[X-MEN :FIRST CLASS FIC] ADORABLE LAB RAT

Jun 04, 2011 00:12

[X-MEN :FIRST CLASS FIC]
ADORABLE LAB RAT
PARING : ERIK & CHARLES , SHAW/RIPTIDE , HANK/ALEX

X-Men : First Class is soooooooo mind blowing and soo slashy then I decided to write something about it.
หนังหนุกมากและวายมาก จนอยากแต่งฟิค 555555555 ไม่แต่งอะไรนานมากแล้ว ขออภัยสำหรับงานเคาะสนิมด้วยนะคะ






ERIK & CHARLES
“ นายเป็นหนูทดลองที่น่ารักนะ” คำกระเซ้าของเอริค ยังติดอยู่ในหัวของชาร์ลส ถึงมันจะเป็นแค่คำพูดเย้าแหย่ที่ ไม่ควรจะไปใส่ใจ แต่ไม่รู้ทำไมมันดูมีบางสิ่งที่ซ่อนลึกอยู่ในนั้น หลังจากได้ทดลองใช้ซีเรโบร ชาร์ลสยอมรับว่าสมองของเขาเปิดรับข้อมูลกว่าแต่ก่อนมาก พลังเขาได้รับการขยายขอบเขตออกไปอย่างเห็นได้ชัด ชาร์ลสยอมรับว่ามันทำให้เขาประทับใจในทันที เขาพอใจกับอำนาจที่ได้รับจากเครื่องมือชิ้นนี้มาก จนแทบจะทนไม่ไหวที่จะได้ใช้มันอีก หากเรื่องราวทั้งหมดนี้ผ่านพ้นไป

ชาร์ลส นั่งเอนหลังกับเก้าอี้นวม พยายามจะเลิกคิดถึงมัน เพราะภารกิจของเขาในตอนนี้ไม่ใช่รวบรวมมนุษย์กลายพันธุ์แต่จำต้องฝึกเจ้าพวกเด็กๆ ตัวป่วน ที่ป่านนี้นอนหลับอุตุกันอยู่ในห้องอย่างไม่รู้สึกรู้สา คฤหาสน์เซเวียร์ไม่เคยอึกทึกขนาดนี้มาก่อนจนมีพวกคนเหล่านี้เข้ามาพักอยู่ในบ้าน

“ ฉันรู้ดีเพราะฉันเคยเป็นหนูทดลองมาก่อน” ตอนที่เอริคพูดต่อหน้าคนอื่น เขาทำเหมือนกับว่าเขาเคยแค่เป็นผู้ช่วยในการทดลองโครงงานวิทยาศาสตร์เด็กเล่น แต่ชาร์ลสรู้ดีว่า อดีตของเอริคนั้นเป็นโศกนาฏกรรมที่สร้างแผลลึกที่ไม่มีวันหายแค่ไหน คำพูดของเอริคยังคงติดอยู่ในใจของเขานับตั้งแต่วันนั้น

“ นายยังคิดถึงคำพูดของฉันอยู่อีกเหรอ” เสียงของเอริคทำให้ชาร์ลสหลุดออกจากภวังค์ บางทีชาร์ลสก็คิดว่าไม่ใช่เขาฝ่ายเดียวที่อ่านใจคนอื่นออก เพราะหลายครั้งเอริคก็รู้ใจเขาได้อย่างที่ไม่มีใครเหมือน เอริคไม่ใช่เป็นฝ่ายหลบอย่างเช่นคนอื่นที่มักจะเลี่ยงการเผชิญหน้ากับเขาตรงๆ เพราะเกรงว่าจะโดนอ่านความคิด เอริคมั่นใจในสิ่งที่พูดและคิดตลอดเวลา หรืออีกนัยหนึ่งเอริคไม่เคยกลัวเลยที่จะถูกชาร์ลสอ่านใจออก ตาสีฟ้าเทาของเอริคมักจะจ้องตรงสบตากับเขาเสมอและครั้งนี้ก็เช่นกันจนชาร์ลส ต้องเป็นฝ่ายหลบตาเสียเอง

“ ใช่ ” ชาร์ลส ยอมรับโดยไม่ปิดบัง เพราะรู้ดีว่าป่วยการที่จะโกหก เอริคเดินเข้ามานั่งเก้าอี้ฝั่งประจำของเขา ปกติทั้งคู่มีนัดเล่นหมากรุกกัน แต่คืนนี้ไม่ เพราะพรุ่งนี้พวกเขาต้องช่วยกันฝึกพลังของพวกเด็กๆ แต่เช้า

“ นายกำลังคิดอยู่ล่ะสิว่าหลังจากนี้นายจะใช้ซีเรโบรทำอะไรได้อีก แต่บอกตามตรงนะนายมองโลกในแง่ดีเกินไป ถ้าคิดว่าพวกเขาจะไม่เรียกร้องผลตอบแทนอะไรจากนายเลย” เอริคเอ่ยเรียบเรื่อยตามสไตล์ของเขา

“ ฉันรู้ว่านายผ่านอะไรมามากเอริค และนายคงไม่คิดว่าฉันใสซื่อขนาดนั้นหรอกใช่ไหม เพียงแต่ว่าซีเรโบรมันจะช่วยให้ฉันตามหามนุษย์กลายพันธุ์ได้อีกเป็นร้อยๆ คน นายไม่ตื่นเต้นบ้างหรือ คนที่แตกต่าง คนที่ “เหมือนพวกเรา” ”

เอริคทำเสียงหึในลำคออย่างไม่เห็นด้วย ก่อนที่จะตอบว่า

“ นายบอกว่า “เหมือนพวกเรา” นายเริ่มใช้คำนี้ได้ตั้งแต่เมื่อไรนะ ก่อนที่นายจะโดดลงมากอดรัดฟัดเหวี่ยงฉันในทะเล ฉันอยู่คนเดียวมาตลอด ฉันไม่เหมือนนายชาร์ลส นายยังมีเรเวน ฉันดิ้นรนที่จะอยู่บนโลกใบนี้มานานพอๆ กับที่นายกับหล่อนพยายามที่จะทำตัวเป็นปกติ นายยังไม่รู้จักความโหดร้ายของโลกนี้ดีพอ ”

“ ฉันทำได้นะเอริค ถ้านายอยากให้ฉันรู้” คำพูดของเอริคทำให้ชาร์ลสนึกฉุนขึ้นมาบ้างเหมือนกัน ที่เอริคมัวแต่ทำตัวเหมือนกับถูกโบยตีด้วยความทุกข์โศกในอดีตอยู่ตลอดเวลา และมองโลกในแง่ร้ายเสียพูดจาดูถูกเขาขนาดนี้

“เอาเลยสิ ฉันอยู่ตรงนี้แหละ ฉันไม่หนีไปไหนหรอก” ดวงตาสีเทาของเอริคมองอย่างท้าทาย

ชาร์ลสไม่รีรอที่จะรับคำท้า เขาเริ่มสำรวจเข้าไปในจิตใจของเอริคทันที แต่สิ่งที่เขาเห็นคือมุมมองสายตาของเอริคที่กำลังจ้องมองเขาอยู่ในขณะนี้ สายตาของเอริคราวกับกำลังลูบไล้ใบหน้าของเขา และเลื่อนผ่านมาที่ริมฝีปาก ลำคอ ไม่ใช่เพียงแค่ถูกมอง ชาร์ลสรู้สึกได้ว่าเขากำลังถูก “สัมผัส” และทันทีที่สายตานั่นเลื่อนต่ำมายังกระดุมเสื้อเชิร์ตของเขา ชาร์ลสก็ลืมตัวขยุ้มคอเสื้อตัวเองแทบไม่ทัน และถอนจิตออกมาจากสมองของเอริคทันที

“ ไอ้ทุเรศ นายมันขี้โกง! ”

“ รู้แล้วใช่ไหมว่าโลกมันโหดร้ายยังไง” เอริคหัวเราะเบา ๆ และเขยิบตัวเข้ามาหาช้า ๆ

“ ต้องให้พูดอีกไหมว่าตอนนี้ฉันต้องการอะไร”

“ เอริค นี่มันไม่ใช่เวลาที่จะ.....” ชาร์ลส พยายามเฉไฉ แต่ก็ไม่เป็นผลแล้วเพราะตอนนี้เอริค ลุกขึ้นมาประชิดตัว

“ นายเองก็รู้ว่านั่นไม่ใช่คำตอบที่ฉันต้องการ” เอริคว่า

ชาร์ลส หมดทางที่จะหนี เขาไม่พอใจนักที่เอริคเลือกที่จะมาปิดกั้นตัวเองใส่เขาในเวลาแบบนี้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า หลังจากที่เข้าไปสำรวจภายในใจของเอริค ตัวของเขาเอง....ก็ต้องการในสิ่งเดียวกัน

“ ล็อคประตูก่อน” ชาร์ลสตอบเสียงแผ่วเบา

“ ล็อคแล้ว”

เอริคตอบ พร้อมกับเสียงล็อคประตูที่ดังขึ้น




SHAW/RIPTIDE

เซบาสเตียน ชอว์ไม่เคยต้องการคำตอบใดๆ จากเขา เพราะรู้ว่าทุกคำสั่งเขาจะทำตามอย่างไม่อิดออด ฮานอส เควสต์ หรือที่ในเฮลไฟร์ คลับ รู้จักเขาในนามริพไทด์ ชายหนุ่มผู้ที่รอคอยรับคำสั่งของชอว์อยู่เงียบ ๆ หากไม่สังเกต เขาก็แทบจะไม่อยู่ในสายตา ซึ่งนั่นก็ถือว่าเป็นโชคดีแล้ว เพราะเมื่อถึงเวลาที่ ริพไทด์ลงมือ นั่นหมายถึงเตรียมตัวหลบพายุร้ายเอาไว้ให้ดีๆ

ยามปกติแล้วริพไทด์ เป็นเหมือนดังสายลมที่เงียบสงบ การมีตัวตนของเขามีอยู่อย่างเบาบาง เพราะสายตาทุกคู่ต่างพากันไปจับจ้องอยู่ที่เอ็มม่า ฟรอสต์ สาวสวยที่อยู่ข้างกายชอว์อยู่เสมอ และสำหรับคนที่ชะตาไม่ขาด ถ้าโชคดีก็จะได้เห็นบุรุษร่างสีแดงเพลิงราวกับปีศาจ อซาเซล แว้บไปแว้บมาอย่างกับเงาผีมาคอยรับคำสั่งของชอว์
งานของริพไทด์ คืออะไร...มีเพียงแต่เขาที่รู้

“ นายรู้ไหมว่าทำไมฉันถึงให้นายคอยอยู่ข้างๆ ฉัน ฮานอส” จู่ๆ วันหนึ่งที่เหมือนว่าชอว์จะอารมณ์ดีจัดก็พูดขึ้นมา ระหว่างที่ทั้งคู่เพิ่งเสร็จกิจและนอนพักอยู่บนเตียง

ใช่ งานของริพไทด์คือรับคำสั่งของชอว์ทุกอย่าง รวมไปถึงกับเป็นเพื่อนนอนยามที่เขาต้องการ

“ นายเป็นเหมือนกับสายลม ฮานอส” ชอว์ สวมกอดร่างเปลือยเปล่าของริพไทด์ จากข้างหลัง และใช้มือเขี่ยเส้นผมสีน้ำตาลเข้มยาวประบ่าเล่น
“ นายไม่มีที่มาที่ไป ไม่มีใครเคยสังเกตนาย แต่แล้วจากลมแสนสงบก็กลายเป็นพายุร้ายได้ในพริบตา กว่าที่พวกเขาจะรู้ตัว ชีวิตก็ปลิวหลุดออกจากร่าง”

“ มีแต่ฉันคนเดียวที่เห็นค่าของนาย” ชอว์กล่าวอย่างพึงพอใจ เขาลูบไหล่ของริพไทด์ เบาๆ และลุกขึ้นแต่งตัว ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า

“ คืนนี้เตรียมตัวให้ดีนะ เอริคมาแน่ ”

“ ท่านรู้?” ริพไทด์ กล่าวอย่างตื่นตระหนก เขาสืบมาได้ว่าเอริคมาตามหาชอว์ในไมอามี่ได้พักหนึ่งแล้ว เพียงแต่ความรู้สึกบางอย่างห้ามเขาไว้ไม่ให้บอกชอว์ ริพไทด์ อยากจะรู้ว่าชายหนุ่มที่ชอว์เคยเรียกชื่อออกมายามมีเซ็กซ์กับเขานั้นเป็นอย่างไรบ้าง ไม่ใช่ว่าเขาอิจฉาเพียงแต่เขาอยากให้เห็นกับตาว่าหากเอริคและชอว์ได้พบกัน ทั้งคู่จะปฏิบัติต่อกันอย่างไร ชายผู้ที่ชอว์เคยปล่อยให้หลุดมือไปนั้น จะมีความสามารถแบบไหนกันนะ

“ แน่นอน พ่อพรายกระซิบอซาเซลบอกฉัน ว่าแต่นายเองก็รู้ไม่ใช่เหรอ” สายตาแข็งกร้าวของชอว์ตระวัดวาบมาที่ริพไทด์ ทำเอาเขารู้สึกขนลุกวาบ

“ ผมขอโทษครับท่าน” ฮานอส ยันกายขึ้นมาอย่างสำนึกผิด

“ เอาเถอะ แต่งตัวซะอย่ายืดยาด พ่อเด็กน้อยเอริค ของฉันยังต้องการการต้อนรับจากนาย”

ว่าเสร็จชอว์ก็เดินจากไป ทิ้งให้ริพไทด์ ครุ่นคิดกับความรู้สึกของตนเองอยู่ตามลำพัง

โดยที่ไม่รู้เลยว่าสายลมในใจของริพไทด์ กำลังก่อเค้าพายุขึ้นมาอย่างเงียบๆ




HANK/ALEX

“ เฮ้ย ตีนโต!”

“ วะ! บอกกี่ทีว่าอย่าเรียกอย่างนี้” แฮงค์ หันกลับไปต่อคำกับอเล็กซ์อย่างไม่สบอารมณ์ หนุ่มร่างโย่งขยับแว่นอย่างเคร่งเครียด เขาไม่ชอบเลยที่โดนล้อปมด้อยบ่อยๆ จากอเล็กซ์ เพราะเอาเข้าจริงแล้ว อเล็กซ์ควรจะเป็นฝ่ายที่เคารพเขาด้วยซ้ำ เพราะถึงจะอายุไล่เลี่ยกันแต่เขานับได้ว่ามีมันสมองระดับอัจฉริยะเป็นถึง ด็อกเตอร์ และเพิ่งสร้างเครื่องควบคุมพลังให้กับอเล็กซ์ไปแหมบ ๆ

“สองบุคลิกนี่หว่า ทีตอนอยู่กับศาสตราจารย์เซเวียร์ทำเป็นพูดเพราะพูดดี”

“ ก็เพราะนายน่ารำคาญนี่ มีอะไรก็ว่ามา ฉันรีบ ยังมี “งาน”ต้องทำอีกเยอะ ” แฮงค์จงใจเน้นตรงคำว่างานให้ชัดๆ เพราะอยากให้อีกฝ่ายได้รู้สำนึกบ้าง

“ เอ่อ..อ่า..ไม่มีอะไร นายไปเถอะ” อเล็กซ์ อึกๆ อักๆ แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา

“ ประสาท!” แฮงค์ว่าอย่างอารมณ์เสีย

ทว่าด็อกเตอร์หนุ่มน้อยเดินจากมาได้เพียงไม่กี่ก้าว แต่แล้วก็ต้องหยุดกึกเพราะว่ามีเสียงไล่หลังดังขึ้นมากระทบโสตประสาท

“ ขอบคุณนะ แฮงค์” อเล็กซ์พูดขึ้นอย่างอายๆ

“อะไรนะ” แฮงค์แกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน

ด็อกเตอร์หนุ่มเดินหันหลังกลับไปหา อเล็กซ์ที่กำลังทำหน้าปุเลี่ยนๆ เหมือนเพิ่งกินมะนาวเปรี้ยวๆ เข้าไป

“ บอกว่าขอบคุณ ไอ้โบโซ่”

“ เมื่อกี้ไม่ได้ว่างี้นี่”

“ เออๆๆ จะบอกว่าขอบคุณครับด็อกเตอร์แฮงค์สำหรับเครื่องมือควบคุมพลัง เมื่อกี้บอกว่ารีบไม่ใช่เหรอ ไปไหนก็ไปไป๊” อเล็กซ์เขินจัดพูดเร็วปรื๋อ และแกล้งทำเป็นไล่ส่ง

แต่แทนที่จะไปด็อกเตอร์หนุ่มน้อยยิ้มกว้างอย่างพอใจกับคำเรียกแทนตัวใหม่ ยิ่งทำให้อเล็กซ์ทำตัวไม่ถูกยิ่งกว่าเดิม

“ เอ้อ ว่าจะบอกหลายทีละ เรื่องเท้าของนายน่ะ”

“ ทำไม” พอพูดถึงเรื่องเท้าซึ่งเป็นเหมือนกับเรื่องต้องห้ามของแฮงค์ ด็อกเตอร์หนุ่มก็ชักสีหน้า และเปลี่ยนไปพูดเสียงแข็งขึ้นมาทันที

“ อย่าเพิ่งโกรธเดะ ฉันแค่จะบอกนายว่า ที่จริงมันก็ไม่ได้แย่อะไรหรอกนะ เจ๋งดีออกด้วย แค่นี้แหละ” ว่าแล้วอเล็กซ์ก็เดินจ้ำอ้าวจากไป

ด็อกเตอร์แฮงค์ แม็คคอย ก้มลงมองเท้าตัวเองที่ตอนนี้ซ่อนอยู่ในรองเท้าคู่โตอย่างรู้สึกสับสน ยาเซรุ่มที่เขาสกัดจากเรเวนกำลังจะสำเร็จในไม่ช้านี้แล้ว ความลังเลใจก่อตัวขึ้นในอย่างประหลาด ทั้งๆ ที่ไม่มีวันไหนที่เขาไม่คิดที่จะเปลี่ยนให้เท้าเป็นเหมือนมนุษย์ปกติเลยซักวันเดียว เขามองตามอเล็กซ์จนเดินลับหายไป แต่ก็ตัดสินใจไปแล้วว่าอย่างไร เขาก็ต้องทำเซรุ่มออกมาให้เสร็จให้ได้

fanfic, x-men

Previous post Next post
Up