Lost Ep.2
Auther : Paan_Junno
Act.Akanishi Jin, Taguchi Junnosuke, Kamenashi Kazuya
Note : สถานการณ์ช่วงนี้น่าเป็นห่วง ทุกคนระมัดระวังตัวด้วยนะคะ...
Lost 2........
“ครูว่าวันนี้พอแค่นี้ก่อนล่ะกันนะ...ดูท่าพวกเธอคงไม่อยากได้อะไรเพิ่มเข้าไปในหัวอีกแล้วละ”
เสียงอาจารย์ประจำวิชาการจัดการสื่อวิทยุกระจายเสียงและโทรทัศน์กล่าวกับนักศึกษาในห้องเรียนรวม ซึ่งนัก
ศึกษาส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ค่อยสนใจอะไรนักหรอก
“เออนี่...เมื่อสองสามวันก่อนได้ข่าวว่ามีเด็กถูกรถชนหรอ....พวกเธอรู้เรื่องกันหรือเปล่า”
และก็ได้ผล..งเพราะอย่างน้อยก็มีเด้กสี่ห้าคนที่หยุดการกระทำแล้วหันมาสนใจที่หน้าห้องทันที
“แม่งเอ๊ย....จะพูดเรื่องนี้ขึ้นมาทำซากอะไรวะ”
เสียงสบถอย่างหงุดหงิดดังขึ้นทันทีจากปากบางๆของใครคนนึง ทำเอาเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆต้องศอกเพื่อหยุดเขา
ในขณะที่ร่างโปร่งบางของจุนโนะก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากห้องเรียน ทำให้คนที่พูดเมื่อกี๊วิ่งตามออกไปทันที
“เดี๋ยว....จุนโนะ...จะไปไหน...”
“เฮ้ยเมะ....กระเป๋ามึง....”
“ก็เก็บไปให้มันสิวะไอ้คิ...เรียกไปมันก็ไม่หยุดหรอก...”
“เฮ้อ....ทำไมมันต้องเกิดเรื่องแบบนี้กับพวกเราด้วยวะ....คนเดินถนนตั้งเยอะตั้งแยะไม่ชน...มาชนเอาไอ้จิ
นเนี่ย...เออนี่...มึงเห็นที่เกิดเหตุกันหรือเปล่าวะ”
โคคิถามเพื่อนที่กำลังเก็บของอยู่ แต่ละคนก็พยักหน้าให้ ก่อนที่หนุ่มหน้าหวานคนนึงจะพูดอะไรที่มันขัดกับ
หน้าตามากๆออกมา...
“แม่งแทบไม่มีรอยเบรกเลยล่ะมึงเอ๊ย...มามีเอาใกล้ๆตรงที่ชนไอ้จินนั่นแหละ”
“เกินไปหรือเปล่าโทโมะ...ไม่มีรอยเบรกนี่แสดงว่า.....”
“ชนเต็มเหนี่ยว” เสียงเป็ดๆของใครคนนึงสวนโคคิขึ้นมา “แบบไม่ยั้ง...แม่โว้ย...ตั้งใจจะให้ตายกันเลยหรอไง”
“เดี๋ยวเหอะไอ้เคย์...ปากหมาแบบนี้เปิดฟาร์มเพาะพันธุ์หมาแทนร้านราเมนไหม....”
ตรงลานโล่งระหว่างตึกเรียน ที่ทางมหาวิทยาลัยจัดให้เป็นสวนหย่อมน้อยๆแต่ก็ร่มรื่น อากาศที่บริสุทธิ์เพราะ
อ็อกซิเจนที่ต้นไม้ปลายออกมานั้น กลับไม่ได้ทำให้จุนโนะสดชื่นขึ้นแม้แต่น้อย ร่างโปร่งบางที่ตอนนี้กลับบาง
ลงอีกจนหน้าใจหาย อีกทั้งหน้าตาที่อิดโรยซีดเซียวเพราะไม่ได้นอนนั้น ยิ่งทำให้ร่างร่างนี้ดูเปราะบางจนน่ากลัว
รอยบวมช้ำที่ใต้ตานั่นอีกล่ะ สภาพจุนโนะตอนนี้ทำเอาคาเมะที่เดินตามมาเงียบๆอยากจะเข้าไปกักเอาไหว
เหลือเกิน เพราะกลัวว่ามันจะปลิวตามลมไป
“จุนโนะ....”
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้วล่ะคาเมะ....ไม่ต้องปลอบอะไรฉันอีกแล้ว....”
จุนโนะไม่รอฟังคาเมะพูดให้จบ เขาไม่ต้องการอีกแล้ว ไอ้คำพูดปลอบใจบ้าบอนั่น ไม่เอาแล้ว ถ้ามันไม่ทำให้จิ
นดีขึ้นก็ไม่ต้อง ไม่ต้องพูดอะไรออกมา
“นายจะเป็นอย่างนี้ต่อไปถึงเมื่อไหร่...คิดว่าทำแบบนี้แล้วอะไรๆมันจะดีขึ้นหรือไง”
“ฉันเป็นยังไง...ฉันไปทำอะไรให้นาย...คาเมะ”
“นายไม่ได้ทำอะไรให้ฉันหรอกจุนโนะ...แต่นายกำลังทำอะไรกับตัวเองมากกว่า”
“ฉัน....ไม่รู้หรอก”
จุนโนะพูดได้แค่นั้นก็สะอื้นออกมา มันเก็บไม่อยู่แล้ว มันกลั้นไว้ไม่อยู่ ทำไมกัน ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้ด้วย
คาเมะเห็นแล้วก็แทบทำอะไรไม่ถูก
“นายจะให้ฉันร่าเริงหรอคาเมะ...นายจะให้ฉันมีความสุขเหมือนเดิมหรอ....นายต้องการอะไรกัน...”
“ไม่ใช่นะ...ฉันไม่ได้ต้องการอะไร...” คาเมะถลันมาถึงตัวจุนโนะ จับไหล่จุนโนะเอาไว้พลางหันให้จุนโนะมอง
มาทางเขา “ฉัน....ไม่เคยต้องการอะไรจากนาย...ไม่เคยเลย...เพียงแค่ฉันต้องการให้นาย...ไม่สิ...ฉันแค่ไม่อยาก
ให้นายต้องทนทุกข์ทรมานอยู่คนเดียวก็เท่านั้นเอง”
คาเมะกลืนคำว่า...มีความสุข...ลงคอไป เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จาพูดเรื่องความสุขบ้าบออะไรทั้งนั้น เขาเพียงแค่
อยากให้ร่างตรงหน้านี่พูดกับเขา หรือบอกอะไรกับเขาบ้างก็เท่านั้น ไม่ใช่เก็บเงียบอยู่กับตัวเอง วันนั้น...วันที่
เกิดเรื่อง เขาเองก็อยู่ รับรุ้ทุกอย่าง ก็จุนโนะเป้นคนโทรหาเขาเอง เสียงร้อนรนของจุนโนะที่เขาได้ยินนั้น...ทำ
ให้เขารีบออกมาจากย่านการค้าทันที
“คนที่ต้องทนทุกข์ทรมานน่ะ...จินต่างหาก...ไม่ใช่ฉัน...”
“แต่ที่นายเป็นอยู่ตอนนี้ล่ะ...มันเรียกว่าอะไร...ที่นายนั่งเงียบไม่พูดไม่จากับใคร ไม่ว่าจะไอ้พวกนั้น....หรือแม้
แต่ฉัน”
“แล้วมันจำเป็นต้องฟูมฟายด้วยหรอ...ในเมื่อไม่ว่ายังไงแล้วมันก็จะไม่มีวันเปลี่ยนไป...เรื่องที่เกิดขึ้นน่ะ....ถ้า
ฉันพูดออกมา...แล้วนายเปลี่ยนมันได้หรอคาเมะ”
จุนโนะพูดออกมาอย่างเหลืออดพลางจ้องตาคาเมะ คาเมะบีบแขนจุนโนะจนร่างโปร่งนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ
“ไม่ได้....ฉันเปลี่ยนอะไรไม่ได้หรอก....เพียงแค่ฉันเป็นห่วงนายเท่านั้น...ไม่ได้หรือไง” คาเมะตะคอก “ห๊ะ...จุน
โนะ..ฉันไม่มีสิทธิ์ห่วงนายอย่างนั้นหรอ....เรารู้จักกันมานานแค่ไหนแล้วจุนโนะ...นานแค่ไหนแล้ว...”
“ฉันรู้...แต่ตอนนี้...ไม่มีเรื่องไหนสำคัญเท่ากับเรื่องของจินอีกแล้ว...จินยังไม่ฟื้น...เป็นตายเท่ากัน...นายจะให้ฉัน
อยู่อย่างปกติสุขหรอ...”
“จะฟื้นหรือไม่ฟื้น...มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องที่ฉันพูด...ไม่ไม่เกี่ยวอะไรกับความเป็นห่วงของฉันที่มีต่อนาย...”
“เห็นแก่ตัวเกินไปแล้ว...คาเมนาชิ คาซึยะ” จุนโนะเบี่ยงตัวออกจากคาเมะ “นายไม่ห่วงจินหรอ...นายพูดแบบนี้
ออกมาได้...นายไม่ห่วงจินเลยใช่ไหม...หรือนายจะยังยิ้มอยู่ได้...ถ้าจินไม่ฟื้นขึ้นมาอีก”
“จุนโนะ” คาเมะถอยออกมาจากจุนโนะ “นายเห็นฉัน...เป้นคนแบบนั้นเลยใช่ไหม...จิน...มันเป็นเพื่อนฉันนะ”
คาเมะเงียบไป ทำให้จุนโนะรู้ตัวว่าตัวเองพูดแรงเกินไปแล้ว และพอดีกับที่พวกของโคคิเดินตามมาทันพอดี
ทุกคนจึงหยุดเท้าไว้เพียงแค่นั้น
“มึง....มันทะเลาะกันหรอวะ” โทโมะฮิสะหันไปถามคนตาปรือๆที่อยู่ข้าง
“ถามกู...แล้วกูจะรู้ไหม” เคย์อิจิโร่ตอบกลับ
“กูว่า...สถานการณ์ไม่ค่อยดีเลยว่ะ..”
“นั่นสิ....”
“นายเห็นฉันเลวขนาดนั้นเลยหรอจุนโนะ...นายคิดว่าฉันจะยิ้มออกหรอ...ถ้าคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนของฉัน...จะ
กลายเป็นเจ้าชายนิทรา”
“มะ...ไม่ใช่....”
คาเมะไม่ฟังสิ่งที่จุนโนะพยายามจะพูดกับเขา เขาหันหลังเดินจากจุนโนะมาอย่างผิดหวัง
คาเมะเดินผ่านกลุ่มเพื่อนของเขาราวกับว่าไม่รู้จักกัน ทำเอาพวกของยูอิจิมองหน้ากันเลิกลั่ก
“เฮ้ยเมะ....” เสียงของโคคิที่เรียกเอาไว้ ทำให้คาเมะหันมามอง “กะ...กระเป๋า...มึง”
คาเมะเดินกลับมาเอากระเป๋าไปจากมือโคคิ...ก่อนจะเหลือบตาไปมองจุนโนะอีกครั้งนึง พอเห็นอีกฝ่ายอ้าปาก
จะพูด เขาก็หันหลังกลับแล้วเดินจากไป โทโมะฮิสะหันไปหาจุนโนะก็เจอเข้ากับดวงหน้าซีดๆ ตาแดงๆ เลยเดิน
เข้าไปหาทันที
“มีอะไรกันหรอ...จุนโนะ”
“ฉัน....ฉันพูดไม่ดีกับเขา....ฉันเอาเรื่องจินไปลงที่คาเมะ...ทั้ง...ทั้งๆที่เขาเป็นห่วงฉัน....ฉันยังพูดไม่ดีใส่เขาอีก....
ฉันมันแย่จริงๆเลย....คาเมะไม่เกี่ยวอะไรแท้ๆ”
จุนโนะพูดได้แค่นั้นก็ซบหน้าลงกับไหล่โทโมฮิสะพลางทิ้งน้ำหนักตัวแทบทั้งหมดลงที่เพื่อน โทโมะรู้ดีว่าเพื่อน
เขาเวลานี้จะยืนก็แทบไม่อยู่แล้ว จึงเอาแขนกอดประคองรอบเอวของจุนโนะไว้ พอดีกับที่คาเมะหันกลับมามอง
จุนโนะ และเขาก็เบือนหน้าหนีแทบจะทันที
“ทำไมกับฉัน...นายไม่ยอมอ่อนแอบ้างนะจุนโนะ”
.......................................................................................................................
คาเมะเดินเตร่ไปเรื่อยหลังจากที่แยกกับจุนโนะ เขาไม่รู้หรอก...ว่าเขาจะไปไหน แค่ไม่อยากกลับบ้านก็เท่านั้น
คาเมะแวะไปที่เกมส์เซ็นเตอร์หวังจะเล่นเกมส์แก้เซ็ง แต่พอเข้าไป เสียงดังโหวกเหวกที่ปกติจะทำให้เขาคึก
อยากจะเล่นเกมส์ให้มันตายกันไปข้างนึงนั้น วันนี้กลับทำให้เขารำคาญจนแทบจะตะโกนออกมา พอไปเดิน
เล่นในตรอกทาเคชิตะที่ฮาราจุกุหวังจะไปดูอะไรเล่นเพลินๆ แต่เวลาบ่ายๆแบบนี้ก็มีเด็กวัยรุ่นเดินกันให้ยั้วเยี้ย
ไปหมด ทำให้เขารีบจ้ำพรวดๆทะลุไปออกถนนฝั่งเมโตร นั่งรถใต้ดินไปแถวๆโตเกียวทาวเวอร์ ก็ไม่รู้จะไปลง
ไหนนี่หว่า....
“เฮ้อ.....คาซึยะเอ้ย....มาทำอะไรที่นี้วะเนี่ย...” คาเมะเดินไปเรื่อย...จนมาหยุดอยู่หน้าสิ่งก่อสร้างสีแดงขนาดใหญ่
ที่ปลายเป็นสัญลักษณ์ของโตเกียวทันทีที่สร้างเสร็จ ข้างๆกันนั้นมีสถานที่ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่กลับอยู่
กันได้อย่างลงตัว
“คาเมะ....ทำไมใต้โตเกียวทาวเวอร์มีสุสานด้วยล่ะ...น่ากลัวจัง” เสียงเล็กๆดังขึ้นข้างๆตัวเด็กชายคาซึยะ
“ไหนๆ....”
“นู่น.....” นิ้วป้อมๆชี้ไปทางข้างหน้า ทำให้คาซึยะมองตามก่อนจะกระชับมือที่จับอยู่แล้วพาวิ่งไปข้างหน้า
“เฮ้ย...จะพาฉันไปไหน....ปล่อยน๊า”
“ก็พาไปดูสุสานไง....สนใจไม่ใช่หรอ...”
คาเมะวิ่งต่อโดยไม่สนใจแรงขัดขืนของอีกฝ่าย....แถมยังหัวเราะร่าอีกด้วย....
“คาเมะ...ไม่เอาน๊า....”
“น่าไม่เป็นไรหรอก....ดูสิ...เรามาอยู่ในสุสานแล้วนะ...เห็นไหม...”
“ไม่เห็น...”
คำตอบของอีกคนทำเอาคาเมะหัวเราะร่า.....
“เปิดตาสิ....ตาตี่อยู่แล้วจะปิดทำไมอีก....” พลางดึงมือของอีกคนออกจากหน้า “เห็นไหม....ไม่น่ากลัวหรอกจุน
โนะ”
“จริงด้วย....”
คาเมะจูงมือจุนโนะเดินไปรอบๆสุสาน มันไม่น่ากลัวซักเท่าไหร่เมื่อเทียบกับสุสานอื่นๆที่พวกเขาเคยไป เด็ก
ชายจุนโนะจ้องมองแผ่นป้ายต่างๆอย่างสนอกสนใจ คาเมะที่เดินอยู่ข้างๆจึงถามขึ้นมา
“ไม่กลัวแล้วหรอ....”
“หึ....ไม่เท่าไหร่...แปลกเนอะ...”
“ยังไง??”
“ก็ใต้โตเกียวทาวเวอร์...มีสุสาน....อย่างงี้คนที่มาเที่ยวก็กลัวแย่สิ...”
“แล้วนายกลัวมั้ยล่ะตอนนี้...”
“ไม่แล้วล่ะ....แล้วนายล่ะ”
“ถ้าฉันกลัวแล้วฉันจะลากนายมาทำไมเล่าจุนโนะ”
“เก่งจัง....” จุนโนะชมคาเมะตาแป๋ว “นายนี่ดีจัง...”
“ชอบมั้ยล่ะ...”
“ไร....”
“ฉันเก่ง...แล้วชอบฉันไหม...” คาเมะถามยิ้มๆ
“ชอบ...” จุนโนะตอบแบบไม่ต้องคิด “ชอบสิ...อยู่กับคาเมะแล้วฉันไม่ต้องกลัวอะไร...ชอบๆๆๆๆ”
“งั้นนายต้องอยู่กับฉันตลอดไปนะจุนโนะ....”
“ได้สิ...”
“งั้นมาเกี่ยวก้อยสัญญาก่อน...”
คำตอบที่ได้รับทำให้เด็กชายคาซึยะยิ้มร่า...ก่อนจะยื่นนิ้วก้อยออกมาให่คนตรงหน้า...และจุนโนะก็เกี่ยวก้อยคา
เมะพลางเขย่าไปมา
“สัญญา...ว่าจุนโนะจะอยู่กับคาเมะตลอกไป...”
“คาซึยะ....จุนโนะ...อยู่ไหนกันลูก...”
เสียงร้อนรนของหญิงคนนึงดังขึ้น ทำให้เด็กทั้งสองคนสะดุ้งแล้วมองไปทางต้นเสียง...
“อยู่นี่ฮะแม่...ผมกะจุนโนะอยู่นี่”
คาเมะตะโกนออกไป ทำให้แม่ของเขาหยุดยืนอยู่หน้าสุสาน
“มาเล่นอะไรกันในนี้...คาเมะ..พาหนูจุนโนะมาแล้วเหลวไหลแบบนี้เกิดไรขึ้นแม่จะบอกคุณน้าแม่ของจุนโนะ
ว่ายังไง....มานี่เลย...แม่ซื้อตั๋วขึ้นทาวเวอร์แป๊บเดียวแท้ๆ”
“คร้าบบบบบบบบบบบบบ”
คาเมะตอบเสียงยาวก่อนจะหันไปจับมือจุนโนะแล้ววิ่งไปหาแม่ของเขา
“นายสัญญาแล้วนะจุนโนะ”
“อืม...สัญญา”
เสียงหัวเราะเล็กๆสองเสียงเกิดขึ้นท่ามกลางสุสานอย่างที่ไม่น่าจะมีเสียงที่มีความสุขแบบนี้ได้...
คาเมะยิ้มให้กับความทรงจำเก่าๆระหว่างเขากับจุนโนะ...ที่นี่....ที่ที่เขาเคยได้รับสัญญาจากใครคนนึง...สัญญาที่
เขารักษามานานหลายปี
“หึ...นึกถึงทำไมคาซึยะ...เขาจำไม่ได้แล้ว....เหลือแค่นายคนเดียวแล้ว”
......................................................................................
“คาซึยะ...ไปไหนมาลูก...กลับซะค่ำมืดเชียว...”
“โทษทีฮะแม่....ผมเดินเล่นเพลินไปหน่อย”
แม่ของเคาเมะถามขึ้นทันทีที่คาเมะปิดประตูบ้าน เขาเหลือบไปมองนาฬิกา นั่นสิ...สี่ทุ่มกว่าแล้ว....รถไฟยังไม่
หมดก็ดีเท่าไหร่แล้ว...
“กินไรมาหรือยังล่ะ...” แม่ของเขาถามมาจากหน้าเคาท์เตอร์ กำลังง่วนทำอะไรซักอย่าง...
“เรียบร้อยแล้วฮะ...”
คาเมะตอบ ที่จริงยังไม่ได้กินไรมาหรอก มันไม่หิว เขากำลังจะขึ้นไปห้องเขาแต่แม่เขารั้งไว้ก่อนพร้อมยื่นจาน
ขนมกับชาหวานให้สองขวด
“อ่ะ...”
“ไรแม่...” คาเมะรับมางงๆ มองแม่ทีขนมที
“ของคนข้างบน...เขามารอตั้งนานแล้ว...”
“ใครฮะ...” คาเมะถามต่อ...แต่แม่เขาเอาแต่ยิ้ม ไม่ตอบอะไร...
“ขึ้นไปดูเองเถอะ...เอ่อ..ชาน่ะ...ของลูกขวดนึงนะ...เผื่ออยาก...”
คาเมะเร่งฝีเท้าเดินขึ้นห้องด้วยความสงสัย ใครกันจะมาหาเขาเวลาแบบนี้ ยิ่งรายนั้นน่ะเลิกคิดได้เลย เขาค่อยๆ
เปิดประตูห้องของเข้าก่อนก้าวเข้าไปในห้อง พลันสายตาก็ปะทะกับร่างสูงโปร่งที่นั่งกอดเข่าอยู่ตรงประตูเลื่อน
ออกไปที่ระเบียงเล็กๆของเขา....
“จุนโนะ...”
“เอ่อ....คาเมะ....กลับมาแล้วหรอ...”
เสียงเรียกของคาเมะแม้จะเพียงแผ่วเบา แต่ก็กลับทำให้จุนโนะสะดุ้งสุดตัว คงเป็นเพราะความเงียบในห้องบวก
กับเรื่องที่อยู่ในจะของจุนโนะตอนนี้ก็เป็นได้ คาเมะวางจานขนมแล้วขวดชาลงบนโต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็กที่ตั้งอยู่กลาง
ห้องเขา ก่อนจะหยุดมองหน้าจุนโนะโดยที่ไม่พูดอะไรซักคำ
“เอ่อ...คือ...”จุนโนะเห็นอีกฝ่ายเงียบก็เริ่มต้นไม่ถูก ไม่รู้จะเริ่มต้นพูดยังไง “นาย...ไปไหนมาหรอ...กลับซะดึก
เชียว”
“นายมาตั้งแต่เมื่อไหร่...” คาเมะสวนขึ้นมาเหมือนกับไม่ได้ยินที่จุนโนะถาม....
“หะ...ห๊ะ..”
“ฉันถามว่านายมาตั้งแต่เมื่อไหร่...”
“ซักพักแล้วล่ะ...ฉันมาที่นี่หลังจากที่ไปโรงพยาบาลมา...”
“ไปโรงพยาบาลหรอ....นายเป็น...” คาเมะสวนขึ้นมาด้วยความตกใจ ก่อนที่เขาจะนึกได้ว่าตอนนี้จินอยู่ที่โรง
พยาบาล “เอ่อ...ฉันลืมไปว่าจิน...”
“เอาเถอะ...”
“แล้วจินเป็นไงมั่งล่ะ...”
“ยังไม่ฟื้นเลย....”
“หรอ.....อือ....”
จุนโนะลุกขึ้นยืนขึ้นอย่างเก้ๆกังๆแล้วค่อยๆเดินมาหาคาเมะ แต่คาเมะกลับนั่งลงบนเบาะข้างๆโต๊ะ จุนโนะจึง
รีบนั่งลงตาม
“คาเมะ....ฉัน....ฉันขอโทษ....”
“เรื่องอะไร....”
“ก็เรื่องวันนี้....ที่....”
“ไม่เป็นไรหรอก....ฉันเข้าใจ....ฉันไม่ได้โกรธอะไร...”
“แล้วที่นายเดินหนีฉันออกมาล่ะ...ไม่เรียกว่าโกรธแล้วจะเรียกว่าอะไร....”
“นายมองฉันแย่ขนาดนั้น.....จะให้ฉันยืนอยู่ต่อหรือไงล่ะ....”
คาเมะพูดเสียงแข็งใส่จนุโนะ ก็มันจริงนี่...จะให้เขายืนอยู่ตรงนั้นต่อไปเพื่ออะไร จุนโนะเองก็รู้ว่าวันนี้เขาทำ
เกินไปกับคาเมะ อาจเป็นเพราะสภาพอารมณ์ในตอนนี้ของเขาที่ขึ้นๆลงๆ เขาเองก็ไม่อยากเป็นแบบนี้ ยิ่งโดน
คาเมะตะคอกใส่ จุนโนะก็ยิ่งหน้าเสีย เพื่อนคนนี้แทบไม่เคยโกรธเขา ซักครั้งก็แทบหาไม่เจอ คาเมะเห็นว่าจุน
โนะเงียบไป...จึงยื่นขวดชาหวานให้
“อ่ะ...เอาไป...” คาเมะยื่นมือไปตรงหน้าจุนโนะ “เอาไปสิ...”
“ขอบคุณนะ...”
“ไปขอบคุณแม่ฉันนู่น...เขาให้ฉันเอาขึ้นมาให้...อ่ะ....ขนมด้วย...” คาเมะเขี่ยๆในจาน หวังจะให้คนตรงหน้า
เครียดน้อยลง “มีแต่ของชอบนายทั้งนั้เลย...เฮอะ...”
“แต่นายก็กินได้นี่นา....ทุกทีก็แย่งฉันกินหมดตลอด...จะบ่นทำไม....”
“อะไร..อะไร...ไม่เคยแย่ง...” คาเมะพูดพลางหยิบขนมในจานใส่ปากเคี้ยวตุ้ยๆไม่สนใจใคร...
“เนี่ยนะ...”
จุนโนะจิ้มๆแก้มที่ตุ่ยออกมาของคาเมะ...คาเมะเลยขำออกมา เฮ้อ...ไม่เคยโกรธได้เลยสินะ
“หายโกรธน๊า....คาเมะ...”
“ก็บอกแล้วว่าไม่ได้โกรธไง...”
“ไม่เชื่อ...” จุนโนะกระเถิบมานั่งติดคาเมะ
“เฮ้ยๆ...เข้ามาทำไม...ห้องตั้งกว้าง....ไปเลยๆๆ”
“พูดมากเดี๋ยวติดคอหรอก...นั่นไง...”
ไม่ทันขาดคำคาเมะก็สำลักขนมที่อยู่ในปาก...จุนโนะรีบเปิดขวดชาส่งให้ คาเมะรับไปดื่มอั่กอย่างเร็ว จุนโนะที่
มองอยู่ก็ได้แต่ขำ...ว่าจะกลั้นหรอกนะ....แต่คาเมะหน้าดำหน้าแดงนี่นานๆเห็นที พอคาเมะหายใจเป็นปกติแล้ว
ก็ได้แต่เหล่จุนโนะ
“ขำไร...นายเลยจุนโนะ....เพราะนายแท้ๆ..” คาเมะนึกขึ้นได้กับชุดนอนที่ใส่เรียบร้อยแล้วของจุนโนะ “นี่กะ
นอนนี่เลยสิ...อาบน้ำแล้วด้วย...”
“ใช่...ก็กะว่าถ้าง้อเพื่อนขี้โมโหคนนึงไม่ได้...ก็จะไม่กลับ...”
“งั้นก็ไม่ต้องกลับ...”
“อ้าว...นายยัง..”
“มันดึกแล้ว...ฉันไม่ให้นายกลับหรอก...” คาเมะพูดพลางลุกขึ้นเดินไปทางห้องน้ำ “ไม่มีทาง....”
“นายว่าไรนะ...”
“ปะ...เปล่า....นายนอนไปก่อนก็ได้...ฉันอาบน้ำก่อน...จัดที่นอนได้นี่...เมื่อนก่อนก็มาง๊องแง๊งที่นี่บ่อยๆ”
“รู้แล้วน่า....”
คาเมะเดินหัวเราะเข้าไปในห้องน้ำ เขาอดขำกับท่าทางโยเยของจุนโนะไม่ได้ ทุกครั้งที่เขาแกล้งแหย่จุนโนะ
จุนโนะก็โวยวายใส่เขาแล้วก็หันไปทำอย่างอื่น เฮ้อ...คิดแล้วเขาก็ปลง ตั้งแต่จุนโนะคบกับจิน เขาก็ไม่ค่อยได้
อยู่กับจุนโนะซักเท่าไหร่หรอก จินหวงจุนโนะจะตายไป แต่ตอนนี้ คนที่รอเขาอยู่อีกห้อง คือจุนโนะ...เขาไม่
อยากจะเชื่อเลย คาเมะอาบน้ำไปรอฟังเสียงเกมส์ไป เพราะทุกครั้งที่จุนโนะมาที่บ้านเขา ไม่ว่าวันรุ่งขึ้นจะเป็น
วันหยุดหรือไม่ เขากับจุนโนะจะต้องนั่งจ่อมอยู่หน้าทีวีจนเกือบเช้าทุกครั้งไป....แต่วันนี้ จนคาเมะอาบน้ำเสร็จ
แล้วเขาก็ยังไม่ได้ยินเสียงเกมส์หรืออะไรทั้งสิ้น
คาเมะรีบแต่งตัวแล้วเปิดประตูออกไปก็พบเพียงความเงียบ และร่างของจุนโนะที่คลุมโปงอยู่บนเตียงของเขา
“นอนแล้วหรอ...” คาเมะตากผ้าเช็ดตัวพลางหันมาถาม
“อือ...หลับแล้ว..”
คำตอบที่คาเมะได่รับจากจุนโนะก็ทำให้เขาหัวเราะออกมา.....คาเมะเดินไปปิดไฟแล้วกลับมาล้มตัวลงอีกฟาก
ของเตียง...
“หลับแล้วจะตอบฉันได้ไง....ไอ้หน้าหวาน”
“อย่ามาเรียกฉันแบบนี้น่า...”
“ทำไม....เลิกทำหน้าจิ้มลิ้มให้ได้ก่อน...แล้วค่อยว่ากันอีกที...”
“อื้อ...อย่ากวน...ง่วง...”
จุนโนะพูดแค่นั้นก็เงียบไป ปล่อยให้คาเมะนอนจ้องแผ่นหลังของคนที่นอนอยู่ข้างกัน ก่อนที่คาเมะจะค่อยๆ
เอื้อมมือออกไป จุนโนะกลับพลิกตัวหันขวับมาทางเขา ทำเอาคาเมะมือค้างเติ่งอยู่อย่างนั้น.
“คาเมะ.....”
“อะ...อะไร...” คาเมะค่อยๆหดมือกลับมา..
“ฉัน....เหนื่อยจัง....” จุนโนะพูดแล้วก็ร้องไห้ออกมา...คาเมะเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เขาค่อยๆยกมือขึ้นมา
ใหม่...หวังจะปลอบประโลมร่างตรงหน้านี่ แต่จุนโนะกลับเป็นฝ่ายโผเข้าหาอ้อมอกของเขาเอง คาเมะจึงเอา
แขนกอดจุนโนะเอาไว้
“คาเมะ...ฉันนอนไม่ได้...ฉันทำอะไรก็ไม่ได้...แถมฉันยังพาลใส่นายอีก...ฉันจะไม่ไหวอยู่แล้ว....”
“ใจเย็นๆนะจุนโนะ....เดี๋ยวทุกอย่างก็จะผ่านไปเอง...”
“ยังไงคาเมะ...ฉันจะผ่านมันไปได้ยังไง...จิน...จินยังไม่ฟื้นเลย...”
“เดี๋ยวเขาก็ฟื้น...แล้วก็...” คาเมะทิ้งช่วงไป... “แล้วเขาก็จะกลับมาเป็นจินคนเดิมของนาย...”
“ฉันกลัวคาเมะ...” จุนโนะเพิ่มแรงรัดที่แขนตัวเอง “ฉันกลัวว่าต่อจากนี้ไป...อะไรๆจะไม่มีวันเหมือนเดิม...”
“แล้วอะไรมันจะเปลี่ยนไปล่ะ....นายกับจิน...ไม่มีวันแยกกันได้อยู่แล้ว...นายเองก็รู้...”
“ฉันรู้...แต่ว่า...”
“เอาน่า....พอเถอะ...นอนซะ...ตื่นขึ้นมาวันใหม่...อะไรๆก็ดีขึ้นเอง” คาเมะตัดบทพลางกระชับแขนให้แน่นขึ้น
“คาเมะ.....”
“ว่าไง....”
“พรุ่งนี้....ไปหาจินเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ.....นะ.....ได้มั้ย....”
จุนโนะเงยหน้ามามอง ตาที่ฉ่ำน้ำนั้น ทำให้คาเมะปฏิเสธไม่ลง
“ได้....แต่นายต้องสัญญาก่อน....ว่าคืนนี้...หรือคืนไหนๆ...นายจะไม่ร้องไห้เรื่องนี้อีก...เดี๋ยวจินก็ฟื้น...หรือไม่...ก็
โทรหาฉัน...ตกลงมั้ย...” คาเมะมองหน้าจุนโนะ ทำเสียงเข้มเป็นเชิงเอ็ด...แต่ก็ไม่จริงจังอะไร แต่จุนโนะกลับยิ้ม
ให้เขา
“ตกลง...ได้สิคาเมะ...”
“งั้น...คืนนี้ก็นอนได้แล้วไอ้ยุ่ง...”
คาเมะหลับตาลง..แต่ก็ยังไปปล่อยแขนออกจากตัวจุนโนะ..กอดเอาไว้อย่างนั้นแหละ ก็จุนโนะเองก็ไม่ได้ขัดขืน
อะไร ซักพักจุนโนะก็งึมงำขึ้นมาอีก..
“นี่....”
“อะไรอีก....นายนี่...ช่างพูดจริงวันนี้...”
“วันนี้ไปไหนมาหรอ....”
“อะไร...ใคร....ฉันหรอ...”
“อื้อ....” จุนโนะพยักหน้าหงึกหงัก
“ฉัน...ไปทาวเวอร์มา...”
“หลังจากที่แยกกับฉันอ่ะนะ...”
“อื้อ...”
“ไปทำไม...” จุนโนะถามต่อ...แต่เสียงก็เริ่มอ่อยลงเต็มที
“ก็...ไม่รู้จะไปไหน...ที่อื่นมันวุ่นวาย...ก็เลยนั่งรถไฟไปที่นั่น...”
“หรอ....แล้วมัน...” จุนโนะเว้นช่วงไป “ยังเหมือนเดิมมั้ย...”
“อะไร...”
“ก็ที่นั่นน่ะ....” จุนโนะขยับตัวเบียดหาเขามากขึ้น “สุสาน...ที่ฉันกับนายเคยไปน่ะ”
“นายจำได้หรอจุนโนะ...”
“ได้สิ...ทำไมจะจำไม่ได้ล่ะ....”
“เหมือนเดิมสิ...” เสียงของคาเมะดูตื่นเต้น...จุนโนะจำได้... “เหมือนเดิมแทบทุกอย่างแหละจุนโนะ”
“หรอ....งั้นนายต้องห้ามลืมนะ...”
“ลืมอะไร...”
“สัญญา...ที่นายเคยพูดกับฉัน...นายต้องไม่ลืมนะ...ที่นายจะไม่ทิ้งฉัน” ท้ายเสียงจุนโนะขาดห้วงไป เขาหลับแล้ว
จริงๆ
“ไม่ลืมหรอก...ถ้านายจำได้...มันก็จะไม่มีวันหายไป...เพราะฉันไม่เคยลืม...สัญญานะจุนโนะ..จุนโนะ...”
คาเมะลองเขย่าตัวจุนโนะดูเบาๆแล้วก็ยิ้มออกมา หลับไปแล้ว...แต่อย่างน้อยเขาก็รู้แล้วว่าจุนโนะจำสัญญานั่น
ได้...และเขาก็จะถือว่า จุนโนะจะต้องไม่ทิ้งสัญญานั่นปล่อยไว้ให้เป็นแค่เรื่องราวในไวเด็กเพียงเท่านั้น...
To Be Continue……