In his care 37 part 4

Feb 28, 2010 23:53


จินไม่เคยได้รู้หรือจำได้เลยว่าถ้ารูกิโกรธโมโหขึ้นมาแล้วจะเป็นเหมือนแมวบ้าได้ขนาดนี้ ร่างสูงไม่มีโอกาสได้หลบหมัดที่ปล่อยออกมาใส่หน้าเขา เพราะคนตัวเล็กยืนอยู่ข้างตัว ถ้าหลบทัน...หมัดนั้นก็อาจจะไปโดนคาเมะได้

ดวงตาของร่างบางเบิกกว้างเมื่อเห็นจินเสียการทรงตัวแล้วเซไปด้านข้าง สองหนุ่มอีกคนก็รีบเข้ามาคว้าแขนจินคนละข้างเพื่อให้หัวแก๊ง AT-TUN ได้รับหมัดที่ปล่อยมาอีก จากนั้นอีกหมัดก็ปล่อยไปที่ท้องน้อยทำให้เพื่อนร่วมห้องตัวคดตัวงอ

“อย่านะ ไม่ เขาเจ็บอยู่!” ร่างบางสนองตอบโดยทันไวเมื่อเห็นฉากตรงหน้า แต่ชายเหล่านั้นก็ยังจัดการจินจนล้มลงไปหมอบนอนตัวงอกับพื้น น้ำตาใสๆเริ่มก่อตัวรอบเรียวตายาวรีของคาเมะ “หยุดนะ พวกนายจะทำให้แผลเขาเปิดได้!”

“อ่ะ เพื่อนร่วมห้อง~” ชายคนที่ใช้ผ้าคลุมจมูกเอ่ยขึ้น พวกแก๊งเหมือนจะลืมไปว่าคาเมะยังอยู่ตรงนี้ ต่อเมื่อนึกได้ตอนนี้พวกเขาก็เร่งเดินเข้ามาหาคนตัวเล็ก

คาเมะไม่แน่ใจว่าจะต้องทำอย่างไร เขาไม่สามารถวิ่งหนีแล้วทิ้งจินไว้แบบนี้ได้ คนตัวเล็กจำต้องยืนเฉยปล่อยให้ชายอีกคนใช้นิ้วไล้เล่นที่คางมน “ดูเหมือนว่าอคานิชิจะเปลี่ยนไปน้า ถ้าเป็นตอนโน้นแล้วล่ะก็หมอนี่คงไม่เอาเด็กกลับมาที่ห้องเป็นครั้งที่สองหรอก ชั้นก็ได้แต่หวังว่าเด็กคนนี้จะมีค่ามากพอ ... สมกับที่นายยอมเสียอะไรๆไปหลายอย่างเพื่อเด็กนี่”

จินไม่สามารถตอบโต้ตอบอะไรได้เพราะคนในแก๊งตรงข้ามกำลังพากันรุมซ้อมเขาอยู่ที่พื้นห้อง

“หยุดนะ ได้โปรดเถอะ!” ร่างบางอ้อนขอชายคนที่ยืนข้างตัว “พวกนายต้องการอะไร”

“คุกนี้ไงล่ะ” หัวหน้าแก๊งอีกฝ่ายตอบพลางสวมกอดร่างบางจากทางด้านข้าง

“อยากได้ก็เอาไป” จินพูดมาจากพื้นห้อง “ขอแค่ปล่อยเขาไป”

ชายคนนั้นโน้มศีรษะเข้าคลอเคลียซอกคอระหงของร่างบาง มือก็หยอกเย้าตรงรังกระดุมเสื้อเชิ้ต “อืมม.... ไม่ได้หรอก ก็ไหนพูดว่า ‘ผู้คุมคุกก็ต้องมีเด็กของเล่นไม่ใช่หรือ’”

ร่างบางผงะพวก Gazette หรือ GazettE มาแอบได้ยินพวกเขาคุยกันนานขนาดไหนแล้ว

“เรตะ นายพูดถูกนะ เด็กของเล่นคนแรกของนายน่ะเป็นเพื่อนร่วมแก๊งเรา งั้นมันก็คงเหมาะดีถ้าเด็กของเล่นคนแรกของเราจะเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย” ไคพูดพลางเดินเข้าไปหาจิน

ร่างบางตัวแข็งอยู่กับที่เมื่อได้ยิน เด็กของเล่นคนแรกของจิน คนเริ่มแรก เขาก็เป็นเหมือนพวกชายทั้งห้านี่ด้วยหรือ ถ้างั้นหัวหน้าแก๊งคนที่ชื่อไคจาก Gazetto ก็เป็นเด็กคนที่สองใช่มั้ย

“นายอยากจะเป็นคนเปิดงานไหมไคหรือจะให้อุรุฮะ อาโอยหรือชั้นดี” เรตะที่ยืนอยู่ข้างร่างบางถามหนุ่มผมแดงผู้ซึ่งดูไม่ชื่นชอบกับคำพูดนั้นเท่าไหร่

ชายคนที่เรตะเรียกว่าอุรุฮะสวมใส่ชุดที่แปลกประหลาดที่สุดในแก๊ง แม้จะอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้คาเมะก็ยังอดสังเกตไม่ได้ว่ากางเกงของอุรุฮะเหมือนกับถูกโยนใส่ลงเข้าไปในถังสีม่วงแล้วถูกกระทืบย่ำใส่ ชุดๆนี้ถูกตัดให้พอดีกับช่วงขาอ่อน กางเกงแต่ละข้างประดับด้วยแถบสีม่วงที่เชื่อมกางเกงครึ่งส่วนตัวนี้กับส่วนอื่น

“ไม่เป็นไร นายเอาเถอะ” ไคพูดพลางส่งยิ้มให้เพื่อนร่วมแก๊ง

“หมายความว่าไงว่ะ ให้อุรุฮะ อาโอยไม่ก็นาย แล้วชั้นล่ะ” รูกิบ่นงึมงำ ได้แต่ส่งสายตาเชิงกล่าวหาไปให้เรตะ แต่อีกฝ่ายก็ทำเมินก่อนจะขยิบตาบอกให้อุรุฮะและอาโอยจับคาเมะนอนแผ่แนบพื้น

หลังจากที่ถูกสองหนุ่มผมยาวจับตัวไว้แล้วกดตัวร่างบางนอนลงกับพื้น คาเมะก็เพิ่งจะสังเกตเห็นว่าตรงทางเดินนั้นกลับว่างเปล่า ไม่มีใครมาช่วยเขาและจิน ร่างบางก็ได้แต่หวังว่าอย่างน้อยใครสักคนจะวิ่งไปบอกพวก TTUN

“หลังจากที่ได้ขยี้ไอ้อคานิชิ ทำให้มันขายหน้า แล้วขยี้คนรักตัวเล็กของมันจนป่นปี้แล้วพวกนักโทษคนอื่นๆจะได้รู้สักทีว่าใครเป็นใหญ่ แต่จะว่าไปพวกนั้นก็คงจะพอรู้กันบ้างแล้วล่ะ” เรตะพูดในขณะที่อุรุฮะะและอาโอยกดตัวร่างบางไว้

“ไม่นะ ปล่อยเขาไป คาเมะไม่เกี่ยวสักหน่อย!” จินตะโกนก้อง พยายามต่อสู้ดิ้นรนเสียจนคนตัวเล็กกลัวจินจะเจ็บ รูกิใช้มือจับผมร่างสูงเพื่อยกใบหน้าจินให้มองฉากที่อยู่ตรงหน้าขณะเดียวกับที่เขาและไคยังกดให้หัวหน้าแก๊ง AT-TUN ทรุดลงกับพื้น

“จริงๆแล้วหมอนี่ก็เกี่ยวนะ ต้องขอบใจนายเลยล่ะ” เรตะตอบ

“ชั้นเบื่อหน่ายกับไอ้การที่มาเข้ามาทำร้ายเด็กของเล่นเพื่อให้เจ้านายเจ็บจริงๆ!” จินพึมพำตอบส่งมาจากพื้น ชายหนุ่มที่อยู่รอบข้างก็พากันหัวเราะคิกคัก

“เด็กของเล่นหรือ ก็ไหนใครเพิ่งจะป่าวประกาศออกมาเองว่าจะไม่มีเด็กของเล่นแล้ว” อุรุฮะพูด “แต่ก็ดูเป็นการพยายามเอาตัวรอดที่ดีนะ”

“ถ้านายอยากจะทำร้ายชั้นก็เข้ามาทำชั้นโดยตรงเลยสิ” จินเริ่ม

“นายรู้ไหมว่ามันสนุกที่สุดก็ตอนที่นายโดดตามเข้าไปช่วยเด็กของนายนี่แหล่ะ” เรตะพูดก่อนจะหมอบตัวไปหาคาเมะ “อย่างกับว่าหลังๆนี้เราจะไม่เสื่อมความนับถือในตัวนายมากขึ้นงั้นแหล่ะ แต่ที่เราคิดว่ามันเสื่อมจริงๆก็ตรงที่คนที่เป็นเจ้านายจะสูญเสียการตัดสินเพราะอะไรบางอย่างที่ดูดี” ชายหนุ่มกล่าวพลางใช้นิ้วไล้เล่นตรงผมเส้นอ่อนของคนตัวเล็ก “ถึงดูๆแล้วจะพอเข้าใจเหตุผลได้อยู่บ้าง แต่นี่ถึงกับเล่นเสี่ยงชีวิตตัวเองเพื่อช่วยเศษฝุ่นแบบนี้มันมากเกินไปว่ะ”

“หยุดนะ” จินแทบจะอ้อนวอนเมื่อสบตากับคาเมะแล้วรู้ว่าอีกฝ่ายกลัวขนาดไหน บ้าจริงที่คาเมะไม่ยอมทำตามที่เขาบอกไป ถึงคนตัวเล็กอยู่กับเขาตรงนี้ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นสักหน่อย ยังไงพวกนั้นก็เตะต่อยเขาอยู่ดี

“นายคิดว่านายมีสิทธิ์จะบอกให้พวกชั้นทำอะไรก็ได้หรือ นายเล่นเพื่อนร่วมแก๊งคนเก่าของเราอยู่ตั้งเกือบเดือน แล้วตอนนั้นยังเสือกไปเล่นกับหัวหน้าเราอีก” เรตะพูดพลางใช้มือขยุ้มผมหนาอย่างแรง

“แล้วก็ต้องขอยอมรับอีกอย่างล่ะว่าเราสงสัยจริ๊งจริงว่าทำไมนายถึงชอบคาเมะจังมากซะขนาดนี้” ไคหัวเราะหึๆ

“ถ้างั้นก็มาขย้ำชั้นสักสองครั้งเลยไม่ดีกว่าเหรอ” จินตอบ “ชั้นเป็นคนแตะต้องตัวเพื่อนพวกนาย ตอนนั้นคาเมะก็ไม่ได้อยู่ในคุกสักหน่อย”

จินนึกเกลียดวิธีการที่เรตะใช้มือลูบไล้ไปทั่วปอยผมสีน้ำตาลอ่อนของคาเมะเสียจริงๆ

“ทำไอ้พวกร่านอย่างนายนี่นะ ทำแบบนั้นในโลกของนายมันจะต่างกันตรงไหนล่ะ ยกเว้นก็แต่ความจริงข้อที่ว่านายก็คงไม่สนุกมากหรอกถ้าไม่ได้เป็นฝ่ายรุก เพราะนายคงไม่อยากนอกใจคาเมะจัง” เรตะพูดพลางลุกขึ้นยืน สองมือละจากคาเมะจังเพื่อชี้ไปที่จิน “แต่ถ้าทำกับสิ่งที่นายแคร์มากๆ แบบนั้นแล้วมันจะต่างมากๆนี่ เพราะถ้านายถูกพวกชั้นเล่นประตูหลังในทางเดินตรงนี้นายก็คงรับมันได้อยู่ดี แต่ถ้าเรื่องนั้นมันเกิดกับเด็กนาย นายคงรับไม่ได้แน่”

“อย่าแตะต้องเขานะ!” จินคำราม ร่างสูงออกแรงดิ้นมากเสียจนไคและรูกิแทบจะยึดตัวหัวหน้าแก๊ง AT-TUN ไว้ไม่อยู่ พูดไปแล้วการจะคุมจินให้อยู่ได้ก็แทบต้องใช้พวก TTUN ทั้งหมดรวมพลังด้วยเช่นกัน

“ไปจับหมอนั่นซะ ชั้นจัดการตรงนี้ได้ อคานิชิแย่แบบนี้แล้วเด็กนี่ไม่กล้าวิ่งหนีไปไหนหรอก” เรตะพูดออกความเห็น อาโอยและอุรุฮะจึงปล่อยตัวคาเมะแล้วดิ่งไปช่วยกันจับจินเอาไว้

เมื่อชายหนุ่มจาก GazettE ขึ้นคร่อมบนร่าง คาเมะก็เบี่ยงสายตาที่ประสานกับจินเพื่อที่อีกฝ่ายจะได้ไม่ต้องเห็นสีหน้าของเขาในตอนนี้

แค่อยู่นิ่งๆก็พอ คาเมะสั่งตัวเอง ร่างบางรู้ดีว่าต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น เขาเกลียดที่จะทำแบบนี้ แต่ถ้าเขาทำตัวขัดขืนพยายามดิ้นรนเพราะไม่ยอมให้ใครได้ตัวไปนอกจากจิน แบบนั้นแล้วจินก็จะพยายามมาช่วยเขาแล้วต้องเจ็บตัวไป

ดูเหมือนมันก็คงไม่แย่จนเกินไป ดูเหมือนจะไม่เจ็บเลยสักนิด ไม่ว่าชายคนนี้หรือคนไหนในแก๊งจะทำอะไรกับเขา เขาจะต้องไม่เผลอแสดงความอ่อนแอออกมาทางสีหน้า เพียงแค่ไม่ทำให้จินต้องเขยื้อนตัวใช้กำลังเป็นพอ

“นี่ดูสิ เด็กนายดูเต็มใจนี่หว่า” เรตะพูดเมื่อเห็นคาเมะไม่ดิ้นรนหนีไปไหนแม้ยามที่เขาใช้มือหนาลูบไล้บนผมนุ่มนั้นอีก ก่อนที่จะไล้เรื่อยไปจนถึงช่วงคอระหงจรดเนินอกบาง

“ห้ามแตะต้องเขานะ!” จินคำรามส่งมาจากพื้นห้อง “คาเมะเตะไปที่หว่างขาหมอนั่นแล้วลุกหนีไป! หมัดข้างขวาของนายมันแรงมากกว่าที่นายคิดซะอีกนะ ใช้หมัดข้างขวานายต่อยมันไปเลย แล้ววิ่งไปที่ห้องเรา ล็อคประตูตามหลังด้วย!”

“อย่ามาทำเป็นออกคำสั่งดิว่ะ” เรตะพูด “เขาไม่ใช่ของนายอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เขามีอิสระที่จะคิดอะไรได้ด้วยตัวเองแล้ว”

“ชั้นสาบานเลยว่าถ้านายทำเขาเจ็บ นายต้องได้ชดใช้มันแน่!” ร่างสูงพูดขู่ ถึงการทำเช่นนั้นจะไม่ทำคนกลุ่มนั้นเกรงกลัวเลยก็ตาม

“ชั้นไม่เห็นต้องใช่แรงกดเขาลงไปนอนเลย” เรตะหัวเราะคิกคัก แต่แน่นอนว่าอีกสี่หนุ่มที่เหลือก็ยังต้องใช้แรงกดจินไว้อยู่ดี มือข้างที่ก่อนหน้านี้เพิ่งจะเลื่อนลงไปต่ำตอนนี้กลับยกขึ้นไปช้อนคางร่างบาง ทำให้คาเมะต้องยอมหันมาสบตา “ถ้าไม่อยากมองก็ปิดตาไว้นะที่รัก”

คาเมะได้แต่หวังว่าเขาจะสามารถอ้อนวอนร้องขอให้เรตะหยุด พวกคนในแก๊งนี้จริงๆก็ดูไม่เลวร้ายอะไร พวกเขาก็เพียงแต่มีเรื่องอ่อนไหวที่จำต้องสะสางกับจิน แต่ร่างบางก็รู้ดีว่าถึงพูดไปตอนนี้ก็คงไม่เกิดประโยชน์ ต่อเมื่อชายคนนั้นลงมือแกะกระดุมกางเกงของเขา คาเมะก็หลับตาลงแน่น

อย่างน้อย...ร่างบางก็ได้แต่หวังว่าจะไม่มีใครหนึ่งในนี้จูบเขา...

“คิดไว้แล้วว่าต้องเกิดเรื่อง” เสียงของโคคิดังก้องมาตามทางเดินทำให้ร่างบางต้องเบิกตากว้าง ตาเรียวมองจ้องไปยังร่างของคนทั้งที่สี่ที่ยืนไม่ห่างจากพวกเขานัก

“พวกนายไปอยู่ไหนมา ชั้นบอกไม่ใช่หรือว่าให้คอยสอดส่ายสายตาดูหน่อยน่ะ” จินขู่คำรามขึ้นมาจากพื้นห้อง

“ก็ทำไง เราก็เลยมาอยู่ที่นี่ตอนนี้นี่หว่า” ยูอิจิตอบ

“มาฉิวเฉียดเหมือนเคย” จินพึมพำ

“ก็นะ อย่างน้อยเราก็ไม่เคยมาสายเป็นชั่วโมงกว่าๆเหมือนนาย” โคคิตอกกลับ จุนโนะเห็นท่าไม่ดีจึงคิดหยุดการต่อคำนี่เสียก่อนที่จะเตลิดไปไกล

“นี่พวกนาย เรามาสู้กับศัตรูก่อนแล้วค่อยมาสู้กันเองก็ได้” จุนโนะผู้ซึ่งปกติจะมีรอยยิ้มสดใส แต่ตอนนี้กลับไร้ซึ่งรอยยิ้มเป็นฝ่ายพูดขึ้น

“รู้มั้ยว่าที่พวกนายเสนอหน้าคุมคุกนี้ได้ก็เพราะพวกรุ่นพี่ของพวกนายหรอก พวกเขาเป็นคนที่เปลี่ยนคุกนี้ พวกเขาเป็นคนกลุ่มแรกที่ตั้งกฏเกณฑ์ต่างๆ แล้วเป็นคนที่ทำให้แก๊งอื่นๆหวาดกลัว” อุรุฮะเอ่ยขึ้น สมาชิกคนอื่นๆในแก๊งของเขาต่างก็ค่อยๆปล่อยจินกับคาเมะให้เป็นอิสระ เพราะเตรียมพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับ AT-TUN ทั้งแก๊ง “ไอ้คนที่สู้เก่งที่สุดในกลุ่มพวกนายก็เดี้ยงไปแล้วนี่ มันก็น่าสนุกดีนะที่จะดูว่าพวกนายจะอึดกันได้ขนาดไหน”

“เราไม่สนหรอกว่าต้องต่อยพวกนายทั้งหมดเพื่อที่จะได้คุมคุกนี้” เรตะพูดเสริม

“ก็เหมาะดีแล้ว แต่คนที่จะโดนต่อยจนเยินคือพวกนายต่างหาก” โคคิพูดพลางเริ่มเดินเข้าไปหา แต่อุเอดะก็รีบยกมือขึ้นขวาง

“อย่าเพิ่งรีบเข้าไป” เด็กหนุ่มผมสีดำแสนสวยเอ่ยขึ้น “พวกนี้อันตราย”

โคคิส่งสายตาอย่างไม่พอใจให้เพื่อนร่วมแก๊ง เพราะหนุ่มนักแร๊ปแทบอยากจะดิ่งเข้าไปเริ่มปล่อยหมัด..เป็นวิธีการที่แม้โคคิก็อดยอมรับอย่างเสียไม่ได้ว่าเป็นลักษณะเฉพาะของจินไม่ใช่เขาเลยสักนิด

“อย่าเอาแต่ยืนคุยกันตรงนั้นดิว่ะ” เรตะเป็นคนแรกที่เข้าไปตะลุมบอน แล้วเมื่อลูกน้องในแก๊งเห็นว่าหัวหน้าพวกเขาที่ดูเหมือนจะเก่งสมเป็นหัวหน้าเป็นฝ่ายเริ่ม พวกลูกน้องก็ไม่มีทางเลือกอื่นใดจำต้องเข้าไปสมทบ

เมื่อความสนใจทั้งหมดถูกดึงไปทางอื่น คาเมะก็รีบคลานไปหาจินที่กำลังพยายามจะหยัดตัวขึ้น ร่างสูงเองก็ดูแปลกใจที่เห็นคาเมะเข้ามาหาไม่ใช่เพราะจะมาช่วยเขาให้ลุกขึ้น แต่เป็นทางตรงข้ามต่างหาก

“ปล่อยชั้น!” จินสั่งเมื่อเห็นคาเมะพยายามเหนี่ยวตัวเขาไม่ให้ลุกจากพื้น “ปล่อย คาซึจัง พวกนั้นกำลังต้องการชั้น! ฝ่ายนั้นแข็งแกร่งเกินไป! ปล่อยชั้น!”

“ไม่ปล่อย! อย่าขยับตัวเลยนะ!” คนตัวเล็กตะโกนบอก พยายามอย่างหนักหน่วงที่จะเหนี่ยวอีกฝ่ายไว้ จินแข็งแรงมากแม้จะอยู่ในสภาพแบบนี้ อุบัติเหตุครั้งนั้นก็เพิ่งผ่านมาไม่นาน แต่จินก็ดูแข็งแรงกว่าเขามากจริงๆ คาเมะจำต้องใช้แรงทั้งหมดที่มีพยายามเหนี่ยวตัวจินไว้ “หยุดนะ ได้โปรดเถอะ นายจะเจ็บตัวได้”

“เพื่อนในแก๊งชั้นกำลังเจ็บ!” ร่างสูงค้าน แต่คาเมะก็ไม่ยอมฟัง ถ้าร่างกายจินไม่ได้เจ็บไปมากกว่าที่เป็นอยู่แล้วก็ถือว่าพวกเขาโชคดีได้เลยล่ะ

ร่างบางไม่กล้ายกหน้าขึ้นมองข้ามไหล่จินเพื่อมองออกไปให้เห็นกับตาว่าจินได้พูดถูกในเรื่องที่ว่า TTUN กำลังบาดเจ็บ

“”โอ๊ะ พวกเราห่างไปแค่ไม่กี่นาที AT-TUN และคาเมะจังก็โดนรุมแล้วเหรอเนี่ย” อีกเสียงหนึ่งดังทะลุกลางวงตะลุมบอนเหมือนช่วยดึงทุกสายตาให้หันไปมองที่ทางเดินอีกครั้ง

“ยามะพีชั้นรักนายว่ะ...” จินพึมพำมาจากใต้แรงยึดของคาเมะ

“พวกนายมีปัญหากับเด็กจอห์นนี่หรือไงว่ะ” เรียวร้องถามพลางเดินเข้ามายืนคู่กับยามะพี เพราะเขาเองก็ไม่อยากถูกปล่อยให้อยู่ใต้เงาหัวหน้าแก๊งนิวส์เสียเท่าไหร่

“นิวส์ คันจานิ 8 เหรอ พวกแก๊งจอห์นนี่ยังอยู่ข้างเดียวกันหรือ” อาโอยถามก่อนจะดึงตัวเองออกจากจุนโนะ “นายยังป็นพรรคพวกของอคานิชิหรือ”

“เราไม่เคยเป็นพวกหมอนี่....จริงๆแล้วเราไม่ถือข้างหมอนี่ด้วยซ้ำ มันก็แค่ว่าเราจะไม่เข้ามารุมทำร้ายเขาตอนที่กำลังฟื้นตัวอยู่หรอก ถ้าเราจะทำอะไร เราก็ต้องการให้จินฟื้นกำลังกลับมาเต็มที่มากกว่า” ยามะพีตอบ ค่อนข้างเหมือนเป็นคำดูถูก “แต่ดูเหมือนตอนนี้เราคงต้องมารอให้คนทั้งกลุ่มฟื้นกำลังแล้วสิ ก็ต้องขอบคุณพวกนายมากสิน้า”

“คันจานิ 8 ก็เหมือนกัน” ซุบารุเห็นด้วย แล้วนั่นก็ทำให้ห้าหนุ่มหยุดแล้วนิ่งคิดทวนอีกครั้ง

“ถ้ากลุ่มเด็กจอห์นนี่ยังคงวิ่งเต้นอยู่ด้วยกันแบบนี้หลายคน เราก็คงไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องสู้แล้วล่ะ พูดตามตรงแล้ว เรานึกว่าพวกนายเล่นเป็นเพื่อนรักหวานแหววกันก็เพราะเห็นแก่พวกรุ่นพี่ของพวกนายซะอีก โดยเฉพาะตอนที่ทักกี้และซึบาสะอยู่ในคุกด้วย” เรตะเอ่ย “แต่ถ้าไม่เป็นอย่างที่ว่าไว้....เห็นทีเราก็คงต้องรอหน่อย”

“หายไวๆนะอคานิชิ ถ้านายล้มง่ายแบบนี้มันก็ไม่สนุกน่ะสิ” รูกิพูดจากนั้นทั้งห้าหนุ่มก็พากันเดินผ่านนิวส์และคันจานิกลับเข้าถิ่นของตนไป

“พวกบ้า...” จินสบถยังส่งสายตามองไปยังแก๊งที่เพิ่งผ่านไป “ใครล้มได้ง่ายว่ะ! ชั้นว่าไอ้หมอนั่นมันต้องเป็นฝ่ายรับแน่เลย”

“โอ๊ะ อคานิชิ ดูเหมือนว่าจริงๆแล้วที่เราไปหานายตอนเช้านั้นคงไม่ใช่แค่อยากอวยพรให้นายหายดีแล้วสิเนี่ย” เรียวพูดพลางแสยะยิ้มแผ่เต็มริมฝีปาก ร่างสูงรีบทิ้งความคิดที่เกี่ยวกับรูกิก่อนหน้านี้แล้วหันจุดความสนใจไปยังเพื่อนเป็นลำดับต่อไป “อ่ะ อย่าทำเหมือนอยากจะฆ่าใครสิว่ะ ก็อย่างที่พีว่าแหล่ะ เราจะไม่จู่โจมในตอนที่นายเจ็บหรอกน่า”

“งั้นก็หายไวๆนะ” คุซาโนะพูดเสริม

“แต่ครั้งนี้เราจะไม่เล่นนายผ่านคาเมะจังแน่ อย่าห่วงไปเลย” ยามะพีพูดพลางเปิดยิ้มหวานแหววให้ ก่อนจะเดินเข้าไปขยี้ผมเส้นนุ่มของคาเมะเหมือนที่คนอื่นๆทำ แล้วเดินกลับเข้าไปถิ่นตัวเอง

ร่างบางมองตามหลังพวกเขาผ่านปอยผมยุ่งเหยิงไปอย่างงุนงง

“มันระ เรื่องอะไรกันน่ะ” คนตัวเล็กถาม

“ไม่มีอะไร ก็แค่เรื่องในแก๊ง” จินพึมพำบอกเมื่อเห็นคาเมะมองสำรวจไปยังหัวหน้าแก๊ง

มันไม่ใช่เรื่องของเขา! เขาไม่ควรจะเข้าไปยุ่ง คาเมะรู้ดีว่าถ้าทำแบบนั้นแล้วเรื่องมันจะจบลงยังไง! แต่ร่างบางก็อยากรู้มากจริงๆ.....

“ว่าแต่ทำไมพวกนายมาได้ถูกจังหวะก่อนที่เรื่องมันจะเลวร้ายไปกว่านี้ได้” จินหันไปถามเพื่อนๆในแก๊งของตัวเอง

“หมอนั่นวิ่งไปบอกพวกเรา” โคคิชี้ไปยังหนึ่งในสองหนุ่มที่ยืนอยู่แถวนั้น “นิวส์แล้วก็คันจานิ 8 ก็คงเข้ามาเอี่ยวด้วยเพราะนึกสนุก”

“นายเป็นใคร” ร่างสูงถาม มองดูคนแปลกหน้า ชายคนที่ยืนอยู่ข้างๆก็ดูคุ้นหน้า

“ชั้นชื่อซึคาโมโตะ ทาคาชิ ชั้นติดหนี้แก๊งที่อยู่ในแวดวงของพวกนายไว้ โดยเฉพาะแก๊ง อาราชิ” ซึคาโมโตะพูดพลางก้มโค้งให้ “ขอบคุณที่ช่วยเหลือดูแลโอการิ ชุน จนกว่าชั้นจะมา”

“แล้วใครคือโอการิ ชุน” จินถามต่อ

“จนกว่านายจะมาหรือ” ยูอิจิทวนคำ

ซึคาโมโตะยืดตัวตรงขึ้น “ชั้นพยายามจะช่วยชุนให้ออกจากนี้ทั้งแบบถูกกฏหมายและผิดกฏหมาย แต่มันก็ไม่ง่ายเลย ชั้นก็เลยตัดสินใจทำผิดเพื่อจะได้ถูกจับมาที่นี่”

“นายหมายความว่านายจงใจทำผิดให้ถูกจับได้เพื่อจะได้เข้าคุกพร้อมกับแฟนนี่นะ” จุนโนะถาม

“ใช่แล้ว” ซึคาโมโตะตอบ “ชั้นก่อคดีที่จะทำให้ชั้นได้ออกจากคุกในช่วงเวลาเดียวกับแฟน แล้วมันก็ได้ผลด้วยสิ หลังจากที่ถูกจับมาแล้ว อาราชิก็ช่วยให้ชั้นถูกขังในฝั่งตะวันตก ห้องเดียวกับแฟน”

“โอการิ ชุนเป็นเพื่อนร่วมห้องกับไอบะอยู่พักหนึ่ง หมอนั่นเป็นเพื่อนจากโรงเรียนเก่าของมัสสุโมโตะ” อุเอดะอธิบายให้จินฟัง “ตอนที่พวกเรากำลังสู้กับพวกรุ่นพี่อยู่ ไอบะก็เปลี่ยนเพื่อนร่วมห้อง มัสสุดะ โชตะ แล้วก็อาเบะ ซึโยชิมาเป็นเพื่อนร่วมห้องกับกับไอบะหลังจากที่โอการิ ชุนย้ายไปอยู่กับซึคาโมโตะแล้ว”

“งั้นหรือ” จินพึมพำ “พวกนายสองคนทำตัวเป็นการ์ดได้ดีว่าที่พวกอาราชิเคยเป็นเสียอีก พวกนายคงพอมีประโยชน์บ้างนะ”

“ถ้าเราสามารถช่วยอะไรได้ ขอให้บอกมาได้เลย ตั้งแต่อาราชิจากไปแล้ว มัสสุดะ อาเบะก็มาอยู่กับเราที่ฝั่งตะวันตกด้วย พวกเขาก็ยินดีจะช่วยนายด้วย เพราะพวกเราทุกคนต่างก็แคร์โอการิมาก” ซึคาโมโตะพูดพลางเอื้อมไปจับแขนเพื่อนร่วมห้อง จากนั้นสองหนุ่มก็หันหลังแล้วเดินกลับไปทางห้องของตัวเองด้วยกัน

“ว่าแต่อาเบะกับมัสสุอะไรนี่เป็นใครว่ะ” จินถามเมื่อสองหนุ่มจากไปแล้ว

“พวกนั้นก็เป็นเพื่อนจากโรงเรียนเก่าของมัสสุโมโตะและโอการิด้วย” อุเอดะตอบ

“งั้นหรือ” จินพูดงึมงำ พยายามที่จะทรงตัวขึ้นยืน คาเมะก็รีบไปช่วยพยุงร่างกายส่วนบน แต่ก็ต้องนึกแปลกใจเมื่อจินสะบัดแขนร่างบางออกแล้วพยายามยืนขึ้นด้วยตัวเอง

“ชั้นเคยบอกไปแล้วไม่ใช่หรือว่าชั้นสามารถที่จะเดินกลับเองได้” จินพูด คาเมะก็จำต้องถอยกลับ “ชั้นว่าจะเข้าไปคุยกับซึคาโมโตะและโอการิสักหน่อย พวกนายอยู่นี่ แล้วก็อย่าให้เขาคลาดสายตาไปได้ล่ะ”

เขาหรือ นั่นหมายถึงคาเมะหรือเปล่าล่ะ ร่างบางมองตามจินที่เดินกระโผลกระเผลกไป นี่จินโกรธเขาหรือ

“คาเมะจัง นายก็น่าจะกลับเข้าห้องได้แล้ว” จุนโนะบอกด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร คาเมะถอนสายตาจากร่างของจินแล้วพยักหน้ารับ ร่างบางเดินกลับไปทางตรงข้ามกับจินด้วยทีท่าผิดหวังเล็กน้อย

“อ้อคาเมะจัง” เสียงของอุเอดะทำให้คนตัวเล็กหยุดเดิน คาเมะเหลือบมองข้ามไหล่ไปยังคนในแก๊ง นี่พวกเขาก็โกรธคาเมะด้วยหรือ เขาช่างไม่มีประโยชน์อะไรให้แก๊งเลย แต่..เขาก็แค่อยากให้จินปลอดภัยแค่นั้นเอง “ปล่อยให้หมอนั่นได้สงบสติอารมณ์หน่อยแล้วกันนะ”

ร่างบางแปลกใจที่ได้ยินคำๆนั้นออกมาจากปากของอดีตหัวหน้าแก๊ง อุเอดะเปิดยิ้มน้อยๆส่งมาให้

“ชั้นก็ไม่แน่ใจว่าจะปล่อยจินไปแบบนั้นได้ด้วยสิ” ชายผมดำพูดเสริม “แต่จากนี้ให้คอยระวังตัวด้วย ตราบใดที่นายอยู่ข้างจิน พวกแก๊งอื่นๆก็จะพากันเข้ามายุ่ง ทำร้ายนายเพื่อจะเล่นงานจินแล้วก็พวกเราได้”

ร่างบางพยักหน้ารับรู้แล้วจึงเดินต่อ

จินอยู่ห่างจากเขาทั้งวัน คาเมะนึกสงสัยว่าอีกฝ่ายจะยังคงโกรธเขาอยู่หรือเปล่า แต่จากการที่จินเดินย้อนกลับไปทางเดิมนั้นก็เห็นได้ว่าร่างสูงโมโหมาก แต่อุเอดะอาจจะพูดถูกที่ว่าในระหว่างวันนั้นอารมณ์ของจินอาจจะสงบใจลงบ้างแล้ว

ร่างบางต้องนึกถามคำตอบในคำถามนั้นอีกครั้งเมื่อจินกลับมาที่ห้อง ร่างสูงกระแทกประตูห้องขังเสียงดังสนั่นจนร่างบางที่นั่งอยู่บนเตียงล่างแทบจะกระโดดตัวลอยเอาหัวไปโขกกับเตียงบน

“ตรงเวลาเสมอนะอคา-“

“เออ เออ” จินพึมพำตอบรับ สองแขนยกขึ้นโบกทักทายสองผู้คุมโดยที่ไม่หันไปทางนั้นเลยแม้แต่น้อย .........ในตอนนี้เหมือนว่าการยกนิ้วใดนิ้วหนึ่งส่งตอบไปดูจะเข้ากับอารมณ์ร่างสูงได้มากกว่า

“มะ มีอะไรหรือเปล่า” คาเมะทำกล้ายืนแล้วถามออกไป จินหันมามองสบร่างบางเป็นลำดับต่อไป

“มีอะไรมั้ยหรือ” จินทวนคำถาม คาเมะให้รู้สึกอยากจะถอยกลับ แต่ก็ไม่สามารถทำได้เพราะเตียงนอนวางกั้นอยู่ข้างๆนั้นเอง จินโกรธเขาจริงๆด้วย “วันนี้นายทำบ้าอะไรลงไป ชั้นบอกให้นายกลับเข้าห้องไปตั้งหลายครั้งแต่นายก็ไม่ยอมไป แถมนายยังกลับมาหักหลังชั้นในตอนที่สู้กับพวกนั้นอยู่! ถ้านายไม่อยู่ข้างเดียวกันกับชั้น นายก็เป็นศัตรู! มันก็จะเป็นแบบนี้แหล่ะ!”

คาเมะไม่เคยเห็นจินโมโหเขามากแบบนี้มาก่อนเลย แม้แต่ตอนที่ร่างบางไปมีเรื่องชกต่อยกับจิมมี่ แม๊กกี้ในฝั่งใต้เพื่อช่วยเคย์ตะจินก็ยังไม่โกรธได้มากขนาดนี้

“ชั้น ชั้นไม่อยากให้นายเจ็บ” คาเมะพยายามอธิบายตัวเอง

“ชีวิตของชั้นมันต่างจากนาย!” จินแทบจะคำรามเข้าใส่ คาเมะได้แต่เงียบ ...ห้องขังทั้งห้องก็เงียบกริบเมื่อสิ้นเสียงปะทุอารมณ์ของจิน “บางทีนายอาจจะถูกความเงียบและความสงบสุขที่เราพบเจอกันอยู่ในคุกลวงตาเอา แต่สิ่งต่างๆมันไม่ได้ดูง่ายแบบนั้นหรอกนะ นี่คือชีวิตของชั้น การต่อสู้ระหว่างแก๊ง เราเจ็บตัว มันก็เป็นแบบนั้น ถ้านายยอมรับมันไม่ได้ ก็ออกไปเสียในตอนที่นายสามารถจะออกไปได้ซะ”

คาเมะทำได้แต่มองยังร่างสูง นี่จินเพิ่งบอกให้เขาออกไปหรอกหรือ ออกไปจากชีวิตของหัวแก๊งเสีย

ร่างสูงหันหลังกลับ สองมือยกขึ้นลูบหน้าตัวเอง ร่างบางได้ยินอีกฝ่ายถอนหายใจดังหนักหน่วง

“ไปนอนเถอะคาเมะ” หัวหน้าแก๊งเอ่ยขึ้น ดูจะสงบลงไปได้บ้าง “ชั้นไม่อยากจะสู้กับนายด้วย”

คาเมะรับฟังคำสั่ง เขาไม่อยากจะพูดอะไรออกไปอีกเพราะอาจทำให้จินอารมณ์เสียไปกว่าเดิม ร่างบางเร้นตัวหายขึ้นไปบนเตียงบน นึกเดาได้ว่าคืนนี้จินคงไม่อยากนอนกอดเขาเป็นแน่

คาเมะได้ยินเสียงจินถอนหายใจออกมาอีกก็ตอนที่อีกฝ่ายเดินเข้าไปในส่วนของห้องน้ำเล็กๆแล้วเปิดน้ำ ร่างสูงวักน้ำขึ้นลูบหน้าลูบตาก่อนจะปิดก็อกน้ำลง จากนั้นเสียงฝีเท้าก็ค่อยๆใกล้เข้ามาตามด้วยเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดจากเตียงล่าง

คาเมะนอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่บนเตียงบน แผนการที่เขาวางไว้ว่าจะไม่ก่อเรื่องใดๆให้แก่จินอีกดูจะล้มเหลวตั้งแต่วันแรกเสียแล้ว ร่างบางแอบนึกกลัวอยู่เงียบๆว่าช่วงระยะเวลาที่พวกเขาหลืออยู่ด้วยกันนั้นจะออกมาเป็นเช่นไร

ภายในเตียงล่างจินนอนใช้มือก่ายหน้าผาก เขานอนไม่หลับ พวกเขาแทบจะไม่เคยเข้านอนทั้งๆที่ยังทะเลาะกันอยู่เลย เมื่อต้องนอนอยู่คนเดียว เตียงเล็กๆเตียงนี้ก็ดูกว้างใหญ่เสียเหลือเกิน

ร่างสูงเบี่ยงสายตาขึ้นไปมองด้านบน ห้องขังในคืนนี้ดูเงียบเหลือเกิน....เงียบเสียเกินไป

~*~*

เมื่อโคอิจิกำลังเดินลงบันไดทอดไปสู่โรงอาหารนั้นทั่วทั้งบริเวณก็ดูมืดสนิทแล้ว เหล่านักโทษต่างก็ถูกล็อคให้อยู่แต่ในห้องขัง แต่มีนักโทษอยู่คนหนึ่งที่เขาไม่เห็นอยู่ในฝั่งเหนือหรือแม้แต่ที่อื่นๆเลยก็ด้วย

เขาไม่เจอซึโยชิมาตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องวุ่นวายนั่น แต่ร่างบางก็เดาไปว่าถ้าซึโยชิแหกคุกหนีไปกับพวกรุ่นพี่แล้วล่ะก็เขาก็ไม่น่าจะพลาดข่าวเรื่องนี้ไปได้

เสียงลูกกรงประตูที่ทอดเข้ามาในส่วนของเรือนจำเกิดเสียงดังขึ้นแล้วตามด้วยเสียงเปิดประตู เมื่อใช้สายตาเหลือบมองโคอิจิก็ได้พบกับคนที่เขากำลังตามหาอยู่

โคอิจิรีบเดินตัดผ่านโรงอาหารเข้าไปหาสองผู้คุมหนุ่มที่กำลังถอดกุญแจมือให้ซึโยชิ

“ชั้นรับช่วงต่อเอง” ร่างบางบอกสองผู้คุม “ชั้นจะพากลับไปห้องขังเอง”

ผู้คุมรุ่นน้องพยักหน้ารับแล้วปิดประตูกลับเข้าไปในพื้นที่ส่วนของผู้คุมตามเดิม โคอิจินึกสงสัยอยู่ในใจว่าตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่พื้นที่ส่วนของนักโทษเริ่มจะให้ความรู้สึกเหมือนเป็นพื้นที่ของเขาเอง

“นายไปไหนมา” โคอิจิถามเมื่อได้อยู่กันตามลำพัง “มันสายมากแล้วนะ” ร่างบางพูดเสริมเข้าไปเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมตอบคำถามใดๆ นักโทษหนุ่มเดินตรงเข้ามาหาโคอิจิพลางใช้มือนวดคลึงข้อมือที่เพิ่งว่างจากกุญแจมือ “ชั้นหานายอยู่”

“มีคนมาเยี่ยมชั้น” ซึโยชิตอบด้วยรอยยิ้มลึกลับ

“ใคร” โคอิจิจำต้องถาม ตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาเขาไม่เคยเห็นอีกฝ่ายออกจากพื้นที่ในส่วนที่นักโทษอยู่ไปไหนเลย โดโมโตะ ซึโยชึไม่เคยมีใครมาเยี่ยมเลยสักคนเดียว

“หนุ่มน้อยที่ดูน่าดึงดูดแล้วก็หนุ่มน้อยที่ดูไม่ค่อยน่าดึงดูดเท่าไหร่” นั่นคือคำตอบที่ส่งมาให้ ซึโยชิมองสำรวจใบหน้าที่ฉายแววแห่งความงุนงงสับสนด้วยความรื่นรมย์ “หึงล่ะสิ ก็ต้องโทษตัวเองล่ะน้าที่นายไม่มาหาชั้นเลยตั้งหลายอาทิตย์”

นักโทษหนุ่มเริ่มออกเดินตัดผ่านโรงอาหารที่ตอนนี้ดูว่างเปล่าออกไป โคอิจิก็รีบวิ่งตามหลัง

“มันก็ความผิดนายเองน่ะแหล่ะ” ร่างบางค้าน “นายเล่นเกินเลยไป ทำเล่นว่าบาดเจ็บทั้งๆที่มีนักโทษเจ็บหนัก-“

ร่างบางแทบจะพูดไม่จบประโยคเมื่อจู่ๆซึโยชิก็คว้าตัวร่างเขาไว้ อีกฝ่ายแทบจะกระแทกตัวเขาแนบไปกับราวบันไดเลยก็ว่าได้

“นายคิดภาพว่าชั้นเป็นอะไร สุภาพบุรุษงั้นหรือ ซุเปอร์ฮีโร่ที่ไม่เห็นแก่ตัวเลยงั้นสิ ชั้นถูกต้องโทษจำคุกตลอดชีวิต เลิกอยู่ในฝันหวานนั่นได้แล้ว ชั้นไม่ใช่เจ้าชายผู้เจอเรื่องล้มเหลวที่นายจะสามารถช่วยให้พ้นจากการกระทำผิดนั่นได้”

ในตอนแรกโคอิจิทำได้แต่มองสบตากับอีกฝ่ายเท่านั้น “นายทำตัวแปลกๆ”

จริงๆแล้วคำพูดที่ซึโยชิพูดออกมาดูผิดแปลกไปจากปกติ ร่างบางนึกกลัวอยู่นิดๆเมื่อนักโทษหนุ่มคว้าตัวร่างบางเข้ามาใกล้ สองมือของอีกฝ่ายทิ้งตัวลงรอบๆตัวเขาแล้ววางคางแนบกับไหล่บาง นั่นก็ยิ่งทำให้ดูน่ากลัวมากๆ

“นายก็ด้วย” ซึโยชิตอบอยู่ข้างใบหู “ชั้นคิดว่านายไม่ได้ขึ้นกะวันนี้ซะอีก”

“มีเรื่องที่ฝั่งตะวันตก” โคอิจิตอบ “ชั้นเข้ามาตรวจสภาพแล้วก็เลยมาหานายด้วย”

“อืมม นายนี่เป็นผู้คุมที่ทำงานแบบถวายตัวจริงๆ ไม่ว่าจะในหน้าที่หรือนอกหน้าที่ เป็นแบบอย่างที่ดีให้ทุกคนได้เลยนะ” ซึโยชิพูดล้อ “ว่าแต่ ตอนนี้ AT-TUN และเด็กคนเก่าคนใหม่ของอคานิชิเป็นยังไงบ้างล่ะ”

“ดูเหมือนว่าจะมีการชกต่อยกันเกิดขึ้น” โคอิจิตอบ “กับพวกแก๊ง Gazette”

“อ่ะ เริ่มกันแล้วหรือ” ซึโยชิหัวเราะคิกคัก ถึงเสียงหัวเราะจะฟังเหมือนเดิม แต่โคอิจิก็สามารถบอกได้ว่านักโทษหนุ่มไม่ได้รู้สึกอารมณ์ดีแบบที่เคยเป็น “ก็หวังว่าอคานิชิจะได้พักบ้างล่ะน้า เพราะแน่ว่าคงจะไม่ได้พักไปสักพักเลยล่ะ ว่าแต่นายมาหาชั้นทำไม...หรือว่านายมีเหตุผลอะไรหรือเปล่าถึงได้มาหาชั้นน่ะ”

“นายพอจะ...รู้บ้างไหมว่ามีแก๊งไหนบ้างที่กำลังคิดแผนไปเล่นงานอคานิชิ” โคอิจิถาม “ก็นายดูเหมือนจะรู้เรื่องราวในนี้ดีนี่”

เหมือนว่าซึโยชิจะหยุดคิดหนักอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะยักไหล่ทำไม่สน “ไม่รู้ แล้วก็ไม่สนด้วย”

โคอิจินึกแปลกใจกับคำตอบที่ได้ยิ่งนัก

“จริงๆแล้วชั้นก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะเอาชีวิตตัวเองไปยุ่งกับเรื่องชาวบ้านนี่น่า ถ้านายเอาตัวไปเกี่ยวพันกับคนๆนั้นมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งยากที่จะเอาตัวออกห่างไปได้ แล้วคนๆนั้นก็จะกลายเป็นจุดอ่อนของนาย แทนที่จะไปห่วงพวกนักโทษ นายควรจะเริ่มห่วงตัวเองได้แล้ว เพราะวันใดวันหนึ่งเรื่องชาวบ้านอาจจะทำให้นายปวดหมองได้” ซึโยชิตอบออกมา โคอิจิก็เฝ้าสังเกตสีหน้าของอีกฝ่ายอย่างหนักเป็นครั้งที่สอง

“คืนนี้นายทำตัวแปลกไปจริงๆ” ผู้คุมหนุ่มเอ่ยขึ้น ซึโยชิยกมือขึ้นปัดปอยผมนุ่มร่างบางอย่างแผ่วทำให้อีกฝ่ายตัวสั่นนิดๆเพราะเขาไม่ชินกับการกระทำแบบนี้ พวกเขาแนบชิดใกล้กันอยู่อย่างนั้นเหมือนนานแสนนาน

“นายก็แอบซ่อนอะไรอยู่ด้วย” ร่างบางได้ยินซึโยชิพูดงึมงำอยู่ข้างใบหูก่อนที่อีกฝ่ายจะปล่อยตัวเขาไป นี่ซึโยชิสามารถมองทะลุผ่านเข้าไปในตัวเขาได้เลยหรือ นักโทษหนุ่มคนนี้สามารถที่จะมองเขาแล้วรู้ทุกอย่างได้เลยหรือ โคอิจิก็ได้แต่หวังว่ามาสะกับจอห์นนี่จะไม่สามารถอ่านเขาได้แบบนี้ด้วย

“นายจะเป็นจุดจบของชั้น” ซึโยชิพูดเสริมโดยที่ไม่มองกลับมาแล้วจึงออกเดินต่อไปยังขั้นบันได โคอิจิใช้เวลาอยู่พักหนึ่งก่อนจะรู้ตัวแล้ววิ่งตามหลังอีกฝ่ายไป

Continue chapter 38

ขอบคุณทุกคอมเม้นส์มากๆเลยนะค้าา
ดีใจที่ยังมีคนตามอ่าน ทวงให้อยู่เรื่อยๆ อยากปั่นให้เร็วเหมือนกัน แต่ก็มีเรื่องต้องทำเยอะแยะเลย
ตอนนี้ทำเอาใจหายใจคว่ำ แต่ก็อดจะกรี๊ดดกับจินไม่ได้ จินเริ่มจะอ่อนมากๆๆแล้ว
Previous post Next post
Up