนายตรงที่นายกล้าทำอะไรที่มันท้าทาย”
“คงมีนายคนเดียวล่ะมั้ง” จินพึมพำตอบ
“...แต่นายไม่ยอมให้อะไรมาหยุดนายได้” คาเมะพูดขึ้น พยายามจะหาคำพูดอะไรบางอย่างที่ฟังดูเข้าทีมาตอบ “ชั้นแน่ใจเลยว่า พวก TTUN น่ะไม่ได้ถือโทษโกรธนายเรื่องที่พาพวกเขามาอยู่ในนี้แน่”
“อย่าเพิ่งแน่ใจไปก่อนเลย พอเราได้ออกไปจากนี่แล้ว พวกนั้นอาจจะให้ชั้นไปปล้นอะไรที่มันดูงี่เง่าปัญญาอ่อน อย่างไปปล้นพวกร้านชำก็ได้ ว่าแต่...ตอนนี้ชั้นชักกระหายอะไรอย่างอื่นแล้วสิ...” จินบอก ก่อนที่จะโน้มร่างบอบบางให้พลิกกลับมานอนอยู่ใต้ร่าง
“จิน อย่าสิ นายเจ็บอยู่นะ” คาเมะพยายามจะห้าม แต่ก็ถูกทำให้เงียบเสียงลงด้วยจูบวาบหวาน แขนข้างที่แข็งแรงของจินเลื่อนไล้ลงไปยังเอวบางคอด ส่วนมือข้างที่เจ็บก็ถูกวางแนบบนอกของคนตัวเล็ก ทิ้งน้ำหนักลงเป็นการป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวไปไหน
“ดูนายจะสงบลงมากนะ เด็กดี...” จินพูดพึมพำ เมื่อได้ผละออกจากกลีบปากบางเพียงชั่วครู่ ก่อนจะพยายามฝืนความคิดที่ไม่ดีทั้งหลายแหล่ให้กลับลงไปในหัวเช่นเดิม ความคิดที่เหมือนจะบอกว่าคาเมะเริ่มทำตัวดีกับเขาก็เพราะอีกฝ่ายเริ่มจะจมลงไปกับบทเด็กของเล่นอีกครั้งนั่นเอง
“ชั้นก็ยังคิดว่ามันคงไม่มีอะไรดีถ้านายจะเก็บชั้นไว้ในนี้” คาเมะตอบ
“อีกแค่หนึ่งเดือนมันจะทำให้เกิดเรื่องเลวร้ายอะไรได้แค่ไหน?” ร่างสูงพูดชี้แจง คาเมะมองตอบอีกฝ่ายเพราะไม่เข้าใจว่าทำไมจินถึงไม่คิดได้ซะทีว่าเขาเป็นคนที่นำเคราะห์ร้ายมาให้ แล้วในไม่ช้ามันจะต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
“นายประเมินทักษะด้านการเอาตัวไปก่อเรื่องของชั้นต่ำไปแล้ว”
จินโน้มตัวลงเพื่อประทับจูบลงบนเรียวปากบางอย่างช้าๆ ไม่แน่ใจว่าคาเมะพยายามจะดึงตัวออกห่างหรือจะทำตัวดื้อดึงกันแน่
“จิน...” เมื่อกลีบปากบางได้รับอิสระแม้เพียงครู่ ร่างบางก็รีบครางตอบในระหว่างจูบนั้น “นายก็รู้ว่าพวกเพื่อนในแก๊งนายบอกว่ายังไง นายควรจะทำตัวให้สบายๆ ไม่งั้นเขาจะส่งตัวนายกลับไปที่ห้องพยาบาลอีก”
“เราไม่ต้องบอกพวกนั้นทุกอย่างก็ได้นี่...” ในตอนนี้ จินพยายามเลื่อนลงไปจูบที่คอเนียนระหงของคนตัวเล็กสักครั้งสองครั้งได้
“ชั้นพนันได้เลยว่าพวกเขาต้องนึกสงสัยแน่ถ้าเห็นเราสองคนเดินขากระเผลกน่ะ” ร่างบางยังค้าน แต่ก็ต้องนึกแปลกใจที่การค้านนั้นดูจะให้ผลตรงข้ามกับจิน เพราะอีกฝ่ายเล่นเม้มลงบนส่วนที่ไวต่อสัมผัสบนซอกคอขาวนั้น ทำให้คนตัวเล็กตัวสั่นไหวระริก
“แต่ชั้นนอนอยู่บนเตียง ไม่ได้ทำอะไรมาตั้งหลายอาทิตย์แล้ว” ร่างสูงเป่าลมใส่หูร่างบาง ก่อนจะขบเม้มลงยังใบหูนั้นเป็นลำดับต่อไป “แล้วก่อนหน้านั้นชั้นมีเพื่อนร่วมห้องที่ไม่น่าสนใจเท่านาย”
“รออีกไม่กี่วันไม่ได้เหรอ” ร่างบางบอกออกมา จินก็ทิ้งหัวลงแนบที่ไหล่บาง “ชั้นไม่อยากให้นายต้องเจ็บอีก” คาเมะพูดเสริม เหมือนเป็นคำอธิบาย จินจึงยกศีรษะตัวเองขึ้นมาเพื่อสบตาอีกครั้ง
“นายก็รู้ว่ามันไม่ใช่ความผิดของนายใช่ไหม” อีกฝ่ายถามกลับด้วยทีท่าจริงจังจนคาเมะต้องเป็นฝ่ายผงะ “ไม่มีใครโทษนายนะ”
“นายพูดผิดแล้วล่ะ” คาเมะตอบพร้อมด้วยรอยยิ้มนิดๆ ที่ดูคล้ายรอยยิ้มเศร้าสร้อยมากกว่าจะเป็นรอยยิ้มแบบจริงใจ “หลายคนคิดแบบนั้น”
“พวกเด็กหน้าสวยขี้อิจฉากับจิมมี่ แม็กกี้ไม่นับรวมสิ ถ้าไม่ใช่เพราะพวกนักโทษบางกลุ่มก่อเรื่องล่ะก็ ตอนนั้นเราก็อาจจะกำลังเดินกลับห้องหลังจากที่กินข้าวเที่ยงอิ่มแล้วเหมือนทุกๆวัน ไม่ใช่พยายามจะมาช่วยกันแก้เรื่องอะไรทั้งนั้น ในกรณีนั้น นายก็คงไม่ไปยืนอยู่นอกฝั่งเหนือ หรือยืนอยู่ตรงราวระเบียงนั่นเลย” จินพูดขึ้น ออกจะรู้สึกภูมิอกภูมิใจกับหลักเหตุผลของตัวเองอยู่บ้าง “นายคงจะนึกโทษตัวเองในสิ่งที่เกิดกับนักโทษทุกๆคนสินะ”
คาเมะเปลี่ยนท่วงท่าอย่างอึดอัดใต้ร่างจิน “ก็เอ่อ ชั้นนึกสงสัยว่าถ้าชั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนั้น ผลมันจะเป็นยังไง...บางทีแผนของรุ่นพี่อาจจะสำเร็จ พวกเขาก็อาจจะหนีไปได้โดยที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ”
“หยุดอยู่ตรงนั้นแหล่ะ” จินพูดขึ้นพลางวางมือประกบเรียวปากบาง “ชั้นรู้ดี นายไม่ได้มีส่วนเกี่ยวอะไรกับเรื่องยุ่งพวกนั้นเลยสักนิด นายก็เป็นเหยื่อคนหนึ่งเหมือนกับคนอื่นๆนั่นแหล่ะ เหตุโกลาหลนั้นมันป็นผลที่เกิดจากการต่อสู้ในแก๊ง...สามหรือสี่แก๊งนี่แหล่ะ ....ถ้านับรวมพวกนิวส์ด้วยแล้ว ..พวกที่มาจากแวดวงเราน่ะเป็นที่น่าเกรงขามอยู่ทุกๆหัวถนนในกรุงโตเกียวอยู่แล้ว แล้วยิ่งพวกเดอร์ ออน เกรยร์ด้วยแล้วยิ่งบ้ากันไปใหญ่ แล้วเรื่องที่ว่ารุ่นพี่ใช้นายเป็นหนทางในการหลบหนีนั่นน่ะ ไม่ว่าผลมันจะออกมาเป็นยังไงมันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับนายเลยสักนิด”
คาเมะไม่ได้ตอบ อาจเพราะนิ้วของจินยังคงประกบอยู่ที่กลีบปากบางก็เป็นได้
“อีกอย่าง ชั้นแค่ไม่อยากให้นายเป็นหนึ่งในพวกที่กล่าวโทษว่าตัวนายเป็นต้นเหตุเรื่องทั้งหมดอยู่ เข้าใจไหม?” จินพูดเสริม ก่อนจะย้ายนิ้วข้างนั้นออกไป แล้วใช้มือข้างที่ไม่บาดเจ็บลูบไล้ยังกลุ่มเส้นผมสีทองนุ่มนั้นแทน
ร่างบางเปิดยิ้มกว้างเพียงนิด พลางหยิบเกมซูโดกุที่หล่นอยู่ระหว่างร่างของพวกเขาขึ้นมา “อยากจะลองด้วยกันอีกไหม”
จินยิ้มตอบแบบเดียวกัน “มาเล่นด้วยกันนะ”
~*~*~*~
“อ่ะ อย่าใส่ตรงนั้นสิ มันไม่ใช่ตรงนั้น” เสียงของร่างบางดังแว่วมาถึงนอกห้องขัง เมื่อ TTUN พากันเข้ามาสอดส่อง พวกเขาก็รู้ดีว่ามันคงไม่ใช่ความคิดที่ดีนักที่จะปล่อยคาเมะให้อยู่ในความเมตตาของจิน แต่ตอนนี้ดูจะมีสิ่งอื่นที่สำคัญกว่าเรื่องที่จะมานึกห่วงเรื่องนั้นแล้ว
“นายจะรู้ได้ไงถ้าไม่ลอง...” จินตอบ
“จิน อย่าสิ มันใส่ลงไปตรงนั้นไม่ได้” คาเมะพยายามจะพูดยกเหตุผลเข้าใส่ จินได้แต่ทำเสียงฮึดฮัดเมื่อได้ยิน
“งั้น ตรงนี้ล่ะ”
“ไม่ได้”
“งั้นตรงนี้ล่ะ”
“ชั้นเริ่มจะเชื่อแล้วว่านายทำก่อนพูดจริงๆเนี่ย”
“นายมานอนแผ่อยู่อย่างนี้ ใครมันจะไปคิดอะไรออกล่ะ”
“นายเป็นคนดึงตัวชั้นมานอนอย่างนี้นะ” คาเมะพูดค้าน แต่ก็ถูกขัดด้วยจูบหวาน
“นายนอกเรื่องแล้ว” คนตัวเล็กพูดขึ้นหลังจากเงียบเสียงไปครู่หนึ่ง แล้วดูเหมือนจะถูกอีกจูบหนึ่งเข้ามาขวางเสียก่อน
“ตั้งใจกับงานที่อยู่ในมือสิ” คาเมะพูดขึ้น แล้วเพียงไม่นานพวกในแก๊งก็ได้ยินเสียงครางแว่วหวานของคนตัวเล็กลอยมา
จินหัวเราะคิกคัก “ห๊ะ อะไรนะ นายนั่นแหล่ะงานในมือชั้นน่ะ”
ไม่มีเสียงตอบจากคาเมะ แต่คนตัวเล็กได้เปล่งเสียงน่าสนใจออกมา จากนั้นเหมือนเสียงอะไรบางอย่างได้ถูกผลักออก มันฟังดูคล้ายเสียงอะไรสักอย่างกำลังหกรดลงมา
“อ่ะ ไม่นะ” คาเมะครางออกมาอีกครั้ง แต่น้ำเสียงดูจะแตกต่างจากครั้งที่แล้ว
“โอ๊ะ โอ ชั้นทำอะไรไปเนี่ย เปียกหมดแล้ว แต่ก็ยังสนุกได้น้า ตราบที่เรา-“
“จิน”
“งั้นเราต้องหาอะไรอย่างอื่นทำแล้วแหล่ะ”
“ปล่อยให้มันแห้งดีเปล่า แล้วค่อยเริ่มเล่นตรงง่ายๆแทน ชั้นจะเอาไปตากนะ...”
“นี่ คาซึจัง ชั้นสัญญาน้า ว่าจะไม่ทำเกินเลยหรอก”
“ไม่ทำเกินเลยบ้านเตี่ยชั้นนี่ ถ้าหมอนั่นเครื่องติดเมื่อไหร่ล่ะก็ คาเมะจังไม่รอดแน่” โคคิพูดพึมพำ ก่อนจะสาวเท้าตรงเข้าไปในห้องอีก
“ดูเหมือนจะคืนดีกันได้เร็วแฮ่ะ” ยูอิจิพูดพลางเดินตามแฟนหนุ่มเข้าไป
“รีบเข้าไปก่อนที่จินจะโชคดีกันเถอะเรา” หนุ่มนักแร๊บพูดเพิ่มเติม จากนั้นทั้งเขาและยูอิจิก็เดินดุ่มเข้าไปในห้องขังพร้อมจุนโนะและอุเอดะที่ตามเข้ามาไม่ห่าง
“เอาล่ะๆ พอได้ๆ แยกกันได้แล้ว” คู่รักทานากะประกาศก้องพร้อมกันสองคนเมื่อทั้งสี่หนุ่มได้แข่งกันเดินมาที่ห้องขัง ด้านจินนั้นออกอาการผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด เพราะกำลังได้นอนเอกเขนกอยู่บนเตียง พร้อมด้วยคาเมะที่กลับมานอนอยู่ใต้ร่างสูง ใบหน้าหวานฝังอยู่กับหนังสือเล่มเล็ก
“โอ๊ะ เอาน่า ไม่เห็นยุติธรรมเลยว่ะ ชั้นจะหยอกๆเล่นๆหน่อยไม่ได้หรือไงกัน ครั้งนี้ชั้นไม่ได้จะชวนคาเมะมาเล่นจ้ำจี้สักหน่อย!” จินบ่นงุ้งงิ้งปกป้องตัว
“พวกนาย...สองคนทำอะไรกันน่ะ” จุนโนะถามขึ้น เมื่อเห็นจินหยิบหนังสือเกมเล่มที่คาเมะกำลังดูอยู่ขึ้นมา
“แก้เกมซูโดกุ ก็ไอ้อันที่รุ่นพี่โคอิจิเอามาให้พร้อมกับของอื่นๆไง ไอ้ที่นายโยนมันมาใส่หน้าชั้นน่ะ จำไม่ได้หรือไง?!” จินตอบ
“แล้วทำไมมันเปียกล่ะ” ยูอิจิถามต่อ
“จินทำเป๊ปซี่หกใส่ตอนที่กำลังจะเข้ามาหาชั-“ ร่างบางพูดเริ่ม แต่จู่ๆก็ถูกจินเอามือปิดปากบางไว้ บางครั้งคาเมะก็นึกสงสัยตัวเองเหมือนกันว่าตัวเขานั้นซื่อเกินไปหรือเปล่า
เมื่อมือข้างนั้นย้ายออกไปแล้ว คาเมะก็กระแอมไอนิดๆ “ชั้นหมายถึงว่า จินโมโหก็เลยเอาเป๊ปซี่ไปราดมันซะเลย”
อุเอดะเอามือขึ้นนวดขมับ จากสีหน้าของคนทั้งแก๊งที่ไม่รวมสีหน้าของหัวหน้าแก๊งเข้าไปล่ะก็ ดูเหมือนว่าพวกเขาทั้งหลายแทบอยากจะเอาหน้าถลาลงไปซุกลงกับพื้นมันซะตอนนี้เลย
“นี่พวกนาย คาซึจังยกโทษให้ชั้นแล้วน้า” จินป่าวประกาศด้วยความดีอกดีใจ คาเมะก็ส่งสายตาที่ไม่ใช่สายตารักใคร่สุดสวาทมาให้จากใต้ร่าง
“เออ เห็นแล้วล่ะ” อุเอดะพูดพลางถอนหายใจ มือยังคงบีบเคล้นไล่อาการปวดหัวหนึบๆที่เริ่มจะก่อตัวขึ้น
“ชั้นจะเอานี่ไปตากก่อนแล้วกัน” คาเมะพูดแล้วเร้นตัวออกจากใต้ร่างจิน ก่อนจะเดินเข้าไปให้ห้องน้ำเล็กๆของพวกเขา
เมื่อคาเมะกำลังยุ่งอยู่ที่อีกฟากของห้องขัง โคคิรีบทรุดลงนั่งข้างๆเตียงล่าง
“จิน” หนุ่มนักแร๊บเรียกพลางดึงไม้ดึงมือหัวหน้าแก๊ง จินเองก็ดูไม่เต็มใจที่จะผละสายตาออกห่างจากคาเมะเลยสักนิด “ชั้นไม่อยากจะบอกนายเรื่องนี้ต่อหน้าคาเมะจังนักหรอก ยิ่งตอนนี้นายกำลังใช้เรื่องนี้เพื่อหยุดคาเมะไม่ให้จากไปไหน-แต่”
“ชั้นรู้แล้ว” จินพูดขัดขึ้น “ชั้นพอจะเดาได้”
“เราไม่รู้ว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้มีผลต่อคุกนี้หรือคนในคุกมากแค่ไหน ถ้าประตูกรงบานสุดท้ายได้เปิดออกแล้วตอนนั้นเราก็สามารถที่จะไปไหนมาได้อิสระเช่นเคย แต่เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่ายังมีใครบ้างที่อยู่ข้างเรา” โคคิพึมพำบอก “ยิ่งในตอนที่นายอาการแย่แบบนี้ พวกแก๊งอื่นอาจจะเล่นอะไรบางอย่าง”
“ดูเหมือนเรามีงานต้องทำเยอะเลยสิเนี่ย” จินถอนหายใจ
“อีกแค่หนึ่งเดือนเราก็จะถูกปล่อยตัวแล้ว” โคคิพูดเตือนหัวหน้าแก๊ง “ถ้าเราสามารถควบคุมทุกอย่างเอาไว้ได้ดี เราก็อาจจะไม่ต้องทำอะไรเลยก็ได้ ตอนนี้ให้สนแต่เรื่องอาการของนายแล้วกัน”
“คอยสอดส่องดูด้วยล่ะ” หัวหน้าแก๊งพูดแนะโคคิก็พยักหน้ารับ
“ได้”
“แล้วก็อย่าบอกคาเมะ” จินพูดเสริม “เราไม่รู้ว่าคาเมะจะทำตัวยังไงถ้ารู้ เขาอาจจะเริ่มทำอะไรบางอย่างที่เราคาดไม่ถึง แล้วหนีจากเราไปในตอนที่เราไม่ได้เฝ้าดู มันคงจะดีกว่าถ้าคาเมะคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม
“เข้าใจแล้ว” โคคิขยิบตารับทราบ ก่อนจะลุกขึ้นยืนจากเตียงเมื่อเห็นว่าคาเมะเสร็จจากการตากหนังสือ “แล้วก็ ชั้นได้ยินมาจากพวกผู้คุมนะว่าพวกเขาจะเปิดประตูฝั่งในอีกไม่กี่วัน”
“จริงหรือ” จินยิ้มร่าเมื่อคาเมะมานั่งเคียงข้างอยู่เช่นเดิม “ในที่สุดชั้นก็จะได้อาบน้ำจริงๆแล้ว”
“ว่าแต่นี่มันก็ดึกแล้ว เจอกันตอนเช้านะ” โคคิพูดพลางเดินนำยูอิจิออกไปจากห้อง
“ถ้าได้เรื่องอะไรคืบหน้า..พวกชั้นจะบอกนายแล้วกัน” จุนโนะร้องบอก อุเอดะก็ถอนหายใจพร้อมกับดึงแขนเพื่อลากแฟนหนุ่มผู้มีรอยยิ้มสดใสออกจากห้องไป
คนตัวเล็กมองตามสี่หนุ่มไปด้วยความงงงวย
“วันนี้ไม่เห็นพวกเขามากินข้าวเที่ยงและข้าวเย็นกับเราเลย” ร่างบางถาม เริ่มจัดการเก็บกวาดหนังสือและดินสอเพื่อให้เตียงมีที่ว่างสำหรับหลับนอน
“อืม พวกนั้นก็คงอยากให้เราได้อยู่กันตามลำพังมั้ง~” จินตอบขณะเดียวกับที่คาเมะจัดการวางข้าวของทั้งหมดเป็นกองเรียบร้อยบนพื้นใต้หิ้ง คนตัวเล็กหันกลับมาหาจินที่กำลังนอนแผ่อยู่บนเตียง ร่างสูงเฝ้ามองดูเขาด้วยสายตาแบบนั้นอีกแล้ว จินไม่เคยจะยอมแพ้เลยจริงๆ
คาเมะปรับเปลี่ยนท่าทีอย่างอึดอัด “งั้นก็ เอ่อ...ทำไมนายถึงอยากให้ชั้นแต่งชุดนี้ล่ะฮึ” คาเมะถามขึ้น อยากจะเปลี่ยนหัวข้อที่มันจะเริ่มจะเขยิบเข้าไปใกล้เรื่องนั้นทุกที แต่ว่า...จริงๆแล้วตัวเขาเองก็อยากรู้เรื่องที่กำลังถามนี้อยู่เหมือนกัน เป็นจังหวะดีที่จะถามออกไปเสียเลย “ชั้นไม่ใช่ผู้หญิง แล้วถึงจะให้ชั้นใส่ชุดผู้หญิงอีกเป็นร้อยๆชุด ชั้นก็ไม่คิดที่จะแปลงเพศด้วย...”
“ชั้นไม่อยากให้นายเป็นผู้หญิงสักหน่อย” จินหัวเราะคิกคักมาจากเตียงล่าง ก่อนที่จะลุกขึ้นยืน
“แล้วทำไมต้องให้ชั้นใส่ชุดผู้หญิงด้วยล่ะ” คาเมะถาม ในตอนนี้เขาเริ่มจะไม่เข้าใจหลักเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังความคิดนี้ของจินแล้วล่ะ
“ชั้นว่า ชั้นคงจะชอบอะไรเหมือนๆกับตุ๊ตี้มั้ง” ร่างสูงยักไหล่ “ชั้นก็แค่อยากจะดูว่านายใส่แล้วจะเป็นยังไง เพราะนายน่ะสวยเกินกว่าพวกชุดที่เขาโยนใส่แขนเรามาตั้งแต่วินาทีแรกที่เราถูกต้องโทษ” จินพูดพลางลุกขึ้นยืน ค่อยๆเดินกระเผลกไปหาคาเมะที่ยืนอยู่ไม่ไกล “อีกอย่างนะ...ชุดกระโปรงก็มีข้อดีนะ....”
“แบบไหนล่ะ” คาเมะกลัวเล็กน้อยที่จะถามออกมา ร่างสูงเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าทำให้คาเมะต้องเอนตัวกลับไปแนบกับหิ้งใส่ของ
“แบบนี้ไง” จินตอบพร้อมกับใช้มือลูบจากช่วงเข่าไล้ขึ้นไปถึงสะโพกผายใต้ร่มผ้า
คาเมะส่งเสียงอืมอ๊าในลำคอ ต่อเมื่อมีอะไรบางอย่างทำให้คนตัวเล็กฉุกคิดได้ มือหรือ? มีมือสองมือกำลังเล้าโลมเขาอยู่
“ผ้าพันแผลที่พันมือขวานายหายไปไหน” ร่างบางถามตะกุกตะกัก จินก็เลื่อนมือออกมาจากตำแหน่งที่วาง แล้วยื่นมือข้างนั้นให้คาเมะดู มือข้างที่น่าจะมีผ้าพันเอาไว้ตอนนี้กลับว่างเปล่าไม่มีอะไรเลย
“ชั้นเอามันออกเอง ตอนนี้มือชั้นดีขึ้นมากแล้วล่ะ” จินตอบ
“ห๊ะ งั้นก็เยี่ยมไปเลย-“ คาเมะเริ่มด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจ แต่แล้วก็หยุดปุ๊ปปั๊ป “เดี๋ยวนะ มือนายหายดีตั้งแต่ตอนไหน”
“ก็หลายวันแล้ว...น่าจะอาทิตย์หนึ่งได้” จินสารภาพออกมา
“อคานิชิ จิน!” คาเมะเปล่งเสียงเรียก “นี่นายแกล้งทำมาตลอดหรือ? ชั้นป้อนข้าวนายทุกวัน แทบจะเรียกได้ว่าเป็นมือขวาของนายเลยก็ว่าได้ แต่นายกลับไม่ยอมบอกชั้นว่ามือนายหายดีแล้ว!?”
“แถมชั้นยังได้ความสงสารจากนายนิดๆด้วย”
คาเมะดูเหมือนใกล้ที่จะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ ซึ่งก็ดูจะผิดวิสัยไปหน่อย เพราะปกติแล้วจินมักจะเป็นคนทำท่าทีแบบนี้มากกว่า “ชั้นจะไปเตียง”
“ห๊ะ-?” จินถามพลางถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “ไม่อีกแล้วนะ ชั้นบอกนายแล้วไงว่าชั้นนอนผ่านไอ้ช่วงร้ายๆนั้นมาแล้ว”
“จะนอนแล้ว!” คาเมะเสริมเข้าไป ทำเฉยกับคำอธิบายของอีกฝ่าย แล้วนั่นก็เป็นครั้งสุดท้ายในคืนนี้ที่จินได้เห็นชุดกระโปรงสั้นจุ๊ดจู๋นั่น...คาเมะคงไม่กล้าบอกปัดแน่... ถ้าร่างบางยังคิดว่าตัวเองเป็นเด็กของเล่นของเขาอยู่ ..งั้นนี่ก็หมายความว่าคาเมะไม่ใช่แค่เด็กของเล่นธรรมดาๆสำหรับเขาน่ะเอง ...แบบนี้ก็ถือได้ว่าก้าวหน้าได้แล้วสินะเนี่ย
Continue chapter 37
♥ กลับมาต่อแล้วนะค้าาาา
ห่างหายไปนาน แต่ตอนนี้ก็กลับมาปั่นๆเหมือนเดิมแล้วจ้า ขอบคุณคนอ่านที่ยังแวะเวียนมาถามไถ่อยู่นะคร้าา
กำลังปั่นตอนต่อไปอยู่ ยังไงก็ฝากด้วยนะค้า